สติที่ควรมีในชีวิตปัจจุบัน
หลายท่านมัวแต่ไปฝึกสติตามตำรา
แต่ในชีวิตจริงกลับขาดสติกับสิ่งต่างๆ บางคนมีสติเฉพาะกับลมหายใจตัวเองเท่านั้น
เพราะปฏิบัติมาแบบนั้นซ้ำๆ แต่พอถูกยั่วยุด้วยสิ่งอื่นๆ ก็ขาดสติ คำว่าขาดสติ ไม่ได้แปลว่าจะต้องโวยวายเสียงดังนะ
ไม่ใช่ คำว่าขาดสติคือ “หลงเพลินไปกับมัน” ในบทความนี้จะอธิบายดังต่อไปนี้
๑ สติเท่าทันสมบัติสิ่งของ
สิ่งนี้สำคัญมากเพราะหลายคนไม่หลุดพ้นด้วยยึดมั่นถือมั่นสมบัติและสิ่งของต่างๆ
เมื่อตายแล้วก็กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้น เอาง่ายๆ
ถ้าคุณมีสมบัติหรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ แล้วเริ่มเพลินกับมัน หลงวนอยู่กับมัน
นี่คือ เริ่มมีจิตผูกมัดมันแล้ว ไม่หลุดพ้นแล้ว มีโอกาสตายแล้วกลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้นๆ
ครับ ยิ่งที่เป็นถาวรวัตถุด้วยแล้วนี่มีโอกาสสูงมาก เช่น ทองคำ, เครื่องประดับ ฯลฯ
ของใช้ที่ใช้แล้วพังไป ใจเราไม่ยึด อันนี้ยังไม่เท่าไร
แต่ของที่ค่อนข้างมีอายุการใช้งานยาวนาน พวกนี้จะต้องระวัง แม้แต่รถยนต์, บ้าน,
ที่ดิน นี่ยิ่งมีผลผูกมัดจิตใจคนเราให้กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์ได้
ทางเดียวที่จะรอดคือ การสละสิ่งนั้นออกไปเสีย
๒ สติเท่าทันความเจริญ
ความเจริญทางวัตถุที่เข้ามาอาจทำให้ใครหลายคนหลงเพลินไปกับมันได้
เช่น บ้านนอกที่ไม่มีถนนราดยาง พอมีเข้าแล้ว ลูกหลานขาดสติหลงเพลินไปกับไอ้ถนนราดยางนี้
ต้องออกไปขี่รถแว๊นซ์ไปแว๊นซ์มาวันๆ จริงๆ
มันไม่ใช่เรื่องเสรีภาพที่เราจะทำอะไรก็ได้ไม่ได้ทำร้ายใคร คนละเรื่องครับ
อันนี้มันเรื่องของ “ความมีสติ” ที่จะเท่าทันตัวเองได้ว่ากำลัง “เห่อถนนราดยาง”
เพราะเป็นคนบ้านนอก ที่บ้านไม่เคยมีถนนราดยาง พอมีเข้าก็บ้าเห่อ
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนั้น จะต้องมีจิตวิญญาณไปเฝ้านะครับ
ทุกตารางนิ้วมีผู้เฝ้านะครับ ถนนที่ถูกสร้างใหม่ก็เหมือนกัน คนที่บ้าเห่อ
หลงมันมากๆ น่ะละ จะตายแล้วเป็นผีเจ้าที่เจ้าทาง วนเวียนไม่ไปไหน
๓ สติเท่าทันเรือนร่างหน้าตา
ข้อนี้เห็นบ่อย บางคนเกิดมาหน้าตาไม่ดี
เหมือนคนธรรมดาไม่เหมือนดาราดีอยู่แล้ว กลับไปทำศัลยกรรม พอมีหน้าใหม่เข้าหน่อย
“เห่อหน้าใหม่” ครับ เหมือนเด็กเห่อหมอย ไปบ้าโชว์หนังหน้าออกสื่อ ออกเฟสไปวันๆ
เคยเห็นคนบ้าเห่อหน้าตัวเองไหม? บางคนก็เห่อรูปร่างตัวเอง อันนี้เตือนไว้
ต้องระวังให้มาก คนที่มีจิตพัวพันกับร่างกายมาก รูปร่างหน้าตามากๆ นั้น
เมื่อจะละสังขารมันจะไปยาก เพราะอะไร? เพราะจิตมันชินกับการวนเวียนอยู่กับเรื่องรูปร่างหน้าตา
สังขารของตัวเอง มันจะปล่อยคลายจากสังขารยาก ผลคือ มันจะทรมานมากๆ เวลาตายครับ
จะตายก็ไม่ตายสักที จิตจะออกจากร่างก็ไม่ออกได้สักที พัวพันกับร่างอยู่นั่น
๔ สติเท่าทันอำนาจ-ตำแหน่ง
คนสมัยนี้เกิดมาก็ได้รับอำนาจแล้ว คือ
อำนาจให้สามารถเลือกผู้นำเองได้ เมื่อมีอำนาจก็หลงอำนาจ
คนสมัยก่อนไม่ได้รับอำนาจนี้ เลือกผู้นำเองไม่ได้ คนที่บ้าอำนาจเลยมีแต่ชนชั้นสูง
แต่เดี๋ยวนี้ ได้อำนาจกันทั้งนั้น เลยเกิดความบ้าอำนาจกันเต็มไปหมด ไม่พอใจอะไร
ยกพวกมาประท้วง จะเอานั่นเอานี่ให้ได้ดังใจตัวเอง บางคนบ้าขนาดไม่ยอมใช้หนี้รัฐบาล
คือ ตัวเองก็เป็นคนกู้ยืมมาเองนี่ละ แต่พอบ้าอำนาจเข้าก็ไม่ยอมจ่าย อาศัยอำนาจจาก
“คณาธิปไตย” จากคนหมู่มาก รวมหัวกันมากๆ ก่อหวอดประท้วง
ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมอะไรหรอก ทำเพื่อสนองกิเลสตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นเอง นี่ต้องระวังนะ
มีสติเท่าทันมันมากๆ
๕ สติเท่าทันตัวเองว่าเราเป็นใคร
เราทำอะไรได้บ้าง
ทำอะไรไม่ได้บ้าง เดี๋ยวนี้ขาดสติตัวนี้กันเยอะเลยเช่น ไม่ได้จบหมอ
หลงตัวเองทำตัวเป็นหมอ, ไม่ได้จบครู ทำตัวเป็นครูไปสอนคนอื่นเขา ฯลฯ
นี่เรียกว่าขาดสติ ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นใคร ทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
สมัยนี้ต่างอยากเด่นอยากดัง อวดเก่งแข่งกันทางสื่อ ทางเฟส บางคนหาความดีอะไรไม่ได้
วันๆ เอาแต่โชว์ควย แกว่งไปมาอวดชาวบ้านเขาให้เขามากดไลค์จะได้เป็นเน็ตไอดอล
นี่ขาดสตินะ เราไม่ใช่ดารา เราไม่จำเป็นต้องเด่นดัง หรือจะต้องแข่งดีแข่งเด่นอะไรกับใครเขา
เราเป็นแค่มนุษย์ คนธรรมดา ไม่มีคนรู้จักเราๆ ก็อยู่ได้
ไม่มีใครรู้จักเราก็ไม่ได้จะชักดิ้นชักงอตายเสียเมื่อไร เราอยู่ได้
แม้ไม่มีชื่อเสียงอะไรครับ
เดี๋ยวนี้มีมือถือ
บ้ากล้อง เจอกล้องปั้บขาดสติเป็นอะไรกันไปเลย!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น