บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม 22, 2018

ปลดภาระโดยไม่ถือครองทำได้อย่างไร?

รูปภาพ
ในบทความก่อนได้กล่าว ถึง การดำรงอยู่โดยไม่ถือครองมาแล้ว ว่าสามารถทำได้จริงและยกตัวอย่างพระที่อยู่วัดได้โดยไม่ยึดครอง ซึ่ง เป็นการปฏิบัติจริง เห็นผลจริง พิสูจน์ได้จริง ไม่ใช่แค่การพล่ามทฤษฎีธรรมะไปวันๆ ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายขยายความในแง่การปฏิบัติจริงในแบบฆราวาสให้ได้ผล ดังต่อไปนี้ ๑ สละทางโลกได้จะมีใจเป็นพระ หลายคนชอบพูดโอ้อวดว่า “ไม่ต้องบวชก็เป็นพระได้” ในแง่ทฤษฎีมันก็ได้ครับ แต่คนพูดน่ะทำได้จริงหรือไม่ ก็อีกเรื่อง หนึ่ง เพราะการจะเป็นพระหรือมีใจเป็นพระได้นั้นจะต้อง “สละทางโลก” ให้ได้ก่อน ไม่ใช่เอาแต่พูดว่าเราไม่ยึดอะไรแล้ว ไม่ใช่ครับ ในแง่การปฏิบัติจริงต้องทำให้ได้จริงด้วย ไม่ใช่ดีแต่พูดเช่นพระไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง อยู่ในวัดที่ไม่ใช่ของตัวเอง แต่อยู่ได้ ใช่ไหมครับ?   ดังนั้น ฆราวาสที่จะปฏิบัติให้ได้ใจเหมือนพระก็ต้องทำเช่นนั้นให้ได้เหมือนกัน หากทำไม่ได้ อย่ายกตนเสมอท่านว่าเราก็ไม่ต่างจากพระ ไม่ใช่ฮะ เราต้องทำให้ได้อย่างท่านก่อน เราจึ ง จะมีใจเป็นพระอย่างท่านได้ ด้วยการสละทางโลกคือการไม่เอาอะไรทางโลก ๒ สละเพศบรรพชิต ไม่ถือเพศ คำว่า “ไม่ถือเพศ” สละความ ยึด ติดใน

ดำรงอยู่โดยไม่ถือครอง ทำได้หรือ?

รูปภาพ
หลายคนชอบพูดโอ้อวดธรรมะแต่ทำไม่ได้จริงโดยเฉพาะคำว่า “ไม่ใช่ตัวกูของกู เราไม่ยึดอะไรแล้ว” นี่ชอบพูดกันมาก แต่ถามว่าทำได้จริงหรือ? หลายคนทำไม่ได้ดี แต่พูดโอ้อวดก็เท่านั้น “หลวงปู่ตื้อ” เคยด่าให้สติผู้หญิงคน หนึ่ง ที่ดีแต่ปากเพราะคิดว่าธรรมเป็นของง่ายมาแล้ว ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายดังต่อไปนี้ ๑ ไม่ใช่ดีแต่พูดโอ้อวดเป็นปรัชญาสวยหรู หลายคนชอบพูดโอ้อวดว่า “ไม่มีตัวกูของกูแล้ว” ไม่ใช่ตัวตนของตนแล้ว ไม่ยึดอะไรแล้ว ทว่า นี่ล้วนตอแหล เพราะผู้พูดทำไม่ได้จริง เหมือนคำพูดสวยหรูแต่ทำไม่ได้จริงทั้งหลายที่คอยกล่อมหลอกฟันสาวๆ ยังไงยังงั้น ถามหน่อย ที่พูดว่าไม่ใช่ตัวกูของกูนั้น บ้านเป็นของคุณไหม? ที่ดินของคุณหรือเปล่า? รถยนต์ของคุณไหม? หลายคนถือครองเป็นเจ้าของอะไรมากมายครับ แต่ปากกลับพล่ามพูดว่าไม่ใช่ตัวกูของกู อย่างหน้าด้านๆ ไม่อายใคร พูดเก่งแต่ทำจริงไม่ได้เลย เพราะคิดว่าแค่คิดว่าไม่ยึดเป็นตัวกูของกูก็พอแล้ว อ้าว แค่คิดมันก็ได้แค่ “มโนกรรม” สิครับ แล้ว “กายกรรม” มันก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำจริง แบบนี้เรียกว่าโกหกหลอกลวงครับ ๒ การดำรงอยู่แบบไม่ถือครองทำได้จริง ไม่ต้องมาพล่ามพูดว่า “ไม่

นิรัตตา อัตตา อนัตตา

รูปภาพ
หลายท่านยังไม่แจ้งในคำสามคำนี้ และหลายคนมักคิดว่า “อนัตตาคือความไม่มีอะไรเลย ไม่มีตัวตนเลย” ซึ่ง ไม่ถูกต้องนะครับ เพราะความไม่มีตัวตนนั้นหมาย ถึง “นิรัตตา” ต่างหาก ไม่ใช่อนัตตาครับ อีกทั้งแนวคิดนิรัตตาที่เชื่อว่าไม่มีตัวตนกำลังระบาดในไทยอย่างหนัก พวกนี้จะคิดและสอนคนอื่นว่า “ไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรทั้งนั้น” ซึ่ง เป็นคำสอนที่เสี่ยงมากที่คนจะเข้าใจผิดจนไม่มีศีลธรรมอะไรเลย เช่น คิดว่าฆ่าคนก็ไม่ผิดสิ เพราะไม่มีตัวตนแล้ว ใช่ไหมครับ? นี่ละที่พุทธไม่สอนว่าตัวตนไม่มีอยู่จริงแบบลัทธินิรัตตา เพราะอาจทำให้คนไม่ศีลธรรมเอาได้ ในบทความนี้จะขออธิบาย ถึง คำสามคำนี้ คือ นิรัตตา, อัตตา และอนัตตา ดังต่อไปนี้ ๑ นิรัตตา ลัทธินิรัตตามีความเชื่อว่า “ตัวตนไม่มี” ไม่มีสัจธรรมอะไรเลย ทุกอย่างเหมือนความว่างเปล่าครับ หลายคนมักหลงคิดว่าแนวคิด “นิรัตตา” นี้คือ “อนัตตา” แท้จริงแล้วไม่ใช่นะฮะ ลัทธินิรัตตาเป็นแนวคิดที่ตรงข้ามกับลัทธิอัตตาเท่านั้นเอง เหมือนสำนักสองสำนักที่สอนคนตรงข้ามกัน เป็นการสุดโต่งไปคนละทางกัน และมิใช่คำสอนพุทธ แนวคิดนิรัตตานั้นยึดมั่นความไม่มีตัวตนเป็นสำคัญ มีท่าไม้ตายคือ “การปฏิเสธทุกอ

สติที่ควรมีในการใช้สื่อในปัจจุบัน

รูปภาพ
อย่าเพิ่งหลงว่าตัวเองจะได้นิพพานอะไรเลยครับ “เพราะแม้แต่สติจะใช้สื่อยังไม่มี” จริงไหม? เอาละ เรามาเริ่มต้นที่พื้นฐานกันก่อน พละห้าซ่อมให้มันดีก่อน สติเจริญให้ดีหรือยัง? มีกันหรือยัง? ใช้สื่ออย่างมีสติได้หรือยัง? หลายคนยังทำไม่ได้เลย เอ? ไม่มีสติในการใช้สื่อตรงไหน? ในบทความนี้จะขออธิบาย ดังต่อไปนี้ ๑ สติที่จะไม่บ้ากล้อง หลายคนบ้ากล้องจนขาดสติแต่ไม่รู้ตัวว่าไม่มีสตินะ เพราะหลงคิดว่าการไม่มีสติก็คือคนบ้า ไม่ใช่ เข้าใจผิด การไม่มีสติคือ “การหลงเพลิน” เหมือนสัตว์ในป่าที่หลงเพลินกินอาหารที่เขาเอามาล่อ สุดท้ายติดบ่วงที่เขาดักไว้น่ะละ ทีนี้ ย้อนกลับมาดู ให้เราลองสังเกตุนะ คนที่ใช้กล้อง, มือถือ ฯลฯ ถ่ายรูปตัวเอง ไม่ค่อยมีสติคือ มักมีอาการ “หลงเพลิน” ไหม? บางทีไม่รับรู้เรื่องราวรอบตัวอะไรเลย เพราะมัวเพลินอยู่กับการถ่ายรูปอยู่นี่ละ ที่จริงการใช้กล้องก็ไม่ต่างจากการใช้ปืนนะ มันคืออาวุธอย่าง หนึ่ง คือดาบสองคม เมื่อใดที่เราหันกล้องเข้าหาตัวเองก็เหมือนเอาปืนกลับเข้าหาตัวเองน่ะละ คนที่ตายด้วยกล้องก็คือคนที่ตกเป็นทาสมัน บ้ากล้อง ๒ สติที่จะไม่บ้าข่าว หลายคนบ้าข่าว ข่าวออกมาทางไหนก็ไ

สติที่ควรมีในชีวิตปัจจุบัน

รูปภาพ
หลายท่านมัวแต่ไป ฝึก สติตามตำรา แต่ในชีวิตจริงกลับขาดสติกับสิ่งต่างๆ บางคนมีสติเฉพาะกับลมหายใจตัวเองเท่านั้น เพราะปฏิบัติมาแบบนั้นซ้ำๆ แต่พอถูกยั่วยุด้วยสิ่งอื่นๆ ก็ขาดสติ คำว่าขาดสติ ไม่ได้แปลว่าจะต้องโวยวายเสียงดังนะ ไม่ใช่ คำว่าขาดสติคือ “หลงเพลินไปกับมัน” ในบทความนี้จะอธิบายดังต่อไปนี้ ๑ สติเท่าทันสมบัติสิ่งของ สิ่งนี้สำคัญมากเพราะหลายคนไม่หลุดพ้นด้วยยึดมั่นถือมั่นสมบัติและสิ่งของต่างๆ เมื่อตายแล้วก็กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้น เอาง่ายๆ ถ้าคุณมีสมบัติหรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ แล้วเริ่มเพลินกับมัน หลงวนอยู่กับมัน นี่คือ เริ่มมีจิตผูกมัดมันแล้ว ไม่หลุดพ้นแล้ว มีโอกาสตายแล้วกลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้นๆ ครับ ยิ่งที่เป็นถาวรวัตถุด้วยแล้วนี่มีโอกาสสูงมาก เช่น ทองคำ, เครื่องประดับ ฯลฯ ของใช้ที่ใช้แล้วพังไป ใจเราไม่ยึด อันนี้ยังไม่เท่าไร แต่ของที่ค่อนข้างมีอายุการใช้งานยาวนาน พวกนี้จะต้องระวัง แม้แต่รถยนต์, บ้าน, ที่ดิน นี่ยิ่งมีผลผูกมัดจิตใจคนเราให้กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์ได้ ทางเดียวที่จะรอดคือ การสละสิ่งนั้นออกไปเสีย ๒ สติเท่าทันความเจริญ ความเจริญทางวัตถุที่เข