โลกในระดับสากลจักรวาลเป็นไฉน?
ในอนันตจักรวาลมีโลกธาตุนับไม่ถ้วน
ในบรรดาโลกธาตุเหล่านี้หลายโลกธาตุมีชีวะอาศัยอยู่ มีมนุษย์อาศัยอยู่
โลกธาตุของเราเรียกว่า “ตรีสหัสสโลกธาตุ” นั้นในระดับสากลจักรวาลเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ
แล้วนั้น แตกต่างจากมาตรฐานสากลจักรวาลอย่างไร ในบทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายมาอธิบาย
ดังต่อไปนี้
๑ อายุของโลก
โลกของเรามีอายุไม่มากเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ
ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อุปมาได้กับเด็กวัยรุ่นยังไม่โตเต็มที่ หากเปรียบเทียบกับประเทศแล้ว
ก็เหมือน “ประเทศกำลังพัฒนา” มันยังเจริญไม่ถึงที่สุด,
เติบโตไม่ถึงที่สุด
โลกธาตุอื่นๆ นั้นที่เจริญถึงที่สุดแล้วก็แตกดับไปก็มี
ดังนั้น ความกลัวของผู้คนที่กลัวว่าโลกจะแตกดับ ย่อมไม่มีมูลความจริง ทว่า คำว่า
“การชำระล้างโลก” นั้นมีอยู่จริง กลียุคนั้นมีอยู่จริง ภัยพิบัติเกิดได้จริง
แต่มิใช่เกิดเพื่อทำลายล้างโลกให้ดับสูญไป ไม่ใช่ โลกยังอยู่ แต่สิ่งต่างๆ
ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาบนโลกจะไม่อยู่
เพราะถูกทำลายล้างนั่นเอง โลกนี้เจริญเหมือนวัยรุ่นที่กำลังลองผิดลองถูก
เมื่อลองผิดแล้วก็ต้องชำระล้างตัวเอง
๒ มนุษย์ในโลก
มนุษย์ในโลกนี้เมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ
แล้วนับว่า “ต่ำกว่ามาตรฐาน” มนุษย์ในโลกนี้อยู่ในระดับมิติที่ ๓
ในขณะที่มนุษย์ในโลกธาตุอื่นๆ จะอยู่ในระดับมิติที่ ๔ และ ๕ ขึ้นไปทั้งสิ้น
มนุษย์ในโลกนี้จึงมีวิวัฒนาการที่ต่ำ
ไม่อาจสัมผัสมิติที่สูงๆ ได้ ไม่อาจรับรู้สิ่งที่อวัยวะปกติรับรู้ได้
พลังงานที่มองไม่เห็น มนุษย์โลกนี้ก็ไม่รู้ ไม่เห็นด้วย
ในขณะที่มนุษย์ในมิติที่สูงกว่าสามารถรับรู้ในสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็นได้ มนุษย์โลกนี้จึงยึดติดและหลงแต่สิ่งที่มองเห็นและสัมผัสจับต้องได้เท่านั้น
พวกเขาหลงใหลแต่ “วัตถุ” ที่เรียกว่า “วัตถุนิยม”
แต่กลับละเลยจิตใจและพลังงานที่มองไม่เห็น การพัฒนามนุษย์ในโลกนี้จึงเป็นไปด้วยความยากลำบากครับ
๓ สถานภาพของโลก
โลกธาตุต่างๆ มีสถานภาพในจักรวาลที่ไม่เหมือนกัน
บางโลกธาตุมีสถานภาพเป็นเหมือนที่อยู่อาศัยที่แท้ได้ แต่บางโลกธาตุไม่อาจเป็น
“บ้าน” ที่แท้จริงได้ เช่น โลกธาตุนี้ ดังนั้น
มนุษย์ในโลกธาตุนี้มักได้รับคำสอนว่า “ให้กลับคืนสู่บ้านเดิมของเรา”
กลับบ้านเก่าของเราเพราะอะไร? เพราะโลกธาตุนี้ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะเป็นบ้านที่แท้จริงของใครได้
โลกธาตุนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “การชำระบาป” เมื่อมนุษย์มีบาปกำเนิด
จะถูกส่งมาที่โลกธาตุนี้เพื่อชำระบาปของพวกเขา เมื่อชำระสะสางหมดหนี้ หมดมลทินแล้ว
ก็จะสามารถกลับคืนสู่บ้านเก่าของพวกเขาได้ ศาสนาต่างๆ จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อย้ำเตือนมนุษย์
ศาสดาองค์ต่างๆ ล้วนสอนให้ไม่หลงโลก
๔ เจตจำนงค์เสรี
เมื่อมนุษย์ถูกส่งมาเกิดยังโลกนี้นั้น
เกิดคำถามว่า “หากพวกเขากลายพันธุ์เป็นอย่างอื่นจะได้ไหม?”
เช่น ถ้ากลายพันธุ์เป็นปีศาจหรือเทพ จักรวาลก็ให้คำตอบว่า
“มันคือเจตจำนงค์อิสระที่มนุษย์จะมีได้” หมายความว่ามันไม่มีอะไรผิดหรือถูก
หากมนุษย์มาเกิดในโลกนี้แล้วกลายพันธุ์ไป พัฒนาไปเป็นเทพหรือเสื่อมไปเป็นปีศาจ
เพราะมนุษย์เลือกที่จะทำและจะเป็นด้วยตัวเขาเอง
จักรวาลไม่ได้กำหนดความคิดและการกระทำได้ ถามว่าหากพวกเขากลายพันธุ์จะกลับบ้านเก่าได้ไหม?
คำตอบคือ “ไม่ได้” เมื่อพวกเขากลายพันธุ์แล้วก็ต้องไปอยู่กับพันธุ์ใหม่ในโลกธาตุใหม่
เช่น เมื่อสำเร็จโพธิสัตว์แล้วจะต้องไปอยู่พุทธเกษตร ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
๕ ทำอย่างไรกับโลกนี้ดี?
คำถามสุดท้ายที่ควรถามที่สุดคือ
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับโลกนี้ดีละ” คำตอบคือ เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าโลกนี้
มิใช่บ้านที่แท้จริง มิใช่ที่อยู่ถาวรที่จะอยู่ได้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อการชำระบาปของเราเท่านั้นสิ่งที่เราควรทำคือ
ยอมรับความจริง จากนั้นก็พร้อมที่จะรับวิบากกรรม ชำระสะสางตัวเองให้หมดสิ้นหนี้กรรมไป
เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากโลกนี้ ตื่นแจ้งจากการหลงโลกและสิ่งต่างๆ ในโลก วัตถุต่างๆ
ที่เราเคยหลงอยู่ บ้าน, รถ, เงิน, ทอง, ของใช้ราคาแพงๆ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้หากจิตของเรายึดติดพัวพัน
เมื่อเราละสังขารเราจะกลับคืนสู่บ้านที่แท้จริงไม่ได้ เพราะจิตเราไปยึดเอาของเหล่านี้
จิตของเราจะจุติไปเฝ้าทรัพย์ ไม่ก็ต้องตกนรกของโลกในที่สุด
คนจนไม่ได้เลวร้าย แต่หมายถึงพร้อมที่จะหลุดพ้นมากต่างหาก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น