อาการของการปฏิบัติธรรมพลาด




ในบทความก่อนได้อธิบายแล้วว่าการปฏิบัติธรรมผิดพลาดนั้นสู้ไม่ปฏิบัติธรรมแล้วเป็นคนปกติยังดีกว่าว่ามีความหมายอย่างไร? หลายท่านอาจยังไม่เข้าใจและไม่คิดว่าตัวเองก็เข้าข่ายปฏิบัติธรรมพลาดด้วย ดังนั้น จำต้องอธิบายเพิ่มเติมต่อไป ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง “อาการของการปฏิบัติธรรมพลาด”  ดังต่อไปนี้

มีความเห็นผิดไปจากความจริง
ดังคำกล่าวของเซนที่ว่า “ก่อนปฏิบัติธรรมเห็นภูเขาเป็นภูเขา เมื่อปฏิบัติธรรมเห็นภูเขาเป็นความว่าง หลังปฏิบัติธรรมสำเร็จแล้วเห็นภูเขาเป็นภูเขาดังเดิม” นี่ละครับ คนเราเมื่อปฏิบัติธรรมพลาด จะมีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริงเรียกว่า “ทิฐิวิปลาส” คำว่าทิฐิ ก็คือความคิดเห็น คำว่าวิปลาส ก็คือผิดไปจากความจริง นั่นเอง หลายคนไม่รู้ตัว ขาดสติ ไม่ทราบว่าตนเองมีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง เพราะมองว่าฉันถูกต้อง ฉันมีธรรม ไปยึดติดเอาว่า “ธรรมะคือความถูกต้อง” เช่น ความว่างคือธรรมะ ความว่างคือความถูกต้อง ทีนี้ มองภูเขาเป็นความว่างก็ไม่รู้ตัว ไม่มีสติว่าตนเองเกิดทิฐิวิปลาสขึ้นมาแล้ว พอจะเห็นภาพไหม?

มีความเป็นเจ้าของธรรมะ
“สัพเพธัมมา อนัตตา” ธรรมทั้งหลายมิใช่ตัวตนของตน ผู้ใดหลงว่าธรรมะเป็นตัวตนของตนผู้นั้นย่อมเห็นผิด วิปลาสไป แต่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ คนสมัยนี้หลอกคนเก่ง เปลือกนอกทำเนียนว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่เราดูอาการของการ “มีความเป็นเจ้าของธรรมะ” ได้หลายอย่างครับ เช่น จ้องจับผิดเล่นงานคนอื่นราวกับหวงว่าใครจะมาทำอะไรไม่ดีกับธรรมะนั้นของตน, การปกป้องธรรมะราวกับว่าจะพลีชีพเพื่อมันได้ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเพราะมันเป็นนามธรรมอยู่แล้ว อนัตตาอยู่แล้ว, การทำตัวเหมือนตำรวจ คุมธรรมะแจ ใครจะมาพูดธรรมะนี้ผิดไปไม่ได้ ฯลฯ อาการเหล่านี้ จะแสดงออกแบบแนบเนียนเพื่ออำพรางคนอื่นว่าตัวเองไม่ได้เป็นอย่างนั้น

๓ การแสวงหาสาวกพรรคพวก
การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องตัวใครตัวมันเอาตัวรอดกันไป เราอาจสนทนาธรรมกับคนอื่น บอกเขาได้ แต่เราทำแทนใครไม่ได้ ทุกคนต้องปฏิบัติด้วยตนเอง หากเราไม่เข้าใจตรงนี้เพราะปฏิบัติธรรมพลาด เราก็จะคิดว่าเราต้องเป็นครู เราต้องมีลูกศิษย์ เราต้องหาสาวกบริวาร ทำตัวเลียนแบบพระพุทธเจ้าทั้งที่ตัวเองไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า “ขี้กลากจะขึ้นหัว” ยิ่งกว่านั้น บางคนเตลิดเปิดเปิงขั้นให้คนมารุมล้อมกราบไหว้ตัวเองก็มีครับ นี่คือ “อาการหลงตัวเอง” แต่ไม่มีสติ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองหลงตัวเองอยู่ เพราะหลอกตัวเองว่าตัวเองไม่ได้หลง ตัวเองทำไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน มันไม่จริงครับ “ไม่มีใครช่วยใครได้” ทุกคนต้องปฏิบัติด้วยตัวของเขาเอง

๔ ปฏิกริยาต่อต้านธรรมะแท้จริง
เมื่อปฏิบัติธรรมพลาดแล้ว “จะกลัวความจริง” กลัวว่าถ้ารู้ว่าตนเองผิดเพี้ยน ปฏิบัติพลาดแล้วจะรับไม่ได้ ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้ ก็จะเกิด “ปฏิกริยาต่อต้านธรรมะที่แท้จริง” เช่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น, ไม่อ่าน, ไม่กดไลค์, ไม่แชร์ ฯลฯ เพราะรับไม่ได้กับความจริง หากเข้าไปอ่านแล้วรู้ตัวว่าตัวเองผิดเพี้ยน ก็จะรับไม่ได้ จะเจ็บปวด คนพวกนี้คือคนอ่อนแอที่แอบซ่อนความอ่อนแอไว้ หลอกลวงคนอื่นด้วยเปลือกนอกที่ตรงกันข้าม ทำเหมือนว่าตัวเองเก่ง กล้าแกร่ง ฯลฯ แท้จริงแล้วไม่อาจแม้แต่จะเผชิญหน้ากับความจริงว่าตัวเองปฏิบัติธรรมผิดเพี้ยน ปฏิกริยาต่อต้านธรรมะนี้อาจแสดงออกด้วยการ “แสดงธรรมเพื่อเอาชนะ” อีกฝ่ายก็ได้ครับ

มีความผิดปกติในการดำรงชีวิต
สุดท้าย คนที่ปฏิบัติธรรมผิดเพี้ยนสามารถเกิดผลกระทบต่อชีวิตและการดำรงชีวิตได้ ทำให้มีความผิดปกติในการดำเนินชีวิต เช่น การอยู่ร่วมกับสังคมปกติไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในวัดที่ตนชอบ, ทำงานร่วมกับใครไม่ได้จะมีอาการเอาแต่ใจตัวเองทุกคนต้องยอมฉัน, อาการเหมือนคนบ้าแต่อำพรางไว้ด้วยธรรม หากเอาเรื่องธรรมออกก็ไม่ต่างจากคนบ้าเลย ฯลฯ คนที่ปฏิบัติธรรมผิดเพี้ยนนั้นไม่ต่างอะไรกับคนป่วย แต่รักษาได้ยากกว่า ด้วยการป่วยนั้นมีหมอรักษาได้มากมาย แต่การปฏิบัติธรรมผิดพลาดนั้น “หาคนรักษาให้ ไม่ได้ง่ายๆ” ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนครับ เพราะยิ่งปล่อยไว้นานวันก็จะยิ่งมีทิฐิมานะแรง ดื้อรั้น หลงตัวเองหนักจนแก้ไม่ได้เลย

เป็นคนปกติสนับสนุนพุทธศาสนาก็ได้ ดีกว่าปฏิบัติธรรมผิดครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?