บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม 19, 2018

พระพุทธเจ้าทั้งหลายที่หลายท่านเข้าใจผิด

รูปภาพ
หลายท่านยังเข้าใจเรื่องของพระพุทธเจ้าผิดๆ อยู่ ในบทความนี้จะขออธิบายใหม่ และอาจดูแตกต่างไปจากความเชื่อเดิมของท่านอย่างมาก ทว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เขียนต้องเขียนเอาไว้ เพราะผู้เขียนเองหากตายจากชาตินี้แล้ว ก็ไม่อาจสื่อสารบอกท่านได้อีกโดยง่าย และไม่แน่ว่าเกิดใหม่จะเขียนได้ ดังต่อไปนี้ครับ ๑ พระพุทธเจ้าในโลกนี้และโลกอื่น โลกนี้มีชื่อว่า “ตรีสหัสสโลกธาตุ” อัน ประกอบด้วยสามภพเป็นสำคัญคือ ภพนรก, ภพสวรรค์ และภพมนุษย์ จึ ง ได้ชื่อว่า “ตรี” แลทั้งสามภพนี้ล้วนไม่มีที่อยู่ของพระพุทธเจ้าเลยเพราะอะไร? เพราะที่อยู่ของพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้นเรียกว่า “พุทธเกษตรโลกธาตุ” โลกนี้มิใช่พุทธเกษตรโลกธาตุ จึ ง มิใช่ที่อยู่ของพระพุทธเจ้าด้วยประการฉะนี้ เมื่อใดที่มนุษย์พัฒนาจิตของตนจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วเมื่อนั้นเขาจะไม่อาจทำกิจใดได้ เพราะโลกนี้มิใช่โลกของท่านๆ จะต้องรอละสังขารแล้วไปจุติยังพุทธเกษตร เพื่อ “รอคิว” ในการโปรดสัตว์ ซึ่ง มีลำดับเรียงกันไป หลายคนคิดว่าเมื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จะได้โปรดสัตว์ทันที อันนี้ ไม่ถูกต้องครับ ๒ พระพุทธเจ้า ปกครองธรรมกาลอย่างไร? ดังที่กล

มนุษย์กำลังวิวัฒนาการครั้งใหญ่? (ตอนที่ ๒)

รูปภาพ
บทความก่อนได้เกริ่นนำเรื่องการวิวัฒนาการครั้งใหญ่ของมนุษย์มาแล้ว ในบทความนี้จะขออธิบายต่อจากบทความที่แล้วถึงสิ่งที่ท่านสามารถสังเกตุเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่มีแต่หลักการ ซึ่งการวิวัฒนาการของมนุษย์ไม่ได้มีเท่ากันตลอดเวลา แต่มีบางช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังต่อไปนี้ ๑ การวิวัฒนาการของสัตว์เดรัจฉาน หลายคนคิดผิดว่าสัตว์เลี้ยงคือสัตว์เลี้ยงของตน ทว่า ความเป็นจริงมิใช่เช่นนั้น สัตว์เลี้ยงเป็นสัตว์โลกที่มีวิวัฒนาการในการต่อสู้กับมนุษย์ในรูปแบบใหม่ มันไม่ได้ต่อต้านการถูกเลี้ยงดู แต่มันกำลังทำให้ผู้เลี้ยงดูมันกลายเป็น “ทาส” คำว่า “ทาสหมา ทาสแมว” นั้นชัดเจนแล้ว และเป็นความจริง แม้หลายท่านจะพูดเล่นก็ตาม หลายคนต้องทำงานอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ต้องปรนนิบัติสัตว์เหล่านี้เหมือนอย่างพระเจ้า ในขณะที่สัตว์เหล่านี้กำลัง “เหยียบหัวมนุษย์ขึ้นไป” จริงครับ พวกมันกำลังวิวัฒนาการเพื่อให้อยู่เหนือมนุษย์ การต่อสู้ของเผ่าสัตว์เดรัจฉานต่อเผ่ามนุษย์ เผ่าเดรัจฉานกำลังเอาชนะเหนือมนุษย์ได้ครับ ๒ วิวัฒนาการของมนุษย์สองแบบ ในทุกครั้งของการวิวัฒนาการ เราจะพบมนุษย์

มนุษย์กำลังวิวัฒนาการครั้งใหญ่? (ตอนที่ ๑)

รูปภาพ
ในอดีตมามนุษย์มีเส้นกราฟของการวิวัฒนาการอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อไม่เกิน 100 ปีที่ผ่านมานี้เราพบว่ามีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดในหมู่มนุษย์ บางคน ถึง กับเรียกปรากฎการณ์นี้ว่าการกลายพันธุ์อย่างเฉียบพลันแบบก้าวกระโดดก็มีครับ (Shift of evolution) ในบทความนี้จะขออธิบาย ดังต่อไปนี้ ๑ มนุษย์ก็คือตัวกระจอก ธรรมดาๆ หลายคนดูหนังแล้วจะอินกับการจินตนาการเ ป็นพระเอกนางเอก ทว่า ตัวละครเอกนั้นไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์ที่แท้จริง ส่วนใหญ่มักเป็น “บุคคลในอุดมคติ” เช่น วีรบุรุษที่ดีงาม, จอมยุทธ์ทรงคุณธรรม ฯลฯ ซึ่ง เขาเหล่านี้ ไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์แต่เป็นลักษณะของ “เทพ” ครับ เพราะวรรณกรรมในโลกนี้ มีรากเหง้ามาจากการแต่งเรื่อง “สรรเสริญเทพ” เช่น รามายณะ แม้ว่าหลังๆ วรรณกรรมหลายชิ้นจะแต่งให้ตัวเอกนั้นมีลักษณะเหมือนคนธรรมดามาก ขึ้น ก็ตาม แต่ก็ยังมีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนเทพอยู่ ดังนั้น เราจะเอาตัวเอกในละครมาใช้กับชีวิตจริงไม่ได้ เพราะมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือ “ตัวกระจอก” ในหนังนั่นเอง ๒ มนุษย์มีความห่วย ไม่เอาไหน? เมื่อเราชินกับวรรณกรรมสรรเสริญเทพ เราจะคิดว่าเทพดูดีเพอร์เฟค

มนุษย์ทุกคนเป็นชนชั้นสูงอยู่แล้ว?

รูปภาพ
ชนชั้นวรรณะนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่? ทำไมโลกนี้จึ ง มีระบบชนชั้นวรรณะเกิด ขึ้น ? และควรจะมีต่อไปอีกหรือไม่? หากไม่ควรมีอีก ดังนั้นควรทำอย่างไร? หลายคนสงสัยกันเหลือเกิน หลายคนก็มีคำตอบในใจว่าไม่ควรมี ควรทำลายล้างระบบชนชั้นเสียก็มี บางคนก็มองตรงข้าม ในบทความนี้จะขออธิบาย ดังต่อไปนี้ครับ ๑ พระเจ้าไม่ได้สร้างชนชั้นล่าง มนุษย์เ ป็นสัตว์ประเสริฐ สัตว์ชั้นสูงอยู่แล้ว พระเจ้าไม่ได้สร้างมนุษย์ให้เป็นชนชั้นต่ำ ไพร่, ทาส อะไรเลย แต่มนุษย์เองทำตัวเสื่อมต่ำลงไปเพราะ “ก้มจำนนต่อสิ่งที่ต่ำกว่า” เช่น กราบไหว้วัตถุสิ่งของ, ไหว้ตอไม้, ไหว้ผี, ไหว้ซาตาน ฯลฯ ทำให้เข้าสู่ความเสื่อมไปเอง ดังนั้น ชนชั้นต่ำนี้ก็ล้วนเกิดเองจากมนุษย์เหล่านั้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้างให้แก่มนุษย์ เราพบว่าชาวนา, ไพร่, ทาส ชนชั้นต่ำทั้งหลาย มักนิยมกราบไหว้วัตถุ หรือสิ่งที่ต่ำค่ากว่าความเป็นมนุษย์ ในขณะที่ชนชั้นสูงจะไม่ก้มกราบไหว้อะไรโดยง่าย แต่จะพิจารณาให้ดีก่อนแล้วจึ ง เลือกนับถือ นี่แหละ “จิตเราเองนำทางเราไป” จิตเราพาเราลงที่ต่ำ ชนชั้นต่ำไปเอง จริงไหมครับ ๒ ชนชั้นไม่ควรมีเพราะอะไร? ชนชั้นไม่ควรมีเพรา

บ่วงความคิดที่ขวางกั้นการยกระดับ

รูปภาพ
หลายท่านได้ยินได้อ่านเรื่องการเลื่อนระดับมาแล้ว และหลายคนมักไปอุปทาน คิดเข้าข้างตัวเองว่าตนผ่านการเลื่อนระดับแล้ว ทว่า ไม่จริงเลย หลายคนยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้เลื่อนระดับสูงไปไหนเลย เพราะมีบ่วงขวางกั้นการเลื่อนระดับอยู่มากมาย และไม่อาจสละหรือหลุดพ้นจากบ่วงเหล่านั้นได้ ดังจะอธิบายต่อไปนี้ครับ ๑ การทำงาน หลายคนติดบ่วงความคิดว่า “ถ้าไม่ทำงานแล้วจะเอาอะไรกิน?” ใช่ไหม? นั่นละ ความคิดแบบทางโลก ทว่า ในทางธรรมเขาไม่สนใจตรงนั้นเขาสนใจ “การทำกิจคั่งค้างให้จบ” นะครับ มันมีหลักการอยู่ว่ามนุษย์นั้นอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน แต่ที่เราต้องทำงานมากมายนั้นเพราะเรากำลังชำระบา ป ครับ ชำระบา ปหมดเมื่อไร ก็ไม่ต้องทำงานเพื่อหาเงินอีก แต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ทำอะไรเลยครับ เราจะทำสิ่งที่เรียกว่า “กิจ” กิจคืออะไร? คืออะไรที่เราลงมาเกิดในโลกนี้เพื่อที่จะทำมัน แต่เราอาจหลงลืมหน้าที่ของตนเองไป เพราะถูกทางโลกชี้นำให้ต้องมี ต้องได้ ต้องเป็น สังคมหล่อหลอมและสอนเรามาแบบนี้ โดยที่ไม่มีใครตรัสรู้แจ้งจริงเลยสักคนครับ ๒ รายได้ - เงินทอง หลายคนติดบ่วงความคิดแบบโลกๆ ว่า “ไม่มีเงินไม่ได้ จะต้องมีเงิน” ทว่า พระสงฆ์

ตายแล้วไม่สูญแล้วจะไปไหน?

รูปภาพ
หลายคนอาจคิดว่านิพพานไม่ต้องเกิดอีก นิพพานเป็นของง่าย อรหันต์เป็นของกระจอก ฯลฯ ที่ได้ชาตินี้เลย จริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ นั่นคือ “ความประมาทในธรรม” เป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติธรรมมาก ในบทความนี้อยากขออธิบายเรื่องการตายแล้วไม่สูญ แล้วชาติหน้าจะไปไหน? เราควรมีการวางแผนต่อไปยังไง ดังต่อไปนี้ครับ ๑ อย่าคิดว่าตายแล้วว่างสูญ เพราะนี่คือแนวคิดของลัทธิ “นิรัตตา” ที่คิดว่าตัวตนไม่มี ชาติหน้าไม่มี ชาตินี้ไม่มี อดีตชาติก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเ ปล่า อันนี้ไม่ใช่คำสอนของพุทธนะครับ เป็นคำสอนของลัทธินิรัตตา พุทธฯ ไม่มีความเชื่อแบบนี้ พุทธเราสอนตรงไปตรงมาเรื่องอดีตชาติมีอยู่, ปัจจุบันชาติมีอยู่, อนาคตชาติมีอยู่ การเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่เรียกว่า “วัฏสงสาร” ทว่า ทั้งหมดนี้ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตน ไม่ใช่อัตตาเท่านั้นเอง พุทธศาสนาสอนอย่างไรก็คืออย่างนั้น เราอย่าไปสู่รู้ดีเกิน จะกลายเป็นว่าเราไปเปลี่ยนพระธรรมวินัยของเขา ก็จะเป็นกรรมหนักคือสังฆเภทเอา ตายแล้วไม่สูญ อย่าไปคิดว่าอรหันต์ตายแล้วสูญ นิพพานตายแล้วสูญ ไม่ใช่ ๒ อยากได้สุขาวดีจะได้ไหม? ถ้าคุณทำได้ก็จะได้ตามวาระ แต่ชาตินี้ยังไ

การฝึกพลังจักรวาลที่ผิดวิธี

รูปภาพ
หลายท่านสนใจ ฝึก พลังจักรวาลกันมาก เช่น พลังแห่งการดึ ง ดูด, พลังเชิงบวก ฯลฯ เป็นต้น ทว่า หลายคนมักใช้การอ่านการฟังเอาจากเน็ตแล้วไป ฝึก กันเองแล้วคิดว่าตนรู้แล้ว โดยไม่มีครูผู้ชำนาญการแนะนำ ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนได้ ฝึก ผิดอย่างไร? ในบทความนี้จะขออธิบายและยกตัวอย่างสักห้าข้อ ดังต่อไปนี้ครับ ๑ การใช้หลักตัดตัวเลือกแบบปรนัย ตื่นได้แล้วครับ คุณไม่ได้กำลังนั่งเรียนหรือสอบอยู่ แม้ว่าคุณจะถูกสังคมหล่อหลอมมาแบบนั้นหลายปีจนแทบจะหลอนก็ตาม แต่คุณต้องหลุดออกจากวังวนเดิมๆ วิธีการศึกษาแบบเดิมให้ได้ก่อน แล้วมีการศึกษาที่แท้จริงให้ได้ คือ การศึกษาที่ไม่ใช่การทำข้อสอบปรนัยหรือการเลือกตัวเลือกที่ถูกที่สุด เพื่อตัดตัวเลือกอื่นออกไป คุณจะทำเช่นนี้กับชีวิตจริงของคุณไม่ได้ แม้ว่าอาจจะมีบางสถานการณ์ที่คุณสามารถทำได้ก็ตาม แต่มันจะไม่ใช่ตลอดไป “ชีวิตจริงไม่ใช่การทำข้อสอบปรนัย” การใช้หลักเลือกสิ่งที่ถูกที่สุด แล้วตัดสิ่งอื่นทิ้งไปนั้น ใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงเพราะชีวิตจริงคุณต้องอยู่ร่วมกับทุกสิ่งให้ได้ไม่ว่าจะดีหรือเลว คนดีหรือเลวก็ตาม ๒ ความไม่เชื่อมั่นศรัทธาในจักรวาล หลายคนขาดความเชื่อมั่นศ