การฝึกพลังจักรวาลที่ผิดวิธี




หลายท่านสนใจฝึกพลังจักรวาลกันมาก เช่น พลังแห่งการดึดูด, พลังเชิงบวก ฯลฯ เป็นต้น ทว่า หลายคนมักใช้การอ่านการฟังเอาจากเน็ตแล้วไปฝึกกันเองแล้วคิดว่าตนรู้แล้ว โดยไม่มีครูผู้ชำนาญการแนะนำ ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนได้ ฝึกผิดอย่างไร? ในบทความนี้จะขออธิบายและยกตัวอย่างสักห้าข้อ ดังต่อไปนี้ครับ

การใช้หลักตัดตัวเลือกแบบปรนัย
ตื่นได้แล้วครับ คุณไม่ได้กำลังนั่งเรียนหรือสอบอยู่ แม้ว่าคุณจะถูกสังคมหล่อหลอมมาแบบนั้นหลายปีจนแทบจะหลอนก็ตาม แต่คุณต้องหลุดออกจากวังวนเดิมๆ วิธีการศึกษาแบบเดิมให้ได้ก่อน แล้วมีการศึกษาที่แท้จริงให้ได้ คือ การศึกษาที่ไม่ใช่การทำข้อสอบปรนัยหรือการเลือกตัวเลือกที่ถูกที่สุด เพื่อตัดตัวเลือกอื่นออกไป คุณจะทำเช่นนี้กับชีวิตจริงของคุณไม่ได้ แม้ว่าอาจจะมีบางสถานการณ์ที่คุณสามารถทำได้ก็ตาม แต่มันจะไม่ใช่ตลอดไป “ชีวิตจริงไม่ใช่การทำข้อสอบปรนัย” การใช้หลักเลือกสิ่งที่ถูกที่สุด แล้วตัดสิ่งอื่นทิ้งไปนั้น ใช้ไม่ได้กับชีวิตจริงเพราะชีวิตจริงคุณต้องอยู่ร่วมกับทุกสิ่งให้ได้ไม่ว่าจะดีหรือเลว คนดีหรือเลวก็ตาม

๒ ความไม่เชื่อมั่นศรัทธาในจักรวาล
หลายคนขาดความเชื่อมั่นศรัทธาในธรรมะ ธรรมชาติ ในจักรวาล ไม่เชื่อการจัดสรรโดยธรรมชาติ เมื่อพวกเขาสูญเสียความศรัทธาไปแล้ว พวกเขาจะเริ่ม “สร้างความศรัทธาจอมปลอม” ขึ้นมาแทนที่ เพื่ออำพรางว่าตัวเองยังมีความเชื่อมั่นอยู่ ความศรัทธาจอมปลอมเป็นอย่างไร? ก็คือความเชื่อที่ไม่ตั้งอยู่บนโลกแห่งความจริง แต่ไปตั้งอยู่บน “โลกแห่งความคิด, การอุปทานไปเอง” ทั้งหลายแหล่ เช่น การคิดไปเองว่าเราสวย เราเก่ง เรารวย ฯลฯ อุปทานไปเองหมดเลย นี่คือ จุดเริ่มต้นที่อาจทำให้คุณต้องไปพบจิตแพทย์นะครับ ถ้าคุณยังไม่ยอมอยู่บนโลกแห่งความจริง คุณต้องมีความเชื่อมั่นศรัทธาในความจริงของจักรวาลและจักรวาลครับ

๓ ความเชื่อแบบผิดๆ ไม่อยู่บนความจริง
หลายคนไม่ได้อยู่บนโลกแห่งความจริงพวกเขาจึต้อง “แสวงหาความจริง” จากนั้น พวกเขาจะเริ่มใช้สมองคิด พวกเขาคิดว่า “ความคิดของพวกเขาจะเป็นความจริงขึ้นมาได้” ทั้งๆ ที่ความจริงกับความคิด เป็นคนละสิ่งกัน แม้ว่าอาจจะมีความสอดคล้องต้องกันบ้างก็ตาม พวกเขาเริ่มแยกแยะไม่ออกระหว่างอะไรคือความจริง อะไรคือความคิด? จากนั้น พวกเขาจะเริ่ม “แกว่ง” ไม่มั่นคงในใจ เพราะขาดความเชื่อมั่น เมื่อนั้นแหละ ที่พวกเขาจะ “ประดิษฐ์ความเชื่อมั่นจอมปลอม” ขึ้นมาแล้วเอามาใช้เสริมความคิด ความเชื่อที่ผิดๆ ของตน บวกอีโก้ลงไปเพื่อให้มั่นคง คุณเห็นกระบวนการของพวกเขาหรือยังครับ เห็นไหมว่าผิดเพี้ยนไปขนาดไหน?

ความกลัว และขาดพลังแห่งรัก
การเริ่มต้นด้วยความรักทำให้คุณกล้าหาญ เอาชนะความกลัวได้ แต่หากคุณเริ่มต้นด้วยความไม่รู้ (อวิชชา) ความไม่รู้นี่หละ คือ ที่มาของความกลัว คุณกลัวเพราะคุณไม่รู้ เมื่อคุณทำสิ่งต่างๆ ลงไปด้วยความกลัวนั้น คุณจึทำไปบนอวิชชา ไม่ต่างจากการทำไสยศาสตร์เลย นั่นแหละ จุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าสู่ทางมืด ในขณะที่คนที่เริ่มต้นทำสิ่งต่างๆ ด้วยความรัก พวกเขาไร้ความกลัว ไม่กลัวว่าทำแล้วจะอยู่รอดได้ไหม? มีรายได้หรือเปล่า? จะได้เงินเดือนเท่าไร? พวกเขาอาจไม่มีและไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นเลย แต่พวกเขาก็ไม่กลัว ก็เพราะพวกเขาทำมันด้วยความรัก เขาจึไม่กลัวอะไรเลย นั่นแหละ เขาจึทำมันด้วยความสว่าง วิถีจักรวาล
  
๕ ความคิดแบบแยกส่วนกับจักรวาล
สิ่งสำคัญที่สุดของการใช้พลังจักรวาลคือ “การเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล” หรืออย่างน้อยกับพลังจักรวาลที่คุณใช้ หากคุณไม่อาจเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลได้ คุณและจักรวาลจะกลายเป็นคนละสิ่งกัน คุณคืออัตตาหนึ่ง จักรวาลคืออัตตาหนึ่ง สองอัตตาเหมือนหินสองก้อน เมื่อจะประสานพลังกันก็จะเกิดการกระทบกันได้ คุณจะถูกกระทบด้วยพลังจักรวาลและคุณจะต้องแย่เอง เพราะคุณไม่ได้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล การคิดแบบแยกส่วนกับจักรวาลเกิดขึ้นได้มากมาย เพราะหลายคนชินกับการยึดตัวเองเป็นทุกอย่าง เป็นศูนย์กลางจักรวาล คิดแบบอัตตาตัวกูของกู แต่ไม่ชินกับการคิดแบบอนัตตา (ซึ่งไม่ใช่การคิดแบบนิรัตตา)

นี่คือตัวอย่างห้าข้อของการฝึกพลังจักรวาลแบบผิดๆ ที่พบบ่อยครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?