บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์ 3, 2019

วิถีแห่งสุขาวดี

รูปภาพ
หลายท่านคิดว่าการได้สวรรค์สุขาวดีเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ท่องนามพระอามิตภะเท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลยครับ การท่องนามหรือทำสิ่งอื่นใด เป็นแค่เสริมความปรารถนาว่าเราต้องการที่นั่น แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะได้สมความปรารถนาไปที่นั่น ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องวิถีแห่งสุขาวดีทำอย่างไรให้ได้สุขาวดี ดังต่อไปนี้ ๑ การไ ปด้วยกรรม สวรรค์แต่ละชั้นใช้บุญบารมีไม่เท่ากัน คนส่วนใหญ่ทำบุญมากมายได้แค่สวรรค์ชั้นที่สองครับ จะเอาสวรรค์ชั้นที่หกที่สูงกว่าก็ไม่ได้ จะเอาพรหมโลกที่สูงไปอีกก็ไม่ไหว ทว่า สุขาวดีนี่ต้องบุญบารมีเยอะกว่าอีกหลายเท่า ดังนั้น บุญแค่สร้างวัด, ปล่อยนกปล่อยวัวควาย ไม่พอเลย สุขาวดีนี่ เขาเอาไว้ให้คนที่ทำบุญเยอะแล้วล้นเกินแล้ว เหลือแค่กรรมต้องทำกรรมเพื่อปรับให้บุญกรรมสมดุลกันเท่านั้นครับ ใครที่บุญยังไม่ล้น ยังต้องทำให้ล้นก่อน อันนี้เรื่องจริงนะ แต่ละท่านที่ได้สุขาวดีนี่ทำบุญล้นกันมาทั้งนั้น มิใช่บุญกระจอกแบบจ่ายเงินซื้อได้ จ่ายเงินทำบุญได้แบบนั้นคนก็ใช้เงินซื้อสวรรค์ จองวิมานกันยังกะจองบ้านเลยสิครับ ไม่ใช่ครับ 555                                                                     

อาจิณกรรมจากอาชีพที่คนคิดว่าไม่มี

รูปภาพ
หลายท่านคิดว่าเราทำอาชีพสุจริตย่อมไม่มีกรรม ไม่จริงครับ ทุกการกระทำย่อมมีกรรมเสมอ หากคุณทำโดยไม่หวังผล ทำเพื่อคนอื่น ก็จะเป็นบุญ แต่ถ้าทำเพื่อหารายได้เลี้ยงตัว “ทุกอย่างจะเป็นกรรมหมดเลย” จริงไมครับ ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องอาจิณกรรมจากอาชีพที่คุณคิดว่าไม่มี มีอย่างไร? ดังต่อไปนี้ ๑ อาชีพหมอ ทุกคนคิดว่าอาชีพหมอได้บุญ แต่ใจเย็นๆ ครับ มันจะได้บุญเมื่อคุณช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนเท่านั้น แต่หากทำเพื่อให้ได้รายได้ คือ ทำเป็นอาชีพเมื่อไร มันจะไม่มีบุญเลยไม่เกิดบุญเลย แต่จะเป็นกรรมแทน สรุปนะครับ อาชีพหมอคืออาชีพที่หากินกับเลือดเนื้อของมนุษย์ จะได้เงินได้ ต้องเอาเลือด เอาเนื้อเขา เช่น เอาเลือดเขาไปตรวจ, ผ่าเนื้อเขา, เอาเข็มทิ่มแทงเนื้อเขา ฯลฯ ดังนั้น เป็นอาชีพที่มีกรรมหนักกว่าอาชีพทั่วไป แต่ที่กรรมเบาบางลงได้เพราะ “จรรยาบรรณ” ครับ เมื่อหมอมีจรรยาบรรณ ไม่ทำตามใจตัวเอง แต่ทำตามคำสั่ง ทำตามหน้าที่เท่านั้น กรรมก็จะเบาลงได้ หมอบางคนตายแล้วไปเกิดเป็นนายนิรบาลในนรกครับ                                                                                                            

อาจิณกรรมจากอาชีพต่างๆ

รูปภาพ
“สัมมาอาชีวะไม่ใช่อาชีพทางโลก” หลายท่านเข้าใจผิดเพราะอาศัยคำแปลสัมมาอาชีวะแปลว่าอาชีพชอบ ไม่ใช่นะครับ สัมมาอาชีวะเป็นธรรมในมรรคแปดจะมีได้จากการปฏิบัติธรรมแล้วได้มรรคผลเท่านั้น หากยังหลงอยู่ทางโลกจะยังไม่มีมรรคแปด ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องอาจิณกรรมจากอาชีพ ดังต่อไปนี้ ๑ อาจิณกรรมจากอาชีพ อาชีพทางโลกก่อให้เกิดกรรมซ้ำๆ ที่ทำเป็นอาจิณเรียกว่า “อาจิณกรรม” กรรมตัวนี้สะสมมากเข้าทำให้ไม่อาจที่จะหลุดพ้นได้ ดังนั้น “ทุกอาชีพในทางโลกย่อมไม่ใช่สัมมาอาชีวะ” ทว่า หากสอนแบบนี้ตรงๆ คนก็จะไม่อยากทำงาน ไม่อยากมีอาชีพ ประเทศก็จะแย่ ใช่ไหมครับ? ดังนั้น คำสอนที่แท้จริงก็เลยถูกบิดเบือนว่าสัมมาอาชีวะคืออาชีพสุจริตไป เพื่อให้คนทั้งหลายยอมมีอาชีพปกติ ไม่ออกจากการทำงานต่างๆ ไปบวช นั่นเอง ทั้งนี้แม้ว่าการไม่มีอาชีพทางโลก เข้ามาบวช ปฏิบัติธรรมจะเป็นทางหลุดพ้นได้ ทว่า ไม่ใช่ทุกคนจะได้มาบวช เพราะหากทุกคนทำเช่นนั้น โลกก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครทำงาน ท่านไม่ได้สอนให้ทำเช่นนั้น                                                                                                                      ๒ การ

เจอธรรมะแล้วสติหลุดทันที?

รูปภาพ
“ธรรมานุสติปัฎฐาน” เป็นสติขั้นสูงที่หลายท่านยังไม่มี ทว่า เมื่อยังไม่มีกลับรีบร้อนรับธรรม, ฟังธรรม, อ่านธรรม ฯลฯ ผลคือ “ขาดสติทันทีเมื่อได้พบธรรม” เพราะไม่มีธรรมานุสติปัฎฐาน ถามว่าการได้พบธรรมไม่ดีหรือ? ดีครับแต่ต้องดูอินทรีย์ด้วยว่าพร้อมไหม? สติแก่กล้าพอไหม? ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องนี้ ดังนี้ ๑ คิดว่าธรรมะนี้เรารู้ได้เอง เมื่อท่านพบธรรมแล้ว “เข้าใจ” ทันใดนั้นท่านก็เผลอคิดว่า “ท่านรู้แล้ว” นี่ละ “ขาดสติ” มันขาดสติตรงไหน? ก็ตรงที่คิดว่าตนรู้แล้วนี่ละ มันจะทำให้คุณหลงตัวเองว่ากูรู้ กูคือผู้รู้ กูรู้แล้ว ต่อมา คุณจะเกิดอาการบ้ารู้ ว่าตัวเองเก่ง รู้ธรรมะมาก และเที่ยวไปพล่ามธรรมะใส่คนนั้นคนนี้ เอาชนะคะคานกัน นี่ละ อาการของคนขาดสติ คนที่มีสติจริงๆ เมื่อพบธรรมะ เขาจะไม่คิดว่าฉันรู้แล้ว แต่เขาจะคิดว่า “โอ้ เราหนอยังไม่อาจตรัสรู้เองได้ในธรรมนี้เลย ใครหนอผู้ตรัสรู้ในธรรมนี้ได้ ช่างน่าศรัทธาแท้” คนมีสติจริงเขาจะคิดแบบนี้ครับ เขาจะพบตัวโง่ รู้ตัวว่าตัวเองโง่ ที่ไม่ได้ตรัสรู้ได้อย่างนี้ แล้วเขาจะเกิดศรัทธาในพระพุทธเจ้า ไม่เกิดความหลงตัวเองครับ ๒ คิดว่านี่ถูกต้อง, นั่นผิด เมื่

มนุษย์เหนือกว่าเทพเทวดาอย่างไร?

รูปภาพ
“มนุษย์มีบางอย่างเหนือกว่าเทพ” แต่หลายคนไม่ทราบ แย่กว่านั้นหลายคนยอมขาย “ความเป็นมนุษย์” ไปเพื่อแลกกับเศษเงินเท่านั้นเอง เมื่อเราได้รู้ความจริงว่าความเป็นมนุษย์มีค่าแค่ไหน ก็มักจะสายไปเสียแล้ว เราไม่อาจกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องมนุษย์เหนือกว่าเทพอย่างไร? ดังนี้ ๑ เทพต้องทำตามบัญชาสวรรค์ เทพไม่มีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจนะครับ เทพทุกองค์ต้องทำตาม “บัญชาสวรรค์” ไม่ใช่อยากช่วยญาติที่อยู่ทางโลกก็จะช่วยได้ตามใจ คนเราเมื่อได้ไปสวรรค์ “มักไปคนเดียว” ไม่มีญาติไปด้วย กามนิตวิสิฏฐี รักกันแค่ไหน แม้จะได้สวรรค์เหมือนกันยังไม่ได้อยู่สวรรค์ชั้นเดียวกันเลย ทางเตียนลงนรก ทางรกขื้นสวรรค์ คนที่จะได้สวรรค์ต้องไปโดดเดี่ยวครับ ต้องหัดผ่านด่านความโดดเดี่ยวให้ได้ เมื่อได้แล้ว เขาจะให้เราดื่มชาลืมชาติ ลืมทุกอย่าง จะได้ไม่วุ่นวายกับญาติพี่น้องบนโลกอีก ญาติเรามักตกนรกไม่ก็เป็นผีเร่ร่อน เยอะครับ คนที่รอดได้แต่ละตระกูลมีน้อยมาก ดังนั้น พระสมณโคดมเลยบอกวิธีช่วยพวกเขาด้วยการอุทิศผลบุญครับ ๒ มนุษย์มีเจตจำนงเสรี มนุษย์จำนวนมากถูกหลอกให้ขายความเป็นมนุษย์ ขายอิสรภาพ และข

เชื้อสายทางจิตวิญญาณของมนุษย์?

รูปภาพ
“คนเป็นแค่สมมุติเปลือกนอก” เราแค่มาเกิดเป็นคนเพื่อใช้สมมุตินี้ทำหน้าที่ในโลก แต่จิตวิญญาณของเราจริงๆ มีเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์ใดในจักรวาล แต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้น แม้จะเป็นคนเหมือนกันแต่อย่าคิดว่าคนเหมือนกัน ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องเชื้อสายทางจิตวิญญาณของมนุษย์ ดังต่อไปนี้ครับ ๑ เชื้อสายทางจิตวิญญาณคืออะไร? “เชื้อสายไม่เที่ยงและเป็นเพียงสมมุติ” แต่แม้จะเป็นเพียงสมมุติก็มีผลต่อชีวิตและการดำเนินชีวิต จนควรที่จะเรียนรู้และเข้าใจมันครับ อย่างแรกทุกคนมาจากพุทธะและจะกลับคืนสู่พุทธะในที่สุด ทว่า จุดเริ่มต้นและจุดสุดท้ายแม้จะเป็นพุทธะเช่นกัน ทว่า นั่นก็แค่จุดแรกและจุดสุดท้าย แล้วจุดอื่นๆ ละ จุดที่เราเวียนว่ายไปเกิดเป็นบ่อยๆ คืออะไร? ตรงนี้ละสำคัญ สมมุติคนเราเกิดล้านชาติ ถามว่าเป็นสัตว์อะไรกี่ชาติ กี่เปอร์เซ็นต์กันบ้าง? เป็นอะไรมากที่สุด? บ่อยที่สุด อันนี้ละ ที่ผู้เขียนขอเรียกว่า “เชื้อสายทางจิตวิญญาณ” เพราะมันมีผลต่อการบำเพ็ญและเวียนว่ายตายเกิดหลายชาติมาก แม้ว่าจะไม่เต็มร้อย ต้องเกิดเป็นอย่างอื่นด้วยก็ตาม ๒ เชื้อสายมนุษย์ต่างดาว กลุ่มนี้มีลักษณะเหมือนมนุษย์ปกติ มี

ปฏิบัติธรรมผิดควรทำอย่างไร?

รูปภาพ
การปฏิบัติธรรมนั้น “มิใช่ว่าทุกคนจะสำเร็จ” หลายคนที่สำเร็จล้วนเคยผิดพลาดมาทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อสด ก็ดี, หลวงปู่มั่นก็ดี เคยผ่านความหลง ความผิดเพี้ยน เช่น สัญญาวิปลาสมาแล้ว หลายคนปฏิบัติธรรมเอง ไม่รู้ตัวว่าผิดเพี้ยนและแก้ไขก็ไม่เป็น ในบทความนี้จะขอนำเรื่องปฏิบัติธรรมผิดควรแก้อย่างไร ดังต่อไปนี้ ๑ ไม่ใช่แค่เ ปลี่ยนความคิด หลายคนคิดว่าแค่แก้ไขความคิดเปลี่ยนเป็นคิดใหม่ก็ได้แล้ว มันไม่ง่ายอย่างนั้นครับ กับเรื่องอื่นอาจง่าย แต่เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้นมีอะไรมากกว่านั้น ธรรมะก็เหมือนวิชาอาคม เมื่อปฏิบัติผิดเพี้ยนก็เข้าตัวแล้วทำให้ “มีปัญหาจากภายใน” ไม่ใช่แค่เรื่องสมองคิด ดังนั้น “อย่าเล่นกับไฟ” อย่าประมาทในธรรมเพราะคนที่เพี้ยนที่บ้าเพราะปฏิบัติธรรมผิด มีมาเยอะนักต่อนักแล้ว แรกๆ คุณอาจยังดูดี เก่งกล้า ด่าคนนั้น เถียงคนนี้ได้อยู่ นี่อาจเพราะปีศาจยังไม่ออกจากร่างคุณ เมื่อใดที่คุณหมดบุญ ปีศาจหาร่างใหม่ได้แล้ว มันจะละทิ้งคุณให้อยู่กับวิบากกรรมมากมาย จุดนี้ละ บางรายต้องกลายเป็นบ้า บางรายต้องป่วยนอนซม ใครก็ช่วยไม่ได้แล้ว ๒ อย่าทำเ ป็นเล่นๆ “ไปเล่นที่อื่นไป” รู้จักกาลเทศะบ้าง ถ้าอย