โลกถูกสร้างดั่งแมททริกซ์อย่างไร?




ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวไว้แล้วว่าโลกของเราเป็นเหมือนแมททริกซ์เหมือนกรงขัง เป็นระบบที่สร้างไว้ให้มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดเพื่อวิวัฒนาการอยู่ภายใน ดังนั้น ศาสดาทั้งหลายล้วนสอนในสิ่งเดียวกันคือ “หลุดพ้น, ไม่หลงโลก” แต่หลุดพ้นแล้วจะไปที่ไหน? อย่างไรก็ต่างกันไป ดังจะอธิบายต่อไปนี้
  
๑ ทุกอย่างเป็นระบบ, ไม่มั่ว
สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเกิดขึ้นอย่างมีระบบ ไม่ใช่แบบสุ่ม ไม่ใช่แบบมั่วๆ ไม่ใช่โดยเหตุบังเอิญที่อยู่ๆ ก้อนหินตกลงมาเจอน้ำ กระทบกันไปมามีไฟ แล้วมาเป็นสิ่งมีชีวิต มันไม่ได้เกิดสุ่มๆ มั่วๆ แบบนั้น แต่มันมีระบบฮะ ไม่ว่าจะเป็นเซล, แบคทีเรีย, ต้นไม้, มนุษย์ ฯลฯ ทุกอย่างมีระบบ มีรูปแบบ และสามารถทำนายได้ ไม่ใช่มั่ว ไม่ใช่สุ่ม เซลต้องมีรูปแบบ แบบนี้ๆ ไม่ใช่แบบนี้ๆ ก็ไม่ใช่เซล เห็นไหม มันมีรูปแบบ มันไม่มั่ว ดังนั้น ถามว่าสิ่งที่มีระบบ ไม่มั่วนี้ มันจะเกิดเองได้ยังไง? ไม่ได้หรอก มันต้องมี “พระผู้สร้าง” ครับ โลกถูกสร้างให้มีระบบที่เรียกว่า “แมททริกซ์” ก็แล้วกัน ขอยืมสมมุติบัญญัติมาใช้เรียกแบบนี้ มันไม่ได้เกิดมาอย่างสุ่มๆ มั่วๆ ครับ

กลไกลและการขับเคลื่อน
ทุกระบบย่อมมีกลไกล และเมื่อมีกลไกลย่อมสามารถถูกขับเคลื่อนได้ เหมือนรถยนต์มันก็มีกลไกล มีกุญแจรถ, มีพวงมาลัย ฯลฯ ขับเคลื่อนได้ตามแบบของมัน ระบบแมททริกซ์ของโลกเองก็เช่นกัน หากเรารู้ว่าระบบมันเป็นอย่างไร และมีศักยภาพมากพอ เราก็จะขับเคลื่อนกลไกลมันได้ ทำให้เกิดน้ำท่วมก็ได้, น้ำแล้งก็ได้, ภูเขาไฟระเบิดก็ได้, พายุถล่มก็ได้ ฯลฯ ได้ทุกอย่าง แต่กลไกลนี้ซับซ้อนและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเพียงแค่นั้น หลายอย่างเป็นพลังงาน และพลังงานมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีผลต่อการขับเคลื่อนต่างกัน พลังงานเอ อาจขับเคลื่อนน้ำ แต่พลังงานบีอาจขับเคลื่อนไฟ ทั้งหมดขับเคลื่อนได้หากรู้ว่าอะไรขับเคลื่อนอะไร ยังไง?

ผู้เดินหมากและตัวหมาก
ระบบแมททริกซ์ของโลกประกอบด้วยผู้เล่นและผู้ถูกเล่นเหมือนการเดินหมาก มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในระบบแมททริกซ์คือ ตัวหมากที่ถูกเล่น ส่วนผู้เล่นนั้นมนุษย์ไม่อาจรู้ได้แต่มีอยู่จริง ศาสนาพราหมณ์เรียก “พระพรหม” และสอนว่าพระพรหมลิขิตชีวิตทุกคนแล้ว ศาสนาคริสต์เรียกว่า “พระเจ้า” และสอนว่าเราถูกพระเจ้าสร้าง ศาสนาพุทธเรียกว่า “กรรม” และสอนว่าเราเป็นไปตามกรรมที่เราสร้างเอง ฟังดูผิวเผินเหมือนขัดแย้งกัน จริงๆ แล้วไม่ได้ขัดแย้งกันเลย มันคือสัจธรรมความจริง หนึ่งเดียวกัน เพราะพระพรหมหรือแม้แต่พระเจ้าจะบันดาลให้เป็นไปตามกรรมที่เราทำไว้นั่นเอง พระพรหมเป็นเทพที่มาช่วยดูแลระบบกรรมนั่นเอง
                                                                                                   
๔ การดำรงอยู่ในแมททริกซ์
การดำรงอยู่ในแมททริกซ์คือสิ่งสำคัญที่เราทุกคนควรเรียนรู้และเข้าใจหาไม่แล้วเราจะกลายเป็นเพียงหมากที่ถูกจับเดินจนตายไป โดยที่เราไม่รู้อะไรเลย ไม่แม้แต่จะมีชีวิตของตัวเอง ทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำจริงๆ มีและได้ครองสิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณป่วยคุณก็ต้องการยารักษาโรค ถามว่ายาที่คุณต้องการคือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ไหมครับ? คำตอบคือ “ไม่จริง” เราไม่ได้ต้องการป่วยจริงๆ ดังนั้น เราไม่ได้ต้องการยาจริงๆ ที่เราต้องการยาเพราะเราถูกทำให้ป่วย เราไม่ได้อยากป่วย เก็จนะฮะ ดังนั้น ความต้องการยารักษาโรคย่อมไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริง คนในโลกทุกวันนี้มี “ความต้องการที่ไม่แท้จริง” อยู่มากมาย

๕ การหลุดพ้นจากแมททริกซ์
การหลุดพ้นจากแมททริกซ์ก็เป็นคำสอนที่พบได้ในทุกๆ ศาสนา เพียงแต่ศาสนาเหล่านั้นไม่ได้เรียกคำว่า “แมททริกซ์” ออกมาเท่านั้นเอง ศาสนาพุทธสอนให้หลุดพ้นโลก, ศาสนาพราหมณ์สอนให้ได้โมกษะ และศาสนาคริสต์สอนให้ได้รับ “ความรอด” ทั้งหมดคือสัจธรรมเดียวกัน พูดต่างศัพท์บัญญัติเท่านั้นเอง และมีที่ไปต่างกันในรายละเอียดบ้างก็เท่านั้น ทว่า ความหมายเหมือนกันคือหลุดพ้นจากแมททริกซ์นี่ละครับ เราจะหลุดพ้นจากแมททริกซ์ได้อย่างไร? เอาง่ายๆ มนุษย์เงินเดือนที่ทำงานซ้ำซากจำเจอย่างเบื่อหน่าย เขาจะหลุดพ้น มีอิสระจากระบบแมททริกซ์นั้นได้อย่างไร? นั่นคือ สิ่งที่ศาสนาต่างๆ สอนให้คุณทำให้ได้ไงละครับ

อย่าเป็นได้แค่ฟันเฟืองตัวหนึ่งของแมททริกซ์อีกต่อไปเลยครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?