โลกในระดับสากลจักรวาลเป็นไฉน?




ในอนันตจักรวาลมีโลกธาตุนับไม่ถ้วน ในบรรดาโลกธาตุเหล่านี้หลายโลกธาตุมีชีวะอาศัยอยู่ มีมนุษย์อาศัยอยู่ โลกธาตุของเราเรียกว่า “ตรีสหัสสโลกธาตุ” นั้นในระดับสากลจักรวาลเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ แล้วนั้น แตกต่างจากมาตรฐานสากลจักรวาลอย่างไร ในบทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายมาอธิบาย ดังต่อไปนี้
  
อายุของโลก
โลกของเรามีอายุไม่มากเมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่อุปมาได้กับเด็กวัยรุ่นยังไม่โตเต็มที่ หากเปรียบเทียบกับประเทศแล้ว ก็เหมือน “ประเทศกำลังพัฒนา” มันยังเจริญไม่ถึงที่สุด, เติบโตไม่ถึงที่สุด โลกธาตุอื่นๆ นั้นที่เจริญถึงที่สุดแล้วก็แตกดับไปก็มี ดังนั้น ความกลัวของผู้คนที่กลัวว่าโลกจะแตกดับ ย่อมไม่มีมูลความจริง ทว่า คำว่า “การชำระล้างโลก” นั้นมีอยู่จริง กลียุคนั้นมีอยู่จริง ภัยพิบัติเกิดได้จริง แต่มิใช่เกิดเพื่อทำลายล้างโลกให้ดับสูญไป ไม่ใช่ โลกยังอยู่ แต่สิ่งต่างๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาบนโลกจะไม่อยู่ เพราะถูกทำลายล้างนั่นเอง โลกนี้เจริญเหมือนวัยรุ่นที่กำลังลองผิดลองถูก เมื่อลองผิดแล้วก็ต้องชำระล้างตัวเอง

มนุษย์ในโลก
มนุษย์ในโลกนี้เมื่อเทียบกับโลกธาตุอื่นๆ แล้วนับว่า “ต่ำกว่ามาตรฐาน” มนุษย์ในโลกนี้อยู่ในระดับมิติที่ ๓ ในขณะที่มนุษย์ในโลกธาตุอื่นๆ จะอยู่ในระดับมิติที่ ๔ และ ๕ ขึ้นไปทั้งสิ้น มนุษย์ในโลกนี้จึมีวิวัฒนาการที่ต่ำ ไม่อาจสัมผัสมิติที่สูงๆ ได้ ไม่อาจรับรู้สิ่งที่อวัยวะปกติรับรู้ได้ พลังงานที่มองไม่เห็น มนุษย์โลกนี้ก็ไม่รู้ ไม่เห็นด้วย ในขณะที่มนุษย์ในมิติที่สูงกว่าสามารถรับรู้ในสิ่งที่ตาเปล่ามองไม่เห็นได้ มนุษย์โลกนี้จึยึดติดและหลงแต่สิ่งที่มองเห็นและสัมผัสจับต้องได้เท่านั้น พวกเขาหลงใหลแต่ “วัตถุ” ที่เรียกว่า “วัตถุนิยม” แต่กลับละเลยจิตใจและพลังงานที่มองไม่เห็น การพัฒนามนุษย์ในโลกนี้จึเป็นไปด้วยความยากลำบากครับ

สถานภาพของโลก
โลกธาตุต่างๆ มีสถานภาพในจักรวาลที่ไม่เหมือนกัน บางโลกธาตุมีสถานภาพเป็นเหมือนที่อยู่อาศัยที่แท้ได้ แต่บางโลกธาตุไม่อาจเป็น “บ้าน” ที่แท้จริงได้ เช่น โลกธาตุนี้ ดังนั้น มนุษย์ในโลกธาตุนี้มักได้รับคำสอนว่า “ให้กลับคืนสู่บ้านเดิมของเรา” กลับบ้านเก่าของเราเพราะอะไร? เพราะโลกธาตุนี้ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่จะเป็นบ้านที่แท้จริงของใครได้ โลกธาตุนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อ “การชำระบาป” เมื่อมนุษย์มีบาปกำเนิด จะถูกส่งมาที่โลกธาตุนี้เพื่อชำระบาปของพวกเขา เมื่อชำระสะสางหมดหนี้ หมดมลทินแล้ว ก็จะสามารถกลับคืนสู่บ้านเก่าของพวกเขาได้ ศาสนาต่างๆ จึถูกสร้างขึ้นเพื่อย้ำเตือนมนุษย์ ศาสดาองค์ต่างๆ ล้วนสอนให้ไม่หลงโลก
                                                                                                   
๔ เจตจำนงค์เสรี
เมื่อมนุษย์ถูกส่งมาเกิดยังโลกนี้นั้น เกิดคำถามว่า “หากพวกเขากลายพันธุ์เป็นอย่างอื่นจะได้ไหม?” เช่น ถ้ากลายพันธุ์เป็นปีศาจหรือเทพ จักรวาลก็ให้คำตอบว่า “มันคือเจตจำนงค์อิสระที่มนุษย์จะมีได้” หมายความว่ามันไม่มีอะไรผิดหรือถูก หากมนุษย์มาเกิดในโลกนี้แล้วกลายพันธุ์ไป พัฒนาไปเป็นเทพหรือเสื่อมไปเป็นปีศาจ เพราะมนุษย์เลือกที่จะทำและจะเป็นด้วยตัวเขาเอง จักรวาลไม่ได้กำหนดความคิดและการกระทำได้ ถามว่าหากพวกเขากลายพันธุ์จะกลับบ้านเก่าได้ไหม? คำตอบคือ “ไม่ได้” เมื่อพวกเขากลายพันธุ์แล้วก็ต้องไปอยู่กับพันธุ์ใหม่ในโลกธาตุใหม่ เช่น เมื่อสำเร็จโพธิสัตว์แล้วจะต้องไปอยู่พุทธเกษตร ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป

๕ ทำอย่างไรกับโลกนี้ดี?
คำถามสุดท้ายที่ควรถามที่สุดคือ “แล้วเราจะทำอย่างไรกับโลกนี้ดีละ” คำตอบคือ เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าโลกนี้ มิใช่บ้านที่แท้จริง มิใช่ที่อยู่ถาวรที่จะอยู่ได้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อการชำระบาปของเราเท่านั้นสิ่งที่เราควรทำคือ ยอมรับความจริง จากนั้นก็พร้อมที่จะรับวิบากกรรม ชำระสะสางตัวเองให้หมดสิ้นหนี้กรรมไป เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากโลกนี้ ตื่นแจ้งจากการหลงโลกและสิ่งต่างๆ ในโลก วัตถุต่างๆ ที่เราเคยหลงอยู่ บ้าน, รถ, เงิน, ทอง, ของใช้ราคาแพงๆ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้หากจิตของเรายึดติดพัวพัน เมื่อเราละสังขารเราจะกลับคืนสู่บ้านที่แท้จริงไม่ได้ เพราะจิตเราไปยึดเอาของเหล่านี้ จิตของเราจะจุติไปเฝ้าทรัพย์ ไม่ก็ต้องตกนรกของโลกในที่สุด

คนจนไม่ได้เลวร้าย แต่หมายถึงพร้อมที่จะหลุดพ้นมากต่างหาก

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?