บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน 11, 2018

โลกถูกสร้างดั่งแมททริกซ์อย่างไร?

รูปภาพ
ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวไว้แล้วว่าโลกของเราเป็นเหมือนแมททริกซ์เหมือนกรงขัง เป็นระบบที่สร้างไว้ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดเพื่อวิวัฒนาการอยู่ภายใน ดังนั้น ศาสดาทั้งหลายล้วนสอนในสิ่งเดียวกันคือ “หลุดพ้น, ไม่หลงโลก” แต่หลุดพ้นแล้วจะไปที่ไหน? อย่างไรก็ต่างกันไป ดังจะอธิบายต่อไปนี้     ๑ ทุ กอย่างเป็นระบบ, ไม่มั่ว สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเกิด ขึ้น อย่างมีระบบ ไม่ใช่แบบสุ่ม ไม่ใช่แบบมั่วๆ ไม่ใช่โดยเหตุบังเอิญที่อยู่ๆ ก้อนหินตกลงมาเจอน้ำ กระทบกันไปมามีไฟ แล้วมาเป็นสิ่งมีชีวิต มันไม่ได้เกิดสุ่มๆ มั่วๆ แบบนั้น แต่มันมีระบบฮะ ไม่ว่าจะเป็นเซล, แบคทีเรีย, ต้นไม้, มนุษย์ ฯลฯ ทุกอย่างมีระบบ มีรูปแบบ และสามารถทำนายได้ ไม่ใช่มั่ว ไม่ใช่สุ่ม เซลต้องมีรูปแบบ แบบนี้ๆ ไม่ใช่แบบนี้ๆ ก็ไม่ใช่เซล เห็นไหม มันมีรูปแบบ มันไม่มั่ว ดังนั้น ถามว่าสิ่งที่มีระบบ ไม่มั่วนี้ มันจะเกิดเองได้ยังไง? ไม่ได้หรอก มันต้องมี “พระผู้สร้าง” ครับ โลกถูกสร้างให้มีระบบที่เรียกว่า “แมททริกซ์” ก็แล้วกัน ขอยืมสมมุติบัญญัติมาใช้เรียกแบบนี้ มันไม่ได้เกิดมาอย่างสุ่มๆ มั่วๆ ครับ ๒ กลไกลและการขับเคลื่อน ทุกระ

เป็นเทวดารอพระพุทธเจ้าก่อนเถิด

รูปภาพ
ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวแล้วว่าพุทธทำนายให้ไว้ว่าพระพุทธเจ้าจะกลับมารวมธาตุอีกครั้งในวันสิ้นโลกหรือวันสิ้นอายุพุทธกาล ท่านจะแสดงธรรมให้เทวดาฟังแล้วบรรลุมากมายแต่มนุษย์จะไม่ได้เห็น บทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายอันเกี่ยวกับ “การรวมธาตุ” และการโปรดสัตว์ในยุคนั้นมาอธิบาย ดังต่อไปนี้     ๑ ไม่ต้องใจร้อนเป็นอรหันต์ หลายคนใจร้อนรีบอุปโลกน์กันเอง อวยกันเองเป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย ไม่ใช่นะครับ ยังไม่ใช่วาระ ยังไม่ได้ มันคืออุปทานทั้งหมดครับ เราจะบรรลุธรรมต่อสายธรรมได้จากการได้รับฟังธรรมะโดยตรงจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ใช่อ้างว่าอ่านตำราพุทธวจนะมาแล้วบอกว่าฟังมาจากพระโอษฐ์ นี่ก็ไม่ได้นะจ๊ะ ฮ่าๆๆ เอาละ สรุปว่า ในวันสิ้นพุทธกาล พุทธทำนายให้ไว้ว่าพระพุทธเจ้าจะกลับมารวมธาตุ แล้วแสดงธรรมโปรดเทวดาอีกครั้ง เทวดาจะบรรลุธรรมมากมาย แต่มนุษย์จะไม่ได้เห็น เพราะเกิดในกลียุค มัวแต่ฆ่ากัน กินเลือดเนื้อกันเองครับ ดังนั้น เราไม่ต้องรีบอรหันต์แบบอุปทานกันเองหรอก ใจเย็นรอก่อนฮะ ๒ วางแผนเป็นเทวดาก็พอ ใครที่ปรารถนาจะบรรลุธรรม ให้หลุดพ้นไปเกิดเป็นเทวดาให้ได้ก็พอ นี่ไม่ใช่

โลกธาตุอันเป็นบ้านแท้เป็นไฉน?

รูปภาพ
ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวแล้วว่าโลกธาตุที่เราอยู่นี้มิใช่ “บ้านที่แท้จริง” ของเรา ถามว่าแล้วบ้านที่แท้จริงของเราละมีไหม? เราจะกลับคืนสู่บ้านที่แท้จริงของเราได้อย่างไร? ศาสนาต่างๆ บอกเราเรื่องบ้านที่แท้จริงนั้นอย่างไรบ้าง? ในบทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายอันเกี่ยวกับบ้านที่แท้จริงมาอธิบาย ดังต่อไปนี้     ๑ โลกธาตุอันเป็นที่อยู่ได้ ทุกโลกธาตุล้วนไม่เที่ยง, อนิจจัง, อนัตตา ไม่อาจยึดได้ตลอดไป แต่ก็มีโลกธาตุที่ถือว่าเป็นที่อยู่อาศัยได้จริง มิใช่ถูกสร้างมาเพื่อชำระบาปเหมือนโลกธาตุที่เราอยู่กันนี้ฮะ ที่กล่าวเรื่องโลกธาตุอันเป็นที่อยู่ได้นี้ ไม่ได้จะให้ยึดติดโลกธาตุนั้นๆ แต่เพียงแค่จำแนกให้ดูว่าโลกธาตุต่างๆ นั้นไม่เหมือนกัน และโลกธาตุที่นับว่าอยู่ได้นี้ แตกต่างจากโลกธาตุของเราอย่างไร? ทำไมเราไม่ควรหลงโลกนี้ ทำไมศาสนาต่างๆ สอนให้เรากลับบ้านเก่า ไม่ให้เราหลงโลก ศาสนาพราหมณ์สอนให้กลับคืนสู่อาตมันและสวรรค์ที่พรหมโลกธาตุ, ศาสนาคริสตร์สอนให้กลับคืนสู่พระเจ้าที่อยู่อีกโลกธาตุ, ศาสนาพุทธสอนให้เราไม่หลงโลก ( ทุกศาสนาล้วนให้เราไม่หลงโลก ) ๒ พุทธเกษตรโลกธาตุ พุทธเกษตรโลกธาตุ เป็นโลกธาต

โลกในระดับสากลจักรวาลเป็นไฉน?

รูปภาพ
ในอนันตจักรวาลมีโลกธาตุนับไม่ถ้วน ในบรรดาโลกธาตุเหล่านี้หลายโลกธาตุมีชีวะอาศัยอยู่ มีมนุษย์อาศัยอยู่ โลกธาตุของเราเรียกว่า “ตรีสหัสสโลกธาตุ” นั้นในระดับสากลจักรวาลเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ แล้วนั้น แตกต่างจากมาตรฐานสากลจักรวาลอย่างไร ในบทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายมาอธิบาย ดังต่อไปนี้     ๑ อายุของโลก โลกของเรามีอายุไม่มากเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อุปมาได้กับเด็กวัยรุ่นยังไม่โตเต็มที่ หากเปรียบเทียบกับประเทศแล้ว ก็เหมือน “ประเทศกำลังพัฒนา” มันยังเจริญไม่ ถึง ที่สุด, เติบโตไม่ ถึง ที่สุด โลกธาตุอื่นๆ นั้นที่เจริญ ถึง ที่สุดแล้วก็แตกดับไปก็มี ดังนั้น ความกลัวของผู้คนที่กลัวว่าโลกจะแตกดับ ย่อมไม่มีมูลความจริง ทว่า คำว่า “การชำระล้างโลก” นั้นมีอยู่จริง กลียุคนั้นมีอยู่จริง ภัยพิบัติเกิดได้จริง แต่มิใช่เกิดเพื่อทำลายล้างโลกให้ดับสูญไป ไม่ใช่ โลกยังอยู่ แต่สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์สร้าง ขึ้น มาบนโลกจะไม่อยู่ เพราะถูกทำลายล้างนั่นเอง โลกนี้เจริญเหมือนวัยรุ่นที่กำลังลองผิดลองถูก เมื่อลองผิดแล้วก็ต้องชำระล้างตัวเอง ๒ มนุษย์ในโลก มนุษย์ในโลกนี้เมื่อเทียบ

ทำอย่างไรจึงไม่เป็น “แอนตี้ไครสต์” ?

รูปภาพ
“แอนตี้ไครสต์” เป็นคำที่เรามักพบเสมอในศาสนาคริสตร์ ความหมายคล้ายกับมารในศาสนาพุทธเรานี่ละ ทว่า ไม่ได้แปลว่าชาวพุทธจะไม่เป็น จะมีแต่พวกต่อต้านศาสนาคริสตร์เท่านั้นที่เป็น ไม่ใช่นะครับ ปัจจุบันมีชาวพุทธจำนวนมากกำลังกลายเป็นแอนตี้ไครสต์โดยไม่รู้ตัว ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบาย ดังต่อไปนี้     ๑ แอนตี้ไครสต์ คืออะไร? แอนตี้ไครสต์ คือ คนที่ต่อต้านพระธรรมของพระคริสตร์ เหมือนมารในศาสนาพุทธ ทว่า ไม่ใช่มาร พวกนี้จะมี “ปีศาจงู” ครอบงำทำให้ตกเป็น “ร่างปีศาจงู” ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าปีศาจงูไม่ใช่ลูซิเฟอร์ เพราะลูซิเฟอร์นี้เป็นเทพสวรรค์ มีเชื้อสายเทพ แต่เพราะทำผิดกฏสวรรค์แล้วหนีลงมาอยู่ในโลก จัดเป็นประเภทเดียวกับซาตาน ปีศาจงูไม่ใช่เทพ เมื่อคนตกเป็นร่างของปีศาจงูแล้ว พวกเขาจะมีพฤติกรรม “ต่อต้านพระคริสตร์” พระธรรมคำสั่งสอนของศาสนาคริสตร์โดยที่ “ไม่ได้อะไรเลย” ไม่ใช่ว่ารับจ้างต่อต้านแล้วได้เงิน เพราะมีคนจ้างมามันก็ไม่ใช่ครับ พวกเขากลายเป็นร่างของปีศาจ ทำงานให้ปีศาจโดยที่ไม่ได้อะไร และกลายเป็นปีศาจในที่สุด ๒ สิ่งที่คล้ายกับแอนตี้ไครสต์ แต่ไม่ใช่แอนตี้ไครสต์ มีมากมายหลายแบบ เช่น คนที่ไม่หล

ทำอย่างไรจึงไม่ไปเกิดในกลียุค?

รูปภาพ
บทความธรรมะก่อนๆ ได้อธิบายเรื่อง “กลียุค” มาบ้างแล้วว่าจะมีการจัดสรรให้สรรพสัตว์บางส่วนลงไปเกิดในยุคนั้น ทว่า ยุคนั้นไม่ใช่ยุคที่ดีไม่เหมือนยุคของพระศรีอาร์ฯ แน่นอน ขอเตือนท่านทั้งหลายว่าผู้มีปัญญาจะเลือกไปเกิดยุคอื่นที่ดีกว่า ในบทความนี้จะขออธิบายว่าทำอย่างไรจึ ง จะไม่ไปเกิดในกลียุค ดังต่อไปนี้     ๑ สายธรรม สายบุญบารมี หากคุณมีสายธรรมเชื่อมกับพระศิวะ ปฏิบัติสมาธิแนวตันตระยานอันเกี่ยวข้องกับพระศิวะ ก็ยากครับที่จะไม่ไปเกิดยังกลียุค ระบบเส้นสายไม่ได้มีแค่ในโลกเพราะเราไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม คนทุกคนจะต้องมี “สายบุญบารมี” ของตนเอง ว่าเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับสิ่งศักดิสิทธิ์องค์ใด เช่น ผู้เขียนเองมีสายบุญบารมีเชื่อมโยงกับสุขาวดีมาก่อน ภายหลังทำกิจพลาดได้รับการลงโทษ จึ ง ต้องหาสายบุญบารมีใหม่ จนได้เชื่อมสายบุญบารมีกับเง็กเซียนฮ่องเต้ นับว่ายังดีครับ ดีกว่าไม่มีเลย อย่าคิดว่าไม่ต้องเกี่ยวข้องกับใคร เพราะเราไม่ใช่พระปัจเจกฯ อันนี้ขอเน้นย้ำหลายๆ ครั้งนะ เราทุกคนจะต้องมีสายบุญบารมีของตน ๒ อย่ามีฝักฝ่าย อันขัดแย้งกัน ในกลียุคนั้นคือ “ยุคสุดท้ายแห่งการชำระก

เราควรดำรงอยู่ในโลกอย่างไร?

รูปภาพ
บทความธรรมะก่อนๆ ได้อธิบายข้อธรรมมากมายมาแล้ว แต่ยังไม่ได้อธิบายว่าแล้วเราจะอาศัยอยู่บนโลกนี้อย่างไร? จะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร? ไม่เอาทางโลกแล้วรีบหนีไปบวชเลยไหม? ก็ไม่ใช่ หรือจะให้หลงทางโลกอยู่ต่อไปเหมือนเดิม ก็ไม่ใช่อีก ในบทความนี้จะขออธิบายว่าเราควรดำรงอยู่ในโลกอย่างไรบ้าง ดังต่อไปนี้     ๑ ความบริบูรณ์ : ทั้งทางโลกและทางธรรม การประสบความสำเร็จทางโลกเป็นแค่กลางทางเท่านั้น มิใช่จุดหมายปลายทาง แต่หากจะเอาแต่ประสบความสำเร็จทางธรรมอย่างเดียวก็เหมือนคนที่ยืนอยู่ที่เส้นชัยโดยไม่ได้วิ่งผ่านอะไรมาเลย ย่อมไม่ทราบว่ากว่าจะมา ถึง เส้นชัยนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง? ดังนั้น การดำรงชีวิตที่ดีในโลกควรจะบริบูรณ์ทั้งทางโลกและทางธรรม เราไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จที่สุด ยิ่งใหญ่มากมายทางโลกก็ได้ แต่ต้องมีประสบการณ์ทางโลกมาบ้าง เพราะหากไม่มีเลย จะไม่เข้าใจจริตวิสัยของมนุษย์ เมื่อจะโปรดสัตว์ก็จะโปรดไม่ได้ การจะโปรดอะไรนั้นเราจะต้องไปเกิดเป็นสิ่งนั้นด้วย หากจะโปรดกษัตริย์ก็ต้องเคยเกิดเป็นกษัตริย์มาก่อนครับ ๒ บ้านที่แท้จริง : ไม่ใช่โลกใบนี้ ดังนั้น อย่าหลงอะไรในโลกนี้มาก ต้องรีบตื่นแจ้งเ