เคล็ดลับในการเลื่อนระดับ

โดย



ในหลายๆ บทความได้กล่าวถึงเรื่องการเลื่อนระดับ (Ascension) มาบ้างแล้ว ทว่า หลายท่านอาจยังไม่มีความก้าวหน้าในการทางปฏิบัติจริง ในบทความนี้จะขอแนะนำเคล็ดลับที่สำคัญในการเลื่อนระดับ ซึ่งคุณสามารถนำไปใช้ได้ง่ายๆ เพราะผู้เขียนได้ทดลองมาด้วยตนเองแล้วว่าได้ผลจึงมาแนะนำต่อ ดังต่อไปนี้

๑ ยกระดับความต้องการของคุณ
ตามหลักความต้องการห้าขั้นของมาสโลว์ จะไล่ตั้งแต่ความต้องการพื้นฐานที่สัมผัสจับต้องได้ เช่น บ้าน, อาหาร ฯลฯ ไปจนถึงความต้องการขั้นสูงๆ เช่น ต้องการเป็นอิสระ, ต้องการความสงบสุข, ต้องการความเป็นส่วนตัว ฯลฯ หากคุณใช้เวลาในชีวิตยาวนานมากวนอยู่กับความต้องการขั้นพื้นฐาน ขั้นแรกเท่านั้น แต่คุณกลับไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองเลยว่ามันยังมีความต้องการขั้นสูงๆ ตามหลักของมาสโลว์อยู่ด้วย ดังที่ได้ยกตัวอย่างแล้วนั้น คุณก็จะเสียเวลากับชีวิตไปมากเกินกว่าที่ควรจะเป็น ตรงข้าม หากคุณเสียเวลาให้กับความต้องการขั้นพื้นฐานน้อยๆ คุณก็จะมีเวลามากมายในการทำให้ความต้องการขั้นสูงๆ สำเร็จผลได้จริง

๒ ใช้การสละเพื่อการเลื่อนระดับ
หากคุณพัวพันอยู่กับสิ่งเดิมๆ คุณจะไม่มีวันเลื่อนระดับขึ้นได้เลย ตรงข้าม หากคุณยอมสละสิ่งเหล่านั้นไป คุณยังอาจมีโอกาสได้ค้นพบ “สิ่งใหม่ๆ” และชายอยากบอกว่าสิ่งเดิมๆ ที่เราคิดว่าดีและอยากได้นั้น มันคือ มายาการมากๆ สังคมกำลังหลอกให้เราเป็นวัวในคอก เพื่อให้เราเป็นหนูปั่นจักร อยู่ในระบบโดยดี ด้วยการเอาสิ่งที่เราต้องการมาหลอกล่อเรา ป้อนให้เรา ทำให้เราอยากได้ เราก็จะวนติดอยู่กับระดับต่ำๆ นั่นไม่อาจทำให้คุณเลื่อนระดับได้แน่นอน คุณต้อง “เด็ดขาดและกล้าหาญ” พอที่จะสละมันออกไป มันเหมือนกับการลงทุนน่ะละครับ หากคุณไม่ยอมเสี่ยง ไม่ยอมเสียอะไรเลย แล้วคุณจะได้อะไรที่ดีกว่า ใหม่กว่ามาได้ยังไง?

๓ จบเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ให้เร็วที่สุด
หลายคนเสียเวลาในชีวิตไปมากทีเดียวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ยกตัวอย่างนะ นาย ก. รีบแต่งงานแล้วสร้างฐานะ เขาก็เลยมีเวลาเยอะในการหาเงินสร้างฐานะครอบครัวครับ แต่นาย ข. มัวแต่ไล่หารัก เป็นคาสโนว่าหาคนที่ดีกว่าไปเรื่อยๆ ไม่แต่งงานเสียที เขาก็เลยไม่เป็นโล้เป็นพายไม่อาจตั้งหลักปักฐานกับใครได้และเสียเวลาในการสร้างฐานะครอบครัวไปมากมาย ส่วนนาย ค. ไม่สนเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ออกบวชค้นหาสิ่งที่มีค่ามากกว่าจนได้มรรคผลที่ต้องการ เห็นไหม ยิ่งคุณเสียเวลากับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มากเท่าใด เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตของคุณ ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ตรงข้าม หากคุณมีเนกขัมบารมีมาก คุณจะเสียเวลาน้อย และทำอะไรได้อีกมากมาย

๔ เป็นอิสระจากการครอบงำของสังคม
ข้อนี้สำคัญมากๆ สำหรับการเลื่อนระดับครับ เพราะอะไร? เพราะตั้งแต่เราเกิดมา เราถูกสังคมหล่อหลอมและสอนเราให้เป็นอย่างนี้ๆ คิดอย่างนี้ๆ ทว่า ถามว่าสิ่งเหล่านี้มันคือสัจธรรมความจริงหรือ? ก็ไม่ใช่ จริงไหมครับ เราหรือสังคมยังไม่ใช่พระพุทธเจ้า ยังไม่ได้ตรัสรู้แจ้งเห็นจริงอะไรหรอก แต่เราเป็นเหยื่อของสังคมที่เกิดมาก็ต้องเชื่ออย่างที่เขาสอนและฝังหัวเรามาอย่างนั้น คนที่เกิดในตระกูลชาวนาที่ยากจน ก็จะถูกเหล่าคนยากจนสอนให้เป็นคนยากจนเหมือนเดิมเป็นเหมือนกัน เพราะไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าจะเป็นคนรวยได้ยังไง ดังนั้น การที่คุณมีอิสระจากการครอบงำของสังคม, บุคคล, สื่อได้ มันจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการยกระดับ

๕ เลือกจูนกับแหล่งพลังงานที่ยกระดับคุณได้
ข้อนี้สำคัญที่สุด สำหรับการเลื่อนระดับฮะ เพราะ “การจูนของพลังงานความถี่” จะส่งผลต่อชีวิตของคนเราได้มากมาย ถ้าคุณมั่วสุมอยู่กับคนที่มีพลังงานคลื่นความถี่ต่ำ คุณก็ยากที่จะเลื่อนระดับให้สูงได้ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะจูนกับคนที่มีคลื่นพลังความถี่สูง เขาก็จะช่วยเหนี่ยวนำให้ชีวิตของคุณดีขึ้นได้ นั่นเอง หลักการนี้ ง่ายๆ นะ แต่ทำได้ยาก เพราะอะไร? เพราะคนเรามักติดชินกับสิ่งแวดล้อมเดิมๆ สังคมเดิมๆ กลุ่มคนเดิมๆ จนยากที่จะเริ่มต้นในสังคมใหม่ ยากที่จะปรับตัวเข้ากับที่ใหม่ แต่หากคุณเด็ดขาดกับชีวิต คุณจะสามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ คุณต้องกล้าพอที่จะให้สังคมเดิมๆ เกลียดคุณ เพื่อที่จะโบยบินไปสู่สังคมใหม่ที่ดีกว่า

ทั้งห้าข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างของเคล็ดลับในการเลื่อนระดับครับ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

โดย
รูปภาพ
ในบทความที่แล้วได้อธิบายเรื่อง “ความผิดเพี้ยนในผู้ปฏิบัติธรรม” มาแล้วว่ามีตัวอย่างอย่างไรบ้าง ถามว่าแล้วจะแก้ไขอย่างไร? ก็พอมีทางครับ แต่ไม่ง่าย เพราะบางคนหลงทางไปไกล เตลิดเปิดเปิงจนเกินจะรั้งได้ทัน การแก้ไขควรแก้ไขเร็วๆ แต่เนิ่นๆ ให้สติแรงๆ (อาจต้องด่า ) ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบาย ดังต่อไปนี้ ๑ อยู่กับความเ ป็นจริง อย่าไปอยู่กับตำรา, ทฤษฎี, หลักการ ฯลฯ อะไรทั้งนั้น เลิกครับ กลับมาอยู่กับชีวิตจริงๆ ความเป็นจริงของเราให้ได้ คุณพอแยกออกนะ ระหว่างโลกแห่งความจริง กับโลกแห่งความฝัน, จิตนนาการ, หลักการ, ทฤษฎีหรืออุดมการณ์ต่างๆ มันคนละอย่างกัน คนเราถ้าอยู่บนโลกแห่งความจริงแล้วเรียนรู้จากตำรา ถือตำราคือเครื่องมือที่ใช้ในชีวิตจริง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หลายคนใช้ตำราไม่เป็น ถูกตำราใช้ เป็นทาสตำรา ก็จะมองว่าตำราคือความจริง ตรงนี้ละ คุณเริ่มหลุดจากโลกแห่งความจริงไปสู่โลกแห่งตำรา, อุดมการณ์ และทฤษฎีต่างๆ มีสติให้ไวๆ ครับ ก่อนที่จะ “หลุดลอย” ออกไปจากโลกแห่งความจริงมากเกินไป กลับมาตั้งฐานให้ได้ ๒ กลับมาตั้งฐานไวๆ มีสติไวๆ แล้วกลับมาที่ฐาน มีกี่ฐาน? มีสี่ฐานให้เลือกนะ ฐานกาย, ฐานเวทน...
อ่านเพิ่มเติม

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

โดย
รูปภาพ
หลายท่านชอบอ้างหลักการ, ทฤษฎี, หลักธรรมต่างๆ ทว่า การอ้างอิงหลักธรรมเหล่านี้มิได้แสดงว่าท่านมีปัญญาอันใดเลย ปัญญาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การแก้ปัญหาได้จริงที่เรียกว่า “ปฏิเวธ” ต่างหาก เฉกเช่น ท่านอิกคิวซัง นี่คือ ตัวอย่างของผู้ใช้ปัญญาที่แท้จริง ในบทความนี้ขออธิบายเรื่องการใช้ปัญญาที่แท้จริง ดังต่อไปนี้ ๑ เลิกพล่ามหลักธรรม ผู้มีปัญญาที่แท้จริงจะไม่พล่ามหลักธรรม แต่จะสามารถใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างแท้จริง ดังเช่น ท่านอิกคิวซัง ไม่เคยมีว่าท่านอิกคิวซังจะแสดงธรรมในเชิงปรัชญาว่าธรรมะคืออะไร อย่างนั้นอย่างนี้ ก็ไม่มี มีแต่ท่านอิกคิวซังใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตจริง นี่แหละคือผู้มีปัญญาที่แท้จริง อย่ามั่วพล่ามธรรมะอวดเบ่งแข่งกันไปวันๆ เลยครับ วนอยู่แต่ในหลักการ, หลักธรรมทั้งนั้น แต่ชีวิตจริงใช้การไม่ได้ ไม่มีปัญญาจะแก้ไขปัญหาให้ใคร ปัญหาสังคม ปัญหาของชาติบ้านเมืองก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร แบบนี้ใช้ไม่ได้ครับ เป็นได้แค่พวก “สิบแปดมงกุฎ” เอาธรรมะมาพล่ามหลอกผู้คน ทว่า ไม่มีปัญ ญ าจะช่วยอะไรใครได้จริงครับ            ...
อ่านเพิ่มเติม

วิชามารคืออะไร?

โดย
รูปภาพ
วิชามารคือวิชาที่ทำให้เราเหมือนสำเร็จธรรมจนดูไม่ออก แม้แต่พระอุปคุตก็เคยหลงไหว้พญามารมาแล้ว เพราะวิชามารนั้นทำให้ดูเหมือนสำเร็จธรรมจนดูไม่ออกนั่นเอง ทว่า วิชามารนั้นไม่ได้เจริญมรรคที่ถูกต้อง ทำให้ดูเหมือนแค่ผลหรือเปลือกนอกเท่านั้น ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้ ๑ การบำเพ็ญธรรมในกำมือ เช่น การบำเพ็ญจนได้วัชระเป็นเพชรในมือแต่จิตวิญญาณไม่เปลี่ยนแปลงหรือเป็นมารเลยก็มี มารหลายตนมี “ธรรมในกำมือ” เมื่อดูด้วยตาทิพย์จะเห็นเป็นอาวุธทิพย์ที่เป็นเพชร อาวุธเหล่านี้ทำให้เขามีธรรมเหมือนพระอรหันต์ครับ เมื่อใช้ออกหรือพูดคุยออกมาจะเหมือนมีธรรมเลย แต่ตัวตนเขาจริงๆ จิตใจของเขาจริงๆ นี้กลับมิใช่ผู้มีธรรม เคยเห็นคนที่พูดธรรมะเก่ง ใช้ธรรมะปราบคนนั้นคนนี้ได้ แต่จิตใจกลับไม่เหมือนผู้มีธรรมมั้ย? บางคนจิตใจเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น จิตวิญญาณมืดดำเป็นมาร แต่ถืออาวุธทิพย์ที่มีธรรมในมือก็มี เขาเหล่านี้จะหลงว่าตัวเองก็มีธรรม จริงครับ มีธรรมในกำมือจริงๆ แต่จิตใจของเขากลับไม่มีธรรมะเลย ๒ การทำบุญแล้วอธิษฐาน วิธีนี้ไม่ใช่การเจริญมรรคที่ถูกต้องตามปกติ แต่จะใช้วิธีทำบุญแล้วอธิษฐานเอา...
อ่านเพิ่มเติม