ปฏิบัติธรรมผิดหมดทุกคนน่ะละ




ไม่มีใครตรัสรู้แจ้งมาก่อนปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติธรรมด้วยความไม่รู้ ดังนั้น “ทุกคนก็ต้องปฏิบัติผิดทั้งหมด” ใครมีสติไวก่อนก็เข้าสู่สุญตา ล้างความคิดเลอะเทอะออกได้เร็วก่อนเท่านั้นเอง ส่วนใครยังไม่มีสติก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน? ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง คนเราทุกคนปฏิบัติธรรมผิดหมดได้อย่างไร?  ดังต่อไปนี้

ไม่ผิดหรอกที่ผิด
“ผิดเป็นครู” คนเราจะมีครูได้เมื่อรู้ตัวว่าผิด คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าผิดจะยังไม่มีครู เมื่อยังไม่มีครูก็ยังลองผิดลองถูกของตัวเองต่อไป ดังนั้น ไม่ผิดหรอกที่ผิด ต้องผิดก่อนนี่ละจึจะมีครูได้ ต่างกันก็แค่ใครมีสติได้ก่อนก็รู้ตัวก่อนว่าตนเองผิดตรงไหน? เมื่อรู้ผิดแล้วแก้ไขก็เรียกว่า “บัณฑิต” หรือผู้มีการศึกษา ไม่ได้ศึกษาอะไรไกลตัวหรอก ศึกษาเพื่อดูตัวเองว่าเราผิดพลาดอะไร ตรงไหนก็แก้ไขตรงนั้น เท่านั้นเอง คนเราจะเลิกหลงตัวเองได้ก็เมื่อ “มีสติรู้ตัวว่าผิด” ว่าเออ เรามันก็ผิดได้นะ ความหลงตัวเองก็จะลดลงไปได้ แต่คนที่ยังไม่มีสติรู้ตัวว่าผิด ก็จะหลงตัวเองอยู่ต่อไป ก็จะไม่รู้ว่าตนเองต้องแก้ไขตัวเองตรงไหน? ดังนั้น ความผิดจึเป็นครูสอนเรา

การมีสติที่แท้จริง
ก็คือการรู้ตัวว่าเราผิดตรงไหน แค่นั้นละ ไม่ใช่การไปกำหนดรู้ กำหนดเอานะ แบบนั้นคือ “ซ้อมๆ ปลอมๆ” ไปก่อน ยังไม่ใช่สติแท้ มันเป็นของกำหนดเอา สร้างเอา ไม่ใช่ธรรมะ ธรรมชาติ เมื่อใดที่เรามีสติตามธรรมะ ธรรมชาติ เราจะมีสติรู้ตัวได้ว่า “อ้าว นี่กูผิดตรงนี้ ผิดอย่างนี้ๆ นี่หว่า” นี่ละ สติแท้ แล้วจะตรงทางอริยสัจสี่ทันทีเลยนะ คือ เห็นทุกข์แล้วสาวไปที่เหตุ คือ เรานี่เองเป็นเหตุ จิตใจเรานี่ละต้นเหตุ มันจะตรงทางอย่างนี้ มันจะไม่ออกนอก ไม่ออกไปดูลมหายใจ ไม่ออกไปรับรู้ในรูปนามอะไรอื่นอีก คนเราน้อยคนจะมีสติรู้ตัวว่าตนเองผิดอะไรได้เอง ดังนั้น “การถูกทำให้ละสักกายทิฐิ” โดยผู้อื่น ก็มีความจำเป็น เพราะไม่ใช่พระปัจเจก

๓ การใช้มหาสุญตา
ไม่ใช่ใช้เพื่อบิดเบือนความจริงให้กลายเป็นทิฐิวิปลาสเช่น เห็นภูเขาเป็นภูเขา ปกติ ไม่ใช่เห็นภูเขาเป็นความว่าง ไม่ใช่ใช้มหาสุญตาไปบิดเบือนสัจธรรมความจริงอย่างนั้น เขาให้ใช้มหาสุญตาในการล้างความคิดเห็นผิดๆ ของเราต่างหาก เพราะเราปฏิบัติมาผิดๆ ก็เลยต้องใช้มหาสุญตาล้างหมด ให้เป็นศูนย์ ตั้งต้นใหม่ให้ได้ ตั้งไข่ให้ได้ เริ่มจากศูนย์ใหม่ให้ถูกต้อง แค่นั้นเอง เขาให้เราใช้มหาสุญตาล้างความเห็นผิด ของเรา ไม่ใช่ให้ใช้สุญตาไปล้างธรรมะ ธรรมชาติของคนอื่น ฮ่าๆๆ หลายคนจ้องแต่จะล้างคนอื่น ลืมดูตัวเอง ลืมล้างตัวเอง ยังไม่ทันเอาสุญตามาล้างความเห็นผิดของตนเองเลย เอาสุญตาไปล้างธรรมะของคนอื่นเขาเสียหมดแล้ว

๔ มีแต่คนอยากจะสอนคนอื่น?
ปัจจุบันมีแต่คนอยากจะสอนคนอื่น แต่ไม่ยอมให้คนอื่นสอน อยากให้คนอื่นฟังตัวเอง แต่ไม่ยอมฟังคนอื่น นี่คือสิ่งที่เกิดแล้วและเห็นได้ทั่วไป ถามว่าทำไมเป็นแบบนี้กันเยอะ? คำตอบคือ มิติต่างๆ เปิดออก และมิติ “ฤษีองค์ครู” ก็เปิดออกด้วย จิตวิญญาณฤษีองค์ครูมาสู่โลกมนุษย์ หาร่างมนุษย์เพื่อเอาเป็นตัวตายตัวแทน แล้วตนจะได้หลุดพ้นไป คนที่ปฏิบัติธรรมก็จะไม่ได้มรรคผลอะไร ได้แค่เป็นตัวตายตัวแทนของฤษีองค์ครูไป จะกลายเป็นพวกรู้มาก รู้เยอะ แบกธรรมะมากมาย ชอบสอนคนอื่น ทำตัวเหมือนครูอาจารย์ เผลอไม่ได้นะ ขาดสติเผลอนิดเดียว ความอยากสอนคนอื่นเข้ามาเลย พลังของฤษีองค์ครูเข้ามาครอบงำเราได้เลยละครับ

๕ อย่าไปตั้งเจตนาปฏิบัติธรรม?
เมื่อใดที่คุณตั้งเจตนาปฏิบัติธรรม เมื่อนั้นคลื่นพลังความคิดของคุณจะจูนสอดคล้องกับเหล่าจิตวิญญาณอีกมิติที่ต้องการปฏิบัติธรรมทันที พวกเขามาจากอีกมิติ ได้รับการปลดปล่อยออกมาชั่วคราว พวกเขามาหาร่างบำเพ็ญ เมื่อคุณคิดที่จะบำเพ็ญหรือปฏิบัติธรรม คลื่นพลังความคิดจะสอดคล้องกันและเขาจะซ้อนกายคุณเข้ามาได้ไม่ยากเลย “ปฏิบัติโดยการไม่ต้องปฏิบัติ” นี่ละ จะปลอดภัย หลายคนไม่มีงานทำ ครอบครัวก็แตกแยก เพราะฤษีองค์ครูจะเอาร่างเขาไปบำเพ็ญ เขาก็ไม่ให้ทำงานละ ชีวิตกลายเป็นอยู่อย่างใครก็ไม่รู้ ก็คือพวก “ร่างทรงองค์เทพ” ทั้งหลาย ไม่มีชีวิตที่ปกติเหมือนเดิมอีกแล้ว กว่าจะเคลียร์พลังเหล่านี้ได้ยากครับ

ยิ่งปฏิบัติยิ่งผิด ยิ่งตั้งเจตนาปฏิบัติ ยิ่งไม่ได้ปฏิบัติอะไรเลย!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?