เทวตานุสติเพื่อการเลื่อนระดับ
ในบทความก่อนๆ
ได้อธิบายถึงกายานุสติปัฏฐานที่แท้จริงไปแล้ว
ในบทความนี้อยากขอแนะนำการเจริญสติอีกแบบที่เรียกว่า “เทวตานุสติ”
เพื่อการเลื่อนระดับที่สูงขึ้นของจิตวิญญาณครับ
คือ การระลึกถึงเทพเทวดาเพื่อให้เกิดสติไม่หลงลืม
ไม่ยึดติดใดๆ ในโลก ซึ่งหาฝึกได้ยากและไม่ค่อยมีคนฝึกกัน ดังต่อไปนี้ครับ
๑ การเลื่อนระดับจิตขั้นเทพเทวดา
มนุษย์สามารถยกระดับจิตไปสู่ขั้นเทพเทวดาได้เรียกว่า
“มนุสสเทโว” เมื่อระดับจิตเราสูงขึ้น
เราย่อมเห็นสิ่งเดิมๆ เป็นของที่ไร้สาระ เหมือนคนที่เคยจนกินอาหารแบบจนๆ พอรวยมากๆ
เข้าก็เลือกกินอาหารแพงๆ ได้ ก็จะไม่สนใจอาหารแบบจนๆ อีก เป็นอุบายทำให้
“เบื่อหน่ายทางโลก” ของทางโลกได้ครับ เพราะเราจะเห็นของทางโลกเป็นของไร้ค่า
ไร้สาระ ไม่น่าหลงใหลอะไรเลย ดังนั้น เมื่อผู้อื่นหลงทางโลก
นิยมวัตถุอยากได้ในบ้านหลังใหญ่, รถหรูๆ, มือถือแพงๆ ฯลฯ
เรากลับมองเห็นสิ่งเหล่านี้ล้วนไร้สาระไปหมดเลย อันนี้ เกิดขึ้นได้หากเรามีระดับจิตวิญญาณที่สูงขึ้นระดับเทพเทวดา
แต่เราจะต้องอยู่แบบมนุษย์ต่อไปโดยเคารพสมมุติที่มี
๒ ทุกอย่างในโลกถูกสร้างขึ้นทั้งสิ้น
เทพเทวดาได้รับคำสั่งจากสวรรค์ให้ลงมาทำหน้าที่
“ภาคผู้สร้าง” เพื่อช่วยกันสร้างโลกให้พร้อมอยู่สำหรับผู้ที่จะลงมาเกิดยังโลก
ในสายตาของพระผู้สร้างแล้ว สิ่งต่างๆ ล้วนเป็นแค่ “ของประดิษฐ์” ชิ้นหนึ่ง
เหมือนของเล่นของท่านที่ท่านสร้างขึ้นมาหลอกเด็กให้ลงมาเล่นเท่านั้นเอง
ของประดิษฐ์เหล่านี้ไว้หลอกล่อเด็กได้ แต่ไม่ใช่สำหรับท่าน
ท่านมิได้หลงใหลมันเพราะท่านสร้างมันเองกับมือ
เหมือนสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยงไว้ในกรง สัตว์นั้นคิดว่ากรงคือบ้านและหวงแหนมัน
แต่เรากลับไม่ได้อยากอยู่ในกรงเช่นสัตว์นั้น ของประดิษฐ์เหล่านี้มิใช่ธรรมะ
ธรรมชาติอันแท้จริง
เหมือนหมอศัลยกรรมที่ทำหน้าคนให้สวยหล่อเขาย่อมรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง
๓ ทุกอย่างในโลกล้วนเทียบไม่ได้กับสวรรค์
อันนี้เป็นอีกวิธีในการทำให้ได้สติ ตื่นโพล่ง
โล่งหลุดออกมาจากการหลงสิ่งใดๆ ทางโลก คือ การเทียบของทางโลกกับของในสวรรค์ ของในโลกเรานี้ก็ทำเลียนแบบมาจากของบนสวรรค์ครับ
เช่น มือถือ ก็มีของทิพย์บางอย่างเป็นต้นแบบ แต่ของทิพย์นั้นดีกว่า สะดวกกว่า
เหนือชั้นกว่าของทางโลกมาก หรือแม้แต่คนที่เราเห็นว่างาม ว่าหล่อสวยทั้งหลาย
เทียบไม่ได้กับเทพเทวดา นางฟ้าบนสวรรค์ ที่สำคัญคือ คนในโลกที่เห็นว่าสวยหล่อ
ก็มีศัลยกรรมกันมากมายครับ สิ่งเหล่านี้แสดงถึงสมมุติมายาการ
ความไม่จริงแท้ ช่วยให้เราหลุดจากความลุ่มหลงทางโลกได้ เพราะของในสวรรค์เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ
แต่ของประดิษฐ์มันไม่ใช่ธรรมชาติ
๔ ลองคิดว่าเราเป็นเทพลงมาใช้กรรมบนโลก
การเจริญสติให้คลายความลุ่มหลงโลกอีกวิธีคือ
การลองจินตนาการว่าเราเป็นเทพบนสวรรค์ แต่ถูกลงโทษให้ลงมาเกิดยังโลก เป็นมนุษย์
ต้องรับทุกข์ ต้องชำระบาป ต้องอยู่กับอะไรที่ไม่ดีงามแท้จริงมีแต่ของหลอกๆ
แม้แต่ความรัก ก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างได้ กล่าวคือ เทพสร้างความรัก
ทำให้มนุษย์รักกันเพื่อให้ทั้งคู่ชำระกรรมที่มีต่อกันเท่านั้นเอง
มนุษย์ทั้งคู่แค่ถูกพลังของเทพครอบงำให้ลุ่มหลงกัน หาใช่ความรักที่แท้จริงไม่
มนุษย์นั้นก็หลงคิดว่าเขารักกันเหลือเกิน
แต่พวกเขาอาจไม่เห็นอดีตชาติที่พวกเขาอาจเคยเกลียดกันมา เคยฆ่ากันมา
กลับต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันเป็นผัวเมียกันบ้าง, พ่อ-ลูกกัน
ก็มี มนุษย์ทั้งหลายจึงถูกหลอกด้วยประการฉะนี้
๕ ใช้ความปรารถนาในสวรรค์ทำให้ไม่หลงโลก
อุบายนี้พระสมณโคดมเคยใช้กับภิกษุรูปหนึ่ง
ที่มีราคะ ชอบนางฟ้า พระองค์ก็พาไปดูแล้วกล่าวว่าถ้าท่านบรรลุธรรมท่านจะให้นางฟ้าแก่ภิกษุนั้น
ภิกษุนั้นก็ไม่เอาอะไรอีกแล้วในโลก เร่งความเพียรเพื่อให้ได้นางฟ้า
จนเมื่อใกล้จะได้บรรลุธรรมก็คิดได้ว่านี่เราเพียรมาทั้งหมดเพียงเพื่อจะเอานางฟ้าหรอกหรือนี่?
ช่างน่าอายแท้ เมื่อปลงตกได้ ไม่คิดต้องการแล้ว ก็สำเร็จธรรมในที่สุด
เราทั้งหลายสามารถใช้อุบายนี้ได้เช่นกันนะครับ เช่น การเห็นรูปที่งดงาม สวยหล่อ
ของดาราทั้งหลาย เราเอามาดูเพื่อปลงในชีวิตของเราที่หาคนดูดีแบบนั้น ไม่ได้
แล้วให้เราระลึกถึงเทพเทวดา,
นางฟ้าแทนว่าดีกว่าคนทางโลกมากมายจนกว่าจะปลงได้ในที่สุดครับ
นี่คือตัวอย่างของเทวตานุสติเพื่อการเลื่อนระดับที่สูงขึ้นครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น