บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม 15, 2018

ความหลุดพ้น

รูปภาพ
การรู้ธรรมมาก รู้เยอะ เก่งมาก เถียงเอาชนะใครได้หมด ไม่ช่วยให้เราหลุดพ้นอะไรได้เลย คนเราจะหลุดพ้นได้นั้นจะต้องปล่อยคลายความพัวพันของจิตต่อสิ่งต่างๆ ให้ได้ก่อน แต่หลายคนมักอุปทานไปเองว่าตนไม่ยึดติดอะไรแล้ว ซึ่ง ไม่จริงครับ ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความ ถึง การหลุดพ้นในแง่ต่างๆ ดังต่อไปนี้ ๑ สละสมบัติต่างๆ ทางโลก การสละทุกสิ่งทางโลกเป็นทางช่วยให้หลุดพ้นได้ เช่น พระที่สละทางโลกแล้วออกบวช, กษัตริย์ที่สละราชให้ผู้อื่นก่อนสิ้นพระชนม์, พ่อแม่ที่ยกสมบัติให้ลูกก่อนตาย ฯลฯ เหล่านี้ จะช่วยให้หลุดพ้นจากการยึดติดในสมบัติได้ครับ หลายคนคิดว่าเรื่องแบบนี้ ไม่ต้องทำจริงก็ได้ อยู่ที่ “ใจ” ต่างหาก ใจไม่ยึด ก็ไม่ยึด จริงๆ แล้วเขาหลอกตัวเองครับ คนที่ไม่ยึดจริงๆ ก็จะต้อง “ทำจริงด้วย” คือ ไม่ถือครองสมบัติทางโลก ไม่ใช่ดีแต่คิดไปเองก็คือ “อุปทาน” หรือดีแต่พูดอวดคนอื่นว่าสละแล้ว ไม่ยึดติดอะไรแล้ว แบบนี้ก็ไม่ได้ผลจริง การมีลูกก็ดีที่เรามีคนรับสมบัติต่อจากเรา แต่เราจะต้องสละทุกสิ่งก่อนที่จะตายด้วย   เราจึ ง จะหลุดพ้นจากมันได้ครับ ๒ สละความผูกพันในบุคคล ความอาลัย, ผูกพัน, ความรักต่อคนที่เรารัก เ

เทวตานุสติเพื่อการเลื่อนระดับ

รูปภาพ
ในบทความก่อนๆ ได้อธิบาย ถึง กายานุสติปัฏฐานที่แท้จริงไปแล้ว ในบทความนี้อยากขอแนะนำการเจริญสติอีกแบบที่เรียกว่า “เทวตานุสติ” เพื่อการเลื่อนระดับที่สูง ขึ้น ของจิตวิญญาณครับ คือ การระลึก ถึง เทพเทวดาเพื่อให้เกิดสติไม่หลงลืม ไม่ยึดติดใดๆ ในโลก ซึ่ง หา ฝึก ได้ยากและไม่ค่อยมีคน ฝึก กัน ดังต่อไปนี้ครับ ๑ การเลื่อนระดับจิตขั้นเทพเทวดา มนุษย์สามารถยกระดับจิตไปสู่ขั้นเทพเทวดาได้เรียกว่า “มนุสสเทโว” เมื่อระดับจิตเราสูง ขึ้น เราย่อมเห็นสิ่งเดิมๆ เป็นของที่ไร้สาระ เหมือนคนที่เคยจนกินอาหารแบบจนๆ พอรวยมากๆ เข้าก็เลือกกินอาหารแพงๆ ได้ ก็จะไม่สนใจอาหารแบบจนๆ อีก เป็นอุบายทำให้ “เบื่อหน่ายทางโลก” ของทางโลกได้ครับ เพราะเราจะเห็นของทางโลกเป็นของไร้ค่า ไร้สาระ ไม่น่าหลงใหลอะไรเลย ดังนั้น เมื่อผู้อื่นหลงทางโลก นิยมวัตถุอยากได้ในบ้านหลังใหญ่, รถหรูๆ, มือถือแพงๆ ฯลฯ เรากลับมองเห็นสิ่งเหล่านี้ล้วนไร้สาระไปหมดเลย อันนี้ เกิด ขึ้น ได้หากเรามีระดับจิตวิญญาณที่สูง ขึ้น ระดับเทพเทวดา แต่เราจะต้องอยู่แบบมนุษย์ต่อไปโดยเคารพสมมุติที่มี     ๒ ทุกอย่างในโลกถูกสร้าง ขึ้น ทั้งสิ้น เทพเทวดาได้รับคำสั่

บุญไม่ใช่ของดีสำหรับมนุษย์?

รูปภาพ
ชาวพุทธจำนวนมากไม่ได้เข้าใจเรื่องบุญกรรมที่แท้จริง และยิ่งไม่เข้าใจว่าพุทธศาสนานั้นไม่ได้สอนให้บ้าบุญ หลงบุญ แต่สอนให้สละ เมื่อทำบุญจะมีการอุทิศผลบุญให้ผู้ตายทุกครั้ง เพราะบุญไม่ใช่ของสำหรับมนุษย์ แต่ใช้ช่วยผีชั้นล่างได้ ในบทความนี้จะขออธิบายว่าชาวพุทธไม่ควรหลงบุญอย่างไร? ดังต่อไปนี้ ๑ บุญเป็นของสำหรับผีชั้นต่ำ “ยถาให้ผี สัพพีให้คน” นี่คือ คำสอนของหลวงพ่อจรัญ ท่านกำลังเตือนสติเราว่าอย่าไปหลงบุญ บุญนั้นเขาไม่ได้ไว้ให้คนหลง แต่เขาเอาไว้ให้ผีชั้นต่ำ แล้วให้คนทำบุญอุทิศไปให้ คนเราต้องทำคือ “จาคะ” หรือการสละ สลัดออกไปอย่าไปอยากได้ จิตจึ ง จะเลื่อนระดับสูง ขึ้น ได้ เราเป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ประเสริฐ ถูกสอนได้ พัฒนาตัวเองได้ เลื่อนระดับได้ ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องอาศัยบุญ พวกผีชั้นล่างเขาทำอย่างเราไม่ได้ ดังนั้น พระสมณโคดมจึ ง สอนให้เราช่วยพวกชั้นต่ำด้วยพลังบุญเท่านั้นเอง ไม่ใช่ให้เราไปหลงบุญ ถ้าคุณมีตาทิพย์เห็นอีกมิติได้ คุณอาจเห็นคนที่บ้าทำบุญ มีผีเปรตตามเยอะแยะ แล้วชีวิตของเขาก็จะแย่เพราะเปรตติดตาม     ๒ พลังบุญเ ป็นพลังชั้นต่ำ? จิตวิญญาณดำรงอยู่ได้ด้วยพลังงาน บุญคือ พลังง

โพธิสัตว์แตกต่างจากมนุษย์และเทพอย่างไร?

รูปภาพ
ในบทความก่อนๆ ได้อธิบายลักษณะของมนุษย์และเทพไปแล้ว ในบทความนี้ จึ ง อยากจะขออธิบายในเรื่อง “โพธิสัตว์” เพื่อให้สามารถแยกแยะได้ว่ามนุษย์, เทพ, โพธิสัตว์ นั้นแตกต่างกันอย่างไร? ทว่า การจะดูว่าคนดีจริง เป็นโพธิสัตว์หรือไม่นั้น จะต้องดู “ในสถานการณ์คับขัน” ไม่ใช่สถานการณ์ทั่วไปครับ ดังต่อไปนี้ครับ ๑ การกำเนิดใหม่ คนเราเกิดมามีความเป็นมนุษย์อยู่แล้ว การเป็นมนุษย์ไม่ต้องผ่านการกำเนิดใหม่ ยกเว้นคนที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว ส่วนการเป็นเทพและโพธิสัตว์ในร่างคนจะต้องผ่านการกำเนิดใหม่ทั้งสิ้น สำหรับเทพนั้น เมื่อกำเนิดใหม่จะมีฤทธิ์เดชทันที เรียกว่าฤทธิ์เดชมาจากการกำเนิดไม่ต้อง ฝึก ฝน เช่น เมื่อกำเนิดเป็นเทพไฟแล้วย่อมใช้ฤทธิ์ของไฟได้ แต่การกำเนิดใหม่เป็นโพธิสัตว์นั้น เราจะอ่อนแอเหมือนคนไม่มีฤทธิ์ หากเคยเป็นเทพมาก่อน ก็จะหมดสิ้นอิทธิฤทธิ์ เพราะอะไร? เพราะโพธิสัตว์นั้นเมื่ออยู่ในร่างมนุษย์ จะต้องเป็นเช่นมนุษย์ เมื่อลงไปเกิดเป็นสัตว์ใดก็ต้องเป็นเช่นสัตว์นั้น แต่โพธิสัตว์สามารถ ฝึก ฤทธิ์เดชเพิ่มทีหลังได้ครับ     ๒ การดำรงชีวิต ป กติมนุษย์จะดำรงชีพในโลกโดยไม่จำเ ป็นต้องมีอาชีพใดๆ