บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์ 17, 2019

ปฏิบัติธรรมผิดหมดทุกคนน่ะละ

รูปภาพ
ไม่มีใครตรัสรู้แจ้งมาก่อนปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติธรรมด้วยความไม่รู้ ดังนั้น “ทุกคนก็ต้องปฏิบัติผิดทั้งหมด” ใครมีสติไวก่อนก็เข้าสู่สุญตา ล้างความคิดเลอะเทอะออกได้เร็วก่อนเท่านั้นเอง ส่วนใครยังไม่มีสติก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน? ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง คนเราทุกคนปฏิบัติธรรมผิดหมดได้อย่างไร?   ดังต่อไปนี้ ๑ ไม่ผิดหรอกที่ผิด “ผิดเป็นครู” คนเราจะมีครูได้เมื่อรู้ตัวว่าผิด คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าผิดจะยังไม่มีครู เมื่อยังไม่มีครูก็ยังลองผิดลองถูกของตัวเองต่อไป ดังนั้น ไม่ผิดหรอกที่ผิด ต้องผิดก่อนนี่ละจึ ง จะมีครูได้ ต่างกันก็แค่ใครมีสติได้ก่อนก็รู้ตัวก่อนว่าตนเองผิดตรงไหน? เมื่อรู้ผิดแล้วแก้ไขก็เรียกว่า “บัณฑิต” หรือผู้มีการศึกษา ไม่ได้ศึกษาอะไรไกลตัวหรอก ศึกษาเพื่อดูตัวเองว่าเราผิดพลาดอะไร ตรงไหนก็แก้ไขตรงนั้น เท่านั้นเอง คนเราจะเลิกหลงตัวเองได้ก็เมื่อ “มีสติรู้ตัวว่าผิด” ว่าเออ เรามันก็ผิดได้นะ ความหลงตัวเองก็จะลดลงไปได้ แต่คนที่ยังไม่มีสติรู้ตัวว่าผิด ก็จะหลงตัวเองอยู่ต่อไป ก็จะไม่รู้ว่าตนเองต้องแก้ไขตัวเองตรงไหน? ดังนั้น ความผิดจึ ง เป็นครูสอนเรา ๒ การมีสติที่แท้จริง

อาการของการปฏิบัติธรรมพลาด

รูปภาพ
ในบทความก่อนได้อธิบายแล้วว่าการปฏิบัติธรรมผิดพลาดนั้นสู้ไม่ปฏิบัติธรรมแล้วเป็นคนปกติยังดีกว่าว่ามีความหมายอย่างไร? หลายท่านอาจยังไม่เข้าใจและไม่คิดว่าตัวเองก็เข้าข่ายปฏิบัติธรรมพลาดด้วย ดังนั้น จำต้องอธิบายเพิ่มเติมต่อไป ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง “ อาการของการ ปฏิบัติธรรมพลาด”   ดังต่อไปนี้ ๑ มีความเห็นผิดไปจากความจริง ดังคำกล่าวของเซนที่ว่า “ก่อนปฏิบัติธรรมเห็นภูเขาเป็นภูเขา เมื่อปฏิบัติธรรมเห็นภูเขาเป็นความว่าง หลังปฏิบัติธรรมสำเร็จแล้วเห็นภูเขาเป็นภูเขาดังเดิม” นี่ละครับ คนเราเมื่อปฏิบัติธรรมพลาด จะมีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริงเรียกว่า “ทิฐิวิปลาส” คำว่าทิฐิ ก็คือความคิดเห็น คำว่าวิปลาส ก็คือผิดไปจากความจริง นั่นเอง หลายคนไม่รู้ตัว ขาดสติ ไม่ทราบว่าตนเองมีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง เพราะมองว่าฉันถูกต้อง ฉันมีธรรม ไปยึดติดเอาว่า “ธรรมะคือความถูกต้อง” เช่น ความว่างคือธรรมะ ความว่างคือความถูกต้อง ทีนี้ มองภูเขาเป็นความว่างก็ไม่รู้ตัว ไม่มีสติว่าตนเองเกิดทิฐิวิปลาส ขึ้น มาแล้ว พอจะเห็นภาพไหม? ๒ มีความเป็นเจ้าของธรรมะ “สัพเพธัมมา อนัตตา” ธรรมทั้งหลายมิใช่ตัวตนของตน

ไม่ปฏิบัติดีกว่าปฏิบัติธรรมพลาด?

รูปภาพ
ไม่ปฏิบัติธรรมอะไรคุณก็เป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ถ้ามาปฏิบัติธรรมแล้วผิดพลาดคุณอาจไม่เหลือความเป็นคนได้ บางคนกลายเป็นร่างปอบ บางคนกลายเป็นผีเฝ้าตำรา เพราะธรรมะเป็นของสูง จะปฏิบัติได้ต้องมีศีลดี ไม่ต่างจากการฝืกวิชาอาคม ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง ไม่ ปฏิบัติธรรมดีกว่าอย่างไร   ดังต่อไปนี้ ๑ แม้แต่หลวงพ่อดังๆ ก็พลาดทั้งนั้น สิ่งที่คุณควรตระหนักก่อนอย่างแรกคือ แม้แต่หลวงพ่อสด หลวงปู่มั่น ฯลฯ ก็พลาดมาแล้วทั้งนั้น ปฏิบัติแล้วเกิดสัญญาวิปลาสครับ “แล้วคุณเป็นใครมาจากไหนดีเด่กว่าพระเหล่านี้อย่างไร?” เลยหลงว่าตัวเองถูกต้องแล้ว ไม่พลาด? ปฏิบัติธรรมเอง บางคนครูบาอาจารย์ก็ไม่มี รู้ไหมพวกที่เป็นปอบวิชาน่ะมันก็ปฏิบัติเองนี่ละ ของแบบนี้ไม่ใช่ของเล่นๆ มาทำเล่นๆ กันได้ ธรรมะก็เหมือนไฟ เหมือนงูพิษ ไม่ต่างจากวิชาอาคม ทำไม่ดีก็กลายเป็นผีปอบได้ ตอนนี้ กำลังเริ่มเป็นกันแล้ว และเป็นกันมาก ไม่ใช่ผีปอบนะเป็นอะไรกันก็ไม่รู้ เป็นเยอะและหนักด้วย คนเราทุกคนนะ “ต้องพลาดมาก่อนทั้งนั้น” ไม่มีใครตรัสรู้แต่ต้น แต่เราจะรู้ตัวไหมว่าพลาด?                                                                            

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

รูปภาพ
หลายท่านชอบอ้างหลักการ, ทฤษฎี, หลักธรรมต่างๆ ทว่า การอ้างอิงหลักธรรมเหล่านี้มิได้แสดงว่าท่านมีปัญญาอันใดเลย ปัญญาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การแก้ปัญหาได้จริงที่เรียกว่า “ปฏิเวธ” ต่างหาก เฉกเช่น ท่านอิกคิวซัง นี่คือ ตัวอย่างของผู้ใช้ปัญญาที่แท้จริง ในบทความนี้ขออธิบายเรื่องการใช้ปัญญาที่แท้จริง ดังต่อไปนี้ ๑ เลิกพล่ามหลักธรรม ผู้มีปัญญาที่แท้จริงจะไม่พล่ามหลักธรรม แต่จะสามารถใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง ดังเช่น ท่านอิกคิวซัง ไม่เคยมีว่าท่านอิกคิวซังจะแสดงธรรมในเชิงปรัชญาว่าธรรมะคืออะไร อย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่มี มีแต่ท่านอิกคิวซังใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตจริง นี่แหละคือผู้มีปัญญาที่แท้จริง อย่ามั่วพล่ามธรรมะอวดเบ่งแข่งกันไปวันๆ เลยครับ วนอยู่แต่ในหลักการ, หลักธรรมทั้งนั้น แต่ชีวิตจริงใช้การไม่ได้ ไม่มีปัญญาจะแก้ไขปัญหาให้ใคร ปัญหาสังคม ปัญหาของชาติบ้านเมืองก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร แบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ เป็นได้แค่พวก “สิบแปดมงกุฎ” เอาธรรมะมาพล่ามหลอกผู้คน ทว่า ไม่มีปัญ ญ าจะช่วยอะไรใครได้จริงครับ