สติที่ควรมีในชีวิตปัจจุบัน




หลายท่านมัวแต่ไปฝึกสติตามตำรา แต่ในชีวิตจริงกลับขาดสติกับสิ่งต่างๆ บางคนมีสติเฉพาะกับลมหายใจตัวเองเท่านั้น เพราะปฏิบัติมาแบบนั้นซ้ำๆ แต่พอถูกยั่วยุด้วยสิ่งอื่นๆ ก็ขาดสติ คำว่าขาดสติ ไม่ได้แปลว่าจะต้องโวยวายเสียงดังนะ ไม่ใช่ คำว่าขาดสติคือ “หลงเพลินไปกับมัน” ในบทความนี้จะอธิบายดังต่อไปนี้

สติเท่าทันสมบัติสิ่งของ
สิ่งนี้สำคัญมากเพราะหลายคนไม่หลุดพ้นด้วยยึดมั่นถือมั่นสมบัติและสิ่งของต่างๆ เมื่อตายแล้วก็กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้น เอาง่ายๆ ถ้าคุณมีสมบัติหรือสิ่งของอะไรก็แล้วแต่ แล้วเริ่มเพลินกับมัน หลงวนอยู่กับมัน นี่คือ เริ่มมีจิตผูกมัดมันแล้ว ไม่หลุดพ้นแล้ว มีโอกาสตายแล้วกลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์นั้นๆ ครับ ยิ่งที่เป็นถาวรวัตถุด้วยแล้วนี่มีโอกาสสูงมาก เช่น ทองคำ, เครื่องประดับ ฯลฯ ของใช้ที่ใช้แล้วพังไป ใจเราไม่ยึด อันนี้ยังไม่เท่าไร แต่ของที่ค่อนข้างมีอายุการใช้งานยาวนาน พวกนี้จะต้องระวัง แม้แต่รถยนต์, บ้าน, ที่ดิน นี่ยิ่งมีผลผูกมัดจิตใจคนเราให้กลายเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์ได้ ทางเดียวที่จะรอดคือ การสละสิ่งนั้นออกไปเสีย

สติเท่าทันความเจริญ
ความเจริญทางวัตถุที่เข้ามาอาจทำให้ใครหลายคนหลงเพลินไปกับมันได้ เช่น บ้านนอกที่ไม่มีถนนราดยาง พอมีเข้าแล้ว ลูกหลานขาดสติหลงเพลินไปกับไอ้ถนนราดยางนี้ ต้องออกไปขี่รถแว๊นซ์ไปแว๊นซ์มาวันๆ จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเสรีภาพที่เราจะทำอะไรก็ได้ไม่ได้ทำร้ายใคร คนละเรื่องครับ อันนี้มันเรื่องของ “ความมีสติ” ที่จะเท่าทันตัวเองได้ว่ากำลัง “เห่อถนนราดยาง” เพราะเป็นคนบ้านนอก ที่บ้านไม่เคยมีถนนราดยาง พอมีเข้าก็บ้าเห่อ ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนั้น จะต้องมีจิตวิญญาณไปเฝ้านะครับ ทุกตารางนิ้วมีผู้เฝ้านะครับ ถนนที่ถูกสร้างใหม่ก็เหมือนกัน คนที่บ้าเห่อ หลงมันมากๆ น่ะละ จะตายแล้วเป็นผีเจ้าที่เจ้าทาง วนเวียนไม่ไปไหน
  
๓ สติเท่าทันเรือนร่างหน้าตา
ข้อนี้เห็นบ่อย บางคนเกิดมาหน้าตาไม่ดี เหมือนคนธรรมดาไม่เหมือนดาราดีอยู่แล้ว กลับไปทำศัลยกรรม พอมีหน้าใหม่เข้าหน่อย “เห่อหน้าใหม่” ครับ เหมือนเด็กเห่อหมอย ไปบ้าโชว์หนังหน้าออกสื่อ ออกเฟสไปวันๆ เคยเห็นคนบ้าเห่อหน้าตัวเองไหม? บางคนก็เห่อรูปร่างตัวเอง อันนี้เตือนไว้ ต้องระวังให้มาก คนที่มีจิตพัวพันกับร่างกายมาก รูปร่างหน้าตามากๆ นั้น เมื่อจะละสังขารมันจะไปยาก เพราะอะไร? เพราะจิตมันชินกับการวนเวียนอยู่กับเรื่องรูปร่างหน้าตา สังขารของตัวเอง มันจะปล่อยคลายจากสังขารยาก ผลคือ มันจะทรมานมากๆ เวลาตายครับ จะตายก็ไม่ตายสักที จิตจะออกจากร่างก็ไม่ออกได้สักที พัวพันกับร่างอยู่นั่น

๔ สติเท่าทันอำนาจ-ตำแหน่ง
คนสมัยนี้เกิดมาก็ได้รับอำนาจแล้ว คือ อำนาจให้สามารถเลือกผู้นำเองได้ เมื่อมีอำนาจก็หลงอำนาจ คนสมัยก่อนไม่ได้รับอำนาจนี้ เลือกผู้นำเองไม่ได้ คนที่บ้าอำนาจเลยมีแต่ชนชั้นสูง แต่เดี๋ยวนี้ ได้อำนาจกันทั้งนั้น เลยเกิดความบ้าอำนาจกันเต็มไปหมด ไม่พอใจอะไร ยกพวกมาประท้วง จะเอานั่นเอานี่ให้ได้ดังใจตัวเอง บางคนบ้าขนาดไม่ยอมใช้หนี้รัฐบาล คือ ตัวเองก็เป็นคนกู้ยืมมาเองนี่ละ แต่พอบ้าอำนาจเข้าก็ไม่ยอมจ่าย อาศัยอำนาจจาก “คณาธิปไตย” จากคนหมู่มาก รวมหัวกันมากๆ ก่อหวอดประท้วง ไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวมอะไรหรอก ทำเพื่อสนองกิเลสตัวเองและพวกพ้องเท่านั้นเอง นี่ต้องระวังนะ มีสติเท่าทันมันมากๆ

๕ สติเท่าทันตัวเองว่าเราเป็นใคร
เราทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรไม่ได้บ้าง เดี๋ยวนี้ขาดสติตัวนี้กันเยอะเลยเช่น ไม่ได้จบหมอ หลงตัวเองทำตัวเป็นหมอ, ไม่ได้จบครู ทำตัวเป็นครูไปสอนคนอื่นเขา ฯลฯ นี่เรียกว่าขาดสติ ไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองเป็นใคร ทำอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้าง สมัยนี้ต่างอยากเด่นอยากดัง อวดเก่งแข่งกันทางสื่อ ทางเฟส บางคนหาความดีอะไรไม่ได้ วันๆ เอาแต่โชว์ควย แกว่งไปมาอวดชาวบ้านเขาให้เขามากดไลค์จะได้เป็นเน็ตไอดอล นี่ขาดสตินะ เราไม่ใช่ดารา เราไม่จำเป็นต้องเด่นดัง หรือจะต้องแข่งดีแข่งเด่นอะไรกับใครเขา เราเป็นแค่มนุษย์ คนธรรมดา ไม่มีคนรู้จักเราๆ ก็อยู่ได้ ไม่มีใครรู้จักเราก็ไม่ได้จะชักดิ้นชักงอตายเสียเมื่อไร เราอยู่ได้ แม้ไม่มีชื่อเสียงอะไรครับ

เดี๋ยวนี้มีมือถือ บ้ากล้อง เจอกล้องปั้บขาดสติเป็นอะไรกันไปเลย!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?