บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม 5, 2018

การจัดระเบียบโลก : ระบบเงินแบบใหม่

รูปภาพ
หลายท่านที่ติดตามข่าวสารในปัจจุบัน คงได้ทราบข่าวของสงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกาบ้างแล้ว ปัจจุบันโลกกำลังขับดันให้เกิดเงินแบบใหม่ เช่น บิทคอยน์ เป็นต้น ในบทความนี้ จะขอกล่าว ถึง โลกปัจจุบันกันบ้างว่าเกิดอะไร ขึ้น และจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไป ในประเด็นเรื่อง “ระบบเงินแบบใหม่” ดังต่อไปนี้ ๑ ทำไมไม่ใช้ระบบเงินแบบเก่า? ทุกอย่างไม่เที่ยง ไม่แน่นอน ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นธรรมดา ระบบใดอยู่มานานแล้วก็ ถึง วาระจะต้องหมดสิ้นไปเพื่อให้สิ่งใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ ระบบเงินของอเมริกานั้นไม่อิงกับสินทรัพย์ กล่าวคือ สามารถพิมพ์ได้เองแล้วแต่อเมริกาต้องการ เงินดอลล่าร์ จึ ง ไม่มีคุณค่าในตัวเอง เหมือนเงินหลอกๆ ที่ทั่วโลกต้องยอมรับ ทำให้โลกสร้างเงินแบบใหม่ ขึ้น มาแทนที่ เช่น บิทคอยน์ เป็นต้น ทั้งนี้ ระบบเงินที่ดีจะต้องเป็น “สิ่งแทนของความมีคุณค่าของสิ่งต่างๆ” ได้ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของที่จับต้องได้ และสิ่งมีค่าที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความภักดีต่อตราสินค้า, ชื่อเสียงของบริษัท, เครดิตของเจ้าของบริษัท ฯลฯ ทว่า ระบบเงินปัจจุบันกลับทำไม่ได้ ๒ ระบบเงินที่ดีต้องเป็นอย่างไร? ระบบเงินที่ดีต้อ

เคล็ดลับในการเลื่อนระดับ

รูปภาพ
ในหลายๆ บทความได้กล่าว ถึง เรื่องการเลื่อนระดับ ( Ascension) มาบ้างแล้ว ทว่า หลายท่านอาจยังไม่มีความก้าวหน้าในการทางปฏิบัติจริง ในบทความนี้จะขอแนะนำเคล็ดลับที่สำคัญในการเลื่อนระดับ ซึ่ง คุณสามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ เพราะผู้เขียนได้ทดลองมาด้วยตนเองแล้วว่าได้ผลจึ ง มาแนะนำต่อ ดังต่อไปนี้ ๑ ยกระดับความต้องการของคุณ ตามหลักความต้องการห้าขั้นของมาสโลว์ จะไล่ตั้งแต่ความต้องการพื้นฐานที่สัมผัสจับต้องได้ เช่น บ้าน, อาหาร ฯลฯ ไปจน ถึง ความต้องการขั้นสูงๆ เช่น ต้องการเป็นอิสระ, ต้องการความสงบสุข, ต้องการความเป็นส่วนตัว ฯลฯ หากคุณใช้เวลาในชีวิตยาวนานมากวนอยู่กับความต้องการขั้นพื้นฐาน ขั้นแรกเท่านั้น แต่คุณกลับไม่เคยเงยหน้า ขึ้น มองเลยว่ามันยังมีความต้องการขั้นสูงๆ ตามหลักของมาสโลว์อยู่ด้วย ดังที่ได้ยกตัวอย่างแล้วนั้น คุณก็จะเสียเวลากับชีวิตไปมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น ตรงข้าม หากคุณเสียเวลาให้กับความต้องการขั้นพื้นฐานน้อยๆ คุณก็จะมีเวลามากมายในการทำให้ความต้องการขั้นสูงๆ สำเร็จผลได้จริง ๒ ใช้การสละเพื่อการเลื่อนระดับ หากคุณพัวพันอยู่กับสิ่งเดิมๆ คุณจะไม่มีวันเลื่อนระดับ ขึ้น ได้เลย

ปัจจัตตัง ไม่ใช่การรู้ไปเองคนเดียว

รูปภาพ
หลายคนชอบอ้างคำว่า “ปัจจัตตัง” เพื่อจะบอกคนอื่นว่า “ฉันรู้ของฉันเองได้ คนอื่นจะมารู้ดีกับฉันได้ยังไง” อันนี้แสดงว่าไม่เข้าใจว่าสัจธรรมมีความเป็นสากล แถมยังหลงในอัตตาตัวตน แบบไร้ทางเยียวยาเพราะปิดกั้นไม่ให้ใครเขาตักเตือนเลย ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความในเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้ ๑ สัจธรรมเป็นเรื่องสากล ผู้ที่บรรลุเหมือนกันก็จะเข้าใจในสิ่งเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่อง “กูรู้ของกูคนเดียว” ไอ้การรู้ไปเองคนเดียวนั้นมิใช่ปัญญาญาณแบบปัจจัตตัง แต่มันคือ “อัตตา” ฮะ คือ ตัวกูรู้ ใครอย่ามาบอกกู อย่ามาเตือนกูๆ ไม่ฟังทั้งนั้น อันนี้ไม่ใช่การหลุดพ้นอะไรเลยนะ อัตตาล้วนๆ เพราะสัจธรรมนั้นเป็นเรื่องสากล ไม่ใช่เรื่อง “ตัวกูของกู” อยู่คนเดียวแบบนั้น คำว่าสัจธรรมสากลก็คือ เรารู้ได้ คนอื่นเขาก็รู้ได้เหมือนกัน เขาหยั่ง ถึง จิตเราได้เหมือนกัน เพราะจิตเป็นธรรมะ ธรรมชาติ เมื่อเราเข้า ถึง สัจธรรมแห่งจิต เราก็เข้า ถึง ความเป็นสัจธรรมสากล ดังนั้น เขาและเราก็รู้จิตกันได้ไม่ต่างกัน ใครที่มาพูดว่าฉันรู้ของฉันเองเป็นปัจจัตตัง ไม่มีใครมารู้จิตฉันได้ นี่อัตตาแล้ว     ๒ ปั จจัตตังไม่ใช่การรู

การชำระบาป

รูปภาพ
หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องการชำระบาปกันมาแล้ว แต่มันคืออะไร? ต้องทำอย่างไร? หลายท่านอาจยังไม่ทราบเพราะเพียงแค่ได้อ่าน ได้ยินมาจากที่ใดที่ หนึ่ง เท่านั้นเอง ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความในเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกันเป็นพื้นฐานเบื้องต้น เนื่องจากการชำระล้างนั้นได้เกิด ขึ้น ในโลกแล้ว ดังต่อไปนี้ ๑ การชำระบาปโดยธรรมชาติ การชำระบาปโดยธรรมชาติจะมีความป่าเถื่อนรุนแรงเช่น น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด ฯลฯ เหล่านี้ ล้วนเป็นกระบวนการชำระบาปของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้น พระเจ้าจึ ง ส่งพระบุตรลงมาช่วยชำระบาปให้มนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ได้รับผลกระทบน้อยลงและชำระบาปได้สำเร็จ ทว่า มิใช่มนุษย์ทุกคนที่จะได้รับการชำระบาปโดยพระบุตร ผู้ที่ศรัทธาในพระบุตรจะได้รับ ผู้ที่ขาดศรัทธาในพระบุตรย่อมจะไม่ได้รับ เหมือนเราไปหาหมอ ถ้าเราเชื่อใจหมอๆ ก็รักษาโรคให้เราได้ แต่ถ้าเราไม่เชื่อใจหมอ คงไม่ยอมให้หมอรักษาโรคให้เราเป็นแน่ ซึ่ง พุทธศาสนาเองจะมีผู้ที่มาช่วยชำระบาปแก่มนุษย์เช่นกัน คือ พระโพธิสัตว์ เช่น พระกวนอิมทรงแจกันทิพย์ ๒ คนเราไม่มีใครไม่เคยทำผิด เพียงแต่ใครจะมีสติไม่หลงตัวเอง รู้ตัวเองได้ก่อนก

อ่านธรรมะแล้วไม่รู้คือมีสติ

รูปภาพ
หลายคนอ่านหรือฟังธรรมะแล้วเกิดความเข้าใจแต่ไม่ใช่การตรัสรู้เอง ทว่า เมื่อเกิดความเข้าใจแล้วก็มักจะหลงตัวเองว่าตัวเองรู้ได้เองแล้ว ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่การรู้เอง แต่มันเป็นการรู้โดยไปอ่านเอา ไปฟังของเขามา นี่ เดี๋ยวนี้มีแบบนี้เยอะมาก ในบทความนี้จะขออธิบายขยายความในเรื่องนี้เพื่อให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้ ๑ อ่านธรรมะแล้วรู้ คือ หลง เพราะอะไรครับ? เพราะธรรมะทั้งหมดนั้นเป็นธรรมที่พระสมณโคดมท่านตรัสรู้ ไม่ใช่ความรู้เราเลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อเราอ่านแล้วเข้าใจ เราจะประมาทในธรรม หลงคิดว่าเรารู้แล้ว ตรงนี้ละครับที่เรียกว่าหลง คือ เราไปหลงคิดว่าการอ่านแล้วเข้าใจคือการตรัสรู้ แล้วคิดว่าเราเก่งที่รู้เช่นนั้นได้ เพราะอะไรละ? เพราะเราเคยเรียนหนังสือแล้วโง่มาก่อน อ่านไม่เข้าใจเลย พอมาอ่านธรรมะแล้วเข้าใจ เลยคิดว่า “คราวนี้กูรู้แล้ว กูเก่งแล้วละ” นี่ละครับ มันจะไปตรัสรู้ห่าอะไรของมันได้ มันแค่ไปได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่านของเขามาทั้งนั้น มันเป็นอนัตตาทั้งนั้น แต่พอเข้าใจปั๊บ มันยึดติดเป็นตัวกูของกูทันที หลงรู้ หลงว่ากูรู้ทันที นี่เรียกว่าไม่มีสติ ๒ อ่านธรรมะแล้วไม่รู้ คือ มีสติ แล้วคนที่มีสต

การตื่นขึ้นของธรรมชาติจากภายใน

รูปภาพ
พระพุทธศาสนานี้สอนเรื่องธรรมะ ธรรมชาติที่แท้จริง ทว่า หลายคนเมื่อมาศึกษากลับไม่เข้า ถึง พุทธศาสนา หลายคนชอบทำตัวเหมือนจอมยุทธ์ในหนังจีนกำลังภายใน ชอบทำตัวเป็นพระเอก, นางเอก, เป็นคนดี ฯลฯ นี่ไม่ใช่คำสอนในพุทธศาสนา บทความนี้ขออธิบายเรื่อง “การตื่น ขึ้น ของธรรมชาติจากภายใน” ดังต่อไปนี้ ๑ การเชื่อใจในธรรมะ ธรรมชาติแท้จริง คือ เชื่อว่าทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมะ ธรรมชาติ แม้ตัวเราเอง จิตใจของเราเองก็เป็นธรรมชาติอย่าง หนึ่ง เมื่อเรามีความศรัทธาในธรรม “ธรรมมานุสติปัฏฐาน” ก็จะเกิด ธรรมในธรรมก็จะตื่น ขึ้น จากภายในของเราเอง การที่เราไม่หลงติดในอัตตา ไม่ได้แปลว่าเราคือความว่างเปล่า หายสูญ หรือไม่มีอะไรเลย เราก็คือธรรมชาติคือ จักรวาลน้อยที่ย่อส่วนมาจากจักรวาลใหญ่ หลายคนไม่เชื่อใจในธรรมะ ธรรมชาติของตัวเอง พวกเขาจะหา “สิ่งนอกตัว” อะไรสักอย่างที่พวกเขาคิดว่าดี เช่น ความเป็นพุทธะ, โพธิสัตว์, อรหันต์, พระเอก, คนดี, ฮีโร่ ฯลฯ เพื่อที่จะเป็นอย่างคนๆ นั้นที่เขาคิดว่าดี นานวันเข้าเขาจะลืมหลงลืมธรรมชาติที่เขาเป็นจริงๆ ในที่สุด ๒ ตัวตนอัตตาจอม ปลอมที่คนใฝ่หา เมื่อคนเราสูญเสียความศรัทธาในตนเองพว

มิติคู่ขนาน จักรวาลคู่ขนาน

รูปภาพ
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็น หนึ่ง เดียวกัน แต่เพราะมนุษย์มีขีดจำกัดในการรับรู้ เมื่อรับรู้มิติที่ไม่เคยมองเห็นก็จะเข้าใจว่ามีอีกมิติ หนึ่ง ดังนั้น คำว่ามิติก็ดี จักรวาลคู่ขนานก็ดี ก็คือ “สมมุติบัญญัติ” ในการอธิบาย ถึง บางสิ่งที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อนแล้วเรามารับรู้ได้ภายหลัง ก็เท่านั้นเอง ในบทความนี้จะขออธิบาย ดังต่อไปนี้ ๑ ทำไมมนุษย์จึ ง ไม่รับรู้ ถึง อีกมิติ? เพื่อให้การดำรงอยู่ของจิตที่มีระดับต่างกัน สามารถดำรงอยู่ร่วมกันได้ในจักรวาลนี้ ไม่มีปัญหา ธรรมชาติจึ ง ออกแบบให้มนุษย์มีอายตนะในการรับรู้จำกัด รับรู้ได้เฉพาะในมิติที่ตนควรรู้เท่านั้น เหมือนการทำงานในบริษัท หากเราเป็นแค่พนักงานธรรมดา เราจะได้รับข้อมูลระดับเดียวกับผู้บริหารไหมครับ? ก็ไม่ นั่นละ คือ เหตุผลที่มนุษย์มีอายตนะที่จำกัดรับรู้ได้เฉพาะในมิติที่ควรรู้เท่านั้น หากมนุษย์รู้ว่ามีสวรรค์ที่ดีกว่าโลกนี้อยู่ พวกเขาจะคิดอย่างไร? พวกเขาอาจไม่สนใจสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ ไม่สนใจหน้าที่การงานทางโลก และอยากจะไปอยู่บนสวรรค์แทน ดังนั้น สังคมก็ต้องวุ่นวาย ยุ่งเหยิงเป็นแน่ ดังนั้น จักรวาลจึ ง ต้องคุมมนุษย์ไว้ไงละครับ ๒ มนุษย์จะรับร