เป็นเทวดารอพระพุทธเจ้าก่อนเถิด
ในบทความก่อนๆ
ได้กล่าวแล้วว่าพุทธทำนายให้ไว้ว่าพระพุทธเจ้าจะกลับมารวมธาตุอีกครั้งในวันสิ้นโลกหรือวันสิ้นอายุพุทธกาล
ท่านจะแสดงธรรมให้เทวดาฟังแล้วบรรลุมากมายแต่มนุษย์จะไม่ได้เห็น บทความนี้จะขอนำเรื่องราวทั้งหลายอันเกี่ยวกับ
“การรวมธาตุ” และการโปรดสัตว์ในยุคนั้นมาอธิบาย ดังต่อไปนี้
๑ ไม่ต้องใจร้อนเป็นอรหันต์
หลายคนใจร้อนรีบอุปโลกน์กันเอง
อวยกันเองเป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมาย ไม่ใช่นะครับ
ยังไม่ใช่วาระ ยังไม่ได้ มันคืออุปทานทั้งหมดครับ
เราจะบรรลุธรรมต่อสายธรรมได้จากการได้รับฟังธรรมะโดยตรงจากพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ไม่ใช่อ้างว่าอ่านตำราพุทธวจนะมาแล้วบอกว่าฟังมาจากพระโอษฐ์ นี่ก็ไม่ได้นะจ๊ะ
ฮ่าๆๆ เอาละ สรุปว่า ในวันสิ้นพุทธกาล
พุทธทำนายให้ไว้ว่าพระพุทธเจ้าจะกลับมารวมธาตุ แล้วแสดงธรรมโปรดเทวดาอีกครั้ง
เทวดาจะบรรลุธรรมมากมาย แต่มนุษย์จะไม่ได้เห็น เพราะเกิดในกลียุค มัวแต่ฆ่ากัน
กินเลือดเนื้อกันเองครับ ดังนั้น เราไม่ต้องรีบอรหันต์แบบอุปทานกันเองหรอก ใจเย็นรอก่อนฮะ
๒ วางแผนเป็นเทวดาก็พอ
ใครที่ปรารถนาจะบรรลุธรรม
ให้หลุดพ้นไปเกิดเป็นเทวดาให้ได้ก็พอ นี่ไม่ใช่ของง่ายนะ หลายคนชาตินี้ตายแล้วจะไปเป็นผีปู่โสมเฝ้าทรัพย์กัน
เฝ้าชาติเฝ้าแผ่นดินก็มีพวกที่หวงแหนชาติไล่คนอื่นออกไปนั่นไง เฝ้าพระศาสนา
พระธรรม ก็มีพวกที่ด่าว่าไล่คนอื่นเวลาสนทนาธรรม ทำยังกะว่าเป็นของๆ
ตนอย่างนั้นนั่นไง และผู้ที่เฝ้าสถาบันกษัตริย์ก็มี เฝ้าบ้าน
เฝ้าทรัพย์สมบัติตัวเองก็มี โอ้ย เยอะเหลือเกินชาตินี้ที่ไม่ได้หลุดพ้น
เพราะมีทรัพย์กันมาก หลงในวัตถุกันมาก ไม่ค่อยได้เป็นเทวดาหรอก อย่าไปหลงตัวเองว่าจะหลุดพ้นนิพพานเลย
แค่หลุดพ้นจากตรงนี้ให้ได้ก็ยากแล้ว ผู้ที่หลุดพ้นเป็นเทวดาได้ จะบรรลุธรรมโดยพระพุทธเจ้ามาโปรดครับ
๓ สละความหลงในทรัพย์ต่างๆ
ความหลงโลก,
หลงวัตถุ, หลงทรัพย์ต่างๆ ฯลฯ จะทำให้คนไม่หลุดพ้น หลายคนคิดว่ามีธรรมะเยอะ
เข้าใจธรรมะมาก พูดธรรมะได้เก่ง แถมยังทำบุญมากมาย คิดว่าจะหลุดพ้น
แต่ไม่หลุดพ้นก็มี แค่หลงในธรรมะที่ตนมี แค่นี้ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว กลายเป็นผีฤษี
เร่ร่อนไปตามภาคพื้นดินแล้ว ดังนั้น วัดธรรมกายเขาเลยให้คนทำบุญแบบ “ทุ่มสุดตัว
หมดตัวเลย” อีกด้านเขาก็อาจมีข้อเสีย มีผิดบ้าง แต่อีกด้านก็ถูกอยู่ อย่าไปเหมาว่าเขาผิดหมดละ
แยกแยะด้วย ฮ่าๆๆ เอาละ ไม่ได้ว่าเขาดีหรือไม่ดี ถูกหรือผิดนะ
แค่จะบอกว่าการสละให้ได้นั้น สำคัญมากๆ เพื่อให้ได้ไปเกิดยังสวรรค์ เขาสอนให้ไปสวรรค์
สอนให้ทำบุญเยอะๆ เพราะเหตุนี้ไงครับ
๔ ทำทานบารมีอย่างไรดี?
ข้อนี้สำคัญมาก
หลายคนคิดว่าตนเองทำบุญมากมาย ถูกต้องแล้ว ทว่า ไม่จริงครับ
หลายคนยังติดบุญอยู่เลย ติดความดีที่ตนทำ ไม่ไปไหนได้หรอก
ติดแหง่กอยู่ข้างล่างนี่แหละ การทำทานบารมีคือ เราจะมีกำลังจิต
ที่จะสละออกจากความหลงในทรัพย์สมบัติทุกๆ อย่างได้ ต่างจาก “การทำบุญเพื่อเอาบุญ”
ทำเพื่อเอา กับสละออก ไม่เอาอีกแล้ว มันไม่เหมือนกัน จริงไหม?
ผู้เขียนนั้นไม่เอาทรัพย์สมบัติใดแล้ว ไม่มีที่ดินของตน
ไม่มีบ้านของตนแต่อยู่กับพ่อแม่นะ ลูกเมียก็ไม่มี พร้อมที่จะไปบวชหรือละสังขารได้ทุกวันเลย
เพราะไม่รู้ว่าความตายจะมาเมื่อไร ดังนั้น ต้องพร้อมทุกวัน ทุกเวลา ไม่เอาแล้ว
ตำแหน่ง, อาชีพ, เงินเดือนอะไร ไม่มีละ
๕ ไม่มีอะไร
จะอยู่อย่างไร?
อยู่ได้ครับ
หากมี “ทานบารมี” คนที่มีทานบารมีนั้น แม้ไม่มีบุญ ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง
ก็จะได้รับการดูแล อุปถัมภ์จากคนอื่นๆ ด้วยอำนาจแห่งทานบารมีของตนนั้นเอง
เหมือนพระที่สละทางโลกหมดแล้ว เหลือแค่อัฐบริขารแปดอย่าง ก็อยู่รอดได้
พระสมณโคดมทำให้ดูเป็นตัวอย่างมาแล้ว
ผู้เขียนกล่าวเช่นนี้ไม่ได้จะบอกให้ทุกคนไม่เหลืออะไรเลย ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้
เหลือบางอย่างไว้ก็ได้ แต่อย่าลืมสติพร้อมที่จะสละออกนะ ใครที่หมดตัวก่อน
สละได้เร็วกว่า จะมีเวลาเหลือก่อนที่จะตายมากกว่า
เวลายิ่งเหลือมากยิ่งมีโอกาสในการปฏิบัติธรรมมาก คนแบบนี้ละโชคดีที่แท้จริง
แบบนี้ละ ความร่ำรวยที่แท้จริง ไม่ใช่มีแต่วัตถุนิยมจอมปลอม
เร่งมือ! เหลือเวลาอีกไม่มากนัก
โลกกำลังถูกชำระล้างแล้วครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น