มนุษย์กำลังวิวัฒนาการครั้งใหญ่? (ตอนที่ ๑)
ในอดีตมามนุษย์มีเส้นกราฟของการวิวัฒนาการอย่างเชื่องช้า
แต่เมื่อไม่เกิน 100 ปีที่ผ่านมานี้เราพบว่ามีการวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดในหมู่มนุษย์
บางคนถึงกับเรียกปรากฎการณ์นี้ว่าการกลายพันธุ์อย่างเฉียบพลันแบบก้าวกระโดดก็มีครับ
(Shift of evolution) ในบทความนี้จะขออธิบาย
ดังต่อไปนี้
๑ มนุษย์ก็คือตัวกระจอก
ธรรมดาๆ
หลายคนดูหนังแล้วจะอินกับการจินตนาการเป็นพระเอกนางเอก
ทว่า ตัวละครเอกนั้นไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์ที่แท้จริง ส่วนใหญ่มักเป็น
“บุคคลในอุดมคติ” เช่น วีรบุรุษที่ดีงาม, จอมยุทธ์ทรงคุณธรรม ฯลฯ ซึ่งเขาเหล่านี้
ไม่ใช่ลักษณะของมนุษย์แต่เป็นลักษณะของ “เทพ” ครับ เพราะวรรณกรรมในโลกนี้
มีรากเหง้ามาจากการแต่งเรื่อง “สรรเสริญเทพ” เช่น รามายณะ แม้ว่าหลังๆ วรรณกรรมหลายชิ้นจะแต่งให้ตัวเอกนั้นมีลักษณะเหมือนคนธรรมดามากขึ้นก็ตาม
แต่ก็ยังมีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนเทพอยู่ ดังนั้น
เราจะเอาตัวเอกในละครมาใช้กับชีวิตจริงไม่ได้ เพราะมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริงก็คือ
“ตัวกระจอก” ในหนังนั่นเอง
๒ มนุษย์มีความห่วย
ไม่เอาไหน?
เมื่อเราชินกับวรรณกรรมสรรเสริญเทพ
เราจะคิดว่าเทพดูดีเพอร์เฟคมากๆ เมื่อเรามาเห็นมนุษย์จริงๆ มันจะต่างไปทันที
เพราะมนุษย์ไม่ใช่เทพไม่เทพอย่างนั้น มนุษย์อาจทำอะไรงี่เง่า, ตลก, ห่วยแตก,
ไม่เอาไหนก็ได้ ดังนั้น เราไม่อาจคาดหวังอะไรกับมนุษย์มากไปได้ คำว่า “ไพร่”
นี้มีความใกล้เคียงกับมนุษย์อยู่มากในด้านนี้ คือ ความธรรมดา ไม่เอาไหน
ไม่เทพเอาเสียเลย ส่วนคำว่า “ชนชั้นสูง” ก็ดี “ข้าราชการ” ก็ดี
จะมีลักษณะของเทพอยู่ คือ ทำงานได้ดี ไม่งี่เง่า ไม่ห่วยแตก เอางานเอาการ
รู้จักการทำงานอย่างดี ดังนี้ เราจะคาดหวังอะไรจากไพร่, ชนชั้นล่างหรือประชาชน
มากไปไม่ได้ แต่อย่างไรก็ดี มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ ที่สอนได้ครับ
๓ มนุษย์มีความเป็นชนชั้นสูงอยู่แล้ว?
มนุษย์คือสัตว์ประเสริฐ
เป็นสัตว์ชั้นสูง เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ล้วนมีความดีงามอยู่ในจิตสำนึกอยู่แล้วทุกคน
หากไม่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไป ก็จะไม่ทำตัวเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานแน่นอน ความเป็นสัตว์ชั้นสูงนี้สะท้อนออกมาให้เราเห็นใน
“ชนชั้นสูง” เช่น วรรณะพราหมณ์และกษัตริย์ เป็นต้น แต่มนุษย์ก็มิใช่เทพดังที่กล่าวมาแล้ว
หลายคนเข้าใจผิดว่าผู้บรรลุธรรมจะทำตัวเสื่อมต่ำเหมือนคนบ้า, คนอนาถา, คนเร่ร่อน
ฯลฯ อันนี้ ไม่จริงนะ ผู้บรรลุธรรมอาจอยู่อย่างสมถะ เรียบง่ายก็จริง
แต่ก็ยังมีความเป็นสัตว์ประเสริฐสัตว์ชั้นสูงอยู่ จะไม่ทำตัวเหมือนคนบ้า, คนอนาถา,
คนเร่ร่อน เพียงแต่บางคนอาจเข้าใจผิดเพราะท่านไม่ยึดติดเท่านั้นเอง
๔ บรรทัดฐานแห่งความเป็นมนุษย์
หลายคนสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
ทำให้มีลักษณะเหมือนเดรัจฉาน เหมือนพวกเหี้ย พวกกะเลวราด ก็มี ปัจจุบันเราพบคนเหล่านี้ได้ทั่วไป
การสูญเสียความเป็นมนุษย์ ความเสื่อมต่ำในสังคมมนุษย์เกิดขึ้นเต็มไปหมดอย่างเห็นได้ชัด
ท่านจะต้องไม่นำเอาคนที่สูญเสียความเป็นมนุษย์ไปแล้วเหล่านี้มาเป็นบรรทัดฐานในการวัดความเป็นคน
เพราะมันใช้ไม่ได้และการจะเอาคนที่ดีเกิน คนที่มีจิตใจสูงเป็นเทพมาเป็นมาตรฐานในการวัดความเป็นคน
ก็ไม่ถูกเช่นกัน ความเป็นมนุษย์นั้นมีบรรทัดฐานอยู่ตรงคนที่มีความเป็นมนุษย์
อาจไม่ดีเว่อร์ราวกับเทพ แต่ก็ต้องไม่เสื่อมต่ำจนเหมือนเดรัจฉาน และเราต้องไม่ใฝ่ต่ำนำพามนุษย์ลงสู่ที่เสื่อม
๕ คนที่มีจิตใจสูงเหนือกว่ามนุษย์
มีอยู่มากมายครับ ฝรั่งยังมีสิ่งที่เรียกว่า superman ultraman เลยใช่ไหมครับ ทว่า สิ่งนี้เกิดได้น้อยมาก
คนส่วนใหญ่ 90% จะเป็นได้แค่
“คนธรรมดา” แม้พวกเขาจะทำตัวให้แตกต่างจากคนปกติแค่ไหนเช่น ทำตัวยังกะพวกอินดี้,
พวกล้ำๆ แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่ “พวกร่านอยากจะเป็น” (Wanna be) เพราะจะมีเพียง
10% เท่านั้นที่จะไม่ใช่คนธรรมดา ใน 10% นี้มีแค่1% ที่จะเป็นพวก
“เหนือมนุษย์” เช่น มนุษย์เทพ (มนุสสเทโว) อีก 9% จะเป็นร่างปีศาจ,
มาร, ซาตาน, อสูรแทน ปัจจุบันเราพบว่าคนเริ่มกลายพันธุ์สูงขึ้นอย่างน่าตกใจฮะ
อาจมีเพียง 10% เท่านั้นที่ยังเป็นมนุษย์ปกติ แต่อีก 90% มีความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์
(ตรงข้ามกับอดีต)
ในบทความหน้าจะกล่าวถึงการวิวัฒนาการในตอนต่อไปครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น