การตื่นขึ้นของธรรมชาติจากภายใน




พระพุทธศาสนานี้สอนเรื่องธรรมะ ธรรมชาติที่แท้จริง ทว่า หลายคนเมื่อมาศึกษากลับไม่เข้าถึงพุทธศาสนา หลายคนชอบทำตัวเหมือนจอมยุทธ์ในหนังจีนกำลังภายใน ชอบทำตัวเป็นพระเอก, นางเอก, เป็นคนดี ฯลฯ นี่ไม่ใช่คำสอนในพุทธศาสนา บทความนี้ขออธิบายเรื่อง “การตื่นขึ้นของธรรมชาติจากภายใน” ดังต่อไปนี้

การเชื่อใจในธรรมะ ธรรมชาติแท้จริง
คือ เชื่อว่าทุกสรรพสิ่งเป็นธรรมะ ธรรมชาติ แม้ตัวเราเอง จิตใจของเราเองก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง เมื่อเรามีความศรัทธาในธรรม “ธรรมมานุสติปัฏฐาน” ก็จะเกิด ธรรมในธรรมก็จะตื่นขึ้นจากภายในของเราเอง การที่เราไม่หลงติดในอัตตา ไม่ได้แปลว่าเราคือความว่างเปล่า หายสูญ หรือไม่มีอะไรเลย เราก็คือธรรมชาติคือ จักรวาลน้อยที่ย่อส่วนมาจากจักรวาลใหญ่ หลายคนไม่เชื่อใจในธรรมะ ธรรมชาติของตัวเอง พวกเขาจะหา “สิ่งนอกตัว” อะไรสักอย่างที่พวกเขาคิดว่าดี เช่น ความเป็นพุทธะ, โพธิสัตว์, อรหันต์, พระเอก, คนดี, ฮีโร่ ฯลฯ เพื่อที่จะเป็นอย่างคนๆ นั้นที่เขาคิดว่าดี นานวันเข้าเขาจะลืมหลงลืมธรรมชาติที่เขาเป็นจริงๆ ในที่สุด

๒ ตัวตนอัตตาจอมปลอมที่คนใฝ่หา
เมื่อคนเราสูญเสียความศรัทธาในตนเองพวกเขาสูญเสียความเชื่อมั่นไปด้วย จากนั้น พวกเขาจะสร้างความเชื่อมั่นปลอมๆ ขึ้นมาแทนที่ด้วยการเป็นตัวตนอะไรสักอย่างที่คิดว่าดี เช่น “ตัวตนคนดี” อันนี้คืออัตตาที่เราคิดเอง สร้างมาเอง คนดีนี่เป็นอัตตาที่คนส่วนใหญ่ยอมรับได้ง่ายๆ เพราะคนเราอยากเป็นคนดีกันทั้งนั้นละ จริงไหม? หลายคนที่ไม่เหลือความศรัทธาในตัวเอง ไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว จะเริ่มหา “อัตตาตัวตน” ที่คิดว่าดีมาสวมใส่โดยที่พวกเขาก็ไม่มีสติรู้ตัวว่า “มันไม่ใช่ตัวเขาเองจริงๆ” แต่เขาแค่พยายามจะเป็นคนๆ นั้นที่เขาคิดว่าดี การสร้างเรือนให้อัตตาก็เกิด เรากลายเป็นนายช่างผู้ปลูกเรือน ค่อยๆ ห่างจากธรรมชาติเดิมแท้

ละครดราม่าที่มีพระเอกตัวโกง
เมื่อเราสร้างอัตตาตัวตนว่าเราเป็นคนดีแล้ว เราจะสร้าง “เรื่องราว” ของเราต่อไป เหมือนละครดราม่าที่มีพระเอก มีตัวโกง เราจะเริ่ม “เพ่งจับผิด” เล่นงานคนอื่นที่ต่างจากเราหรือตรงข้ามกับเรา นี่ละ “มายาการ” ที่เราเองสร้างมันเอง เราจะเริ่มเป็นผู้พิพากษาว่าคนที่ทำตรงข้ามกับเราเป็นคนไม่ดี ความถูกผิด-ดีชั่วก็ถูกเราสร้างขึ้นมาตอนนี้เอง เราจะเริ่มใช้คำว่า “คนชั่ว, คนไม่ดี” กับคนอื่น จากนั้น เราจะ “ตีตราบาป” ประทับลงไปที่ผู้อื่น นี่ไม่ใช่คำสอนของพุทธศาสนาเลยนะ แต่เป็น “วิถีชาวฮั่น” เหมือนในหนังจีนกำลังภายในที่จะมีจอมยุทธ์ทำตัวเป็นพระเอก เป็นฮีโร่มาปราบตัวร้ายตัวโกงอะไรแบบนั้น ทั้งหมดนี้เป็นมายาการเท่านั้นเอง

๔ การยอมรับในด้านมืดของตัวเองที่เป็นจริงๆ
เพื่อไม่ให้หลงในอัตตาตัวตนและละครมายาการเหล่านั้น เราจึจะต้อง “ยอมรับด้านมืดของตัวเอง” เพราะคนเรานั้นไม่ได้มีแต่ด้านที่ดีอย่างเดียว เรามีทั้งด้านดีและไม่ดี ทว่า น้อยคนที่จะยอมรับตัวเองว่าเราก็มีด้านมืดเช่นกัน การยอมรับด้านดีของตัวเอง อาจทำให้เรา “หลงตัวเอง” แต่การยอมรับด้านมืดของตัวเอง ทำให้เรามีสติได้มากกว่าว่าเราเองก็ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนามาจากไหน? เราเองก็ทำผิดได้เช่นกัน นี่ละ เราจะมีสติ เราจะไม่หลงตัวเอง นี่คือ จุดเริ่มต้นที่เราจะมีสติเท่าทันตัวเองได้จริงๆ และเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เราเป็นธรรมชาติอย่างที่เราเป็นจริงๆ ไม่ต้องเป็น “อัตตาตัวตน” อื่นๆ ที่สังคมต้องการ หรือที่เราคิดว่าดีอีกต่อไป

การตื่นขึ้นของธรรมชาติจากภายในตัวเอง
เมื่อเราไม่หลงอัตตาตัวตนอื่นๆ ใด เช่น ตัวตนคนดี เราไม่หลงอยากเป็นคนดี เราไม่หลงว่าตัวเองเป็นคนดี เราไม่หลงความดี ฯลฯ เป็นต้น เราจะมีอิสรภาพ คือ จะดีหรือไม่ดีก็ช่างมัน ไม่ต้องแบกความดีอะไรไว้แล้ว เราเป็นอิสระแล้ว เมื่อนั้น เราได้ปลดปล่อยตัวเอง ปลดแอกตัวเอง เหมือนนกที่อยู่ในกรง ตื่นแล้วออกจากกรงโผบินออกไปอย่างอิสระเสรี เมื่อนั้น เราจะมีความเป็นธรรมชาติอย่างที่เราเป็นจริงๆ เราจะไม่ต้องเป็นคนดี หรือเป็นอะไรที่สังคมต้องการก็ได้ ความไม่เป็นตัวของตัวเอง จะสิ้นไป ความหลงยึดในอัตตาตัวตนที่คิดว่าดี ที่สังคมต้องการ ก็สิ้นไป เราจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองและธรรมชาติ จนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

การปฏิบัติธรรมมิใช่การ “ไปเป็น” อะไรที่คุณหรือสังคมมองว่าดีครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?