วิถีแห่งสุขาวดี
หลายท่านคิดว่าการได้สวรรค์สุขาวดีเป็นเรื่องง่ายๆ
แค่ท่องนามพระอามิตภะเท่านั้น จริงๆ แล้วไม่ง่ายเลยครับ
การท่องนามหรือทำสิ่งอื่นใด เป็นแค่เสริมความปรารถนาว่าเราต้องการที่นั่น
แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะได้สมความปรารถนาไปที่นั่น ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องวิถีแห่งสุขาวดีทำอย่างไรให้ได้สุขาวดี
ดังต่อไปนี้
๑ การไปด้วยกรรม
สวรรค์แต่ละชั้นใช้บุญบารมีไม่เท่ากัน
คนส่วนใหญ่ทำบุญมากมายได้แค่สวรรค์ชั้นที่สองครับ จะเอาสวรรค์ชั้นที่หกที่สูงกว่าก็ไม่ได้
จะเอาพรหมโลกที่สูงไปอีกก็ไม่ไหว ทว่า สุขาวดีนี่ต้องบุญบารมีเยอะกว่าอีกหลายเท่า
ดังนั้น บุญแค่สร้างวัด, ปล่อยนกปล่อยวัวควาย ไม่พอเลย สุขาวดีนี่
เขาเอาไว้ให้คนที่ทำบุญเยอะแล้วล้นเกินแล้ว เหลือแค่กรรมต้องทำกรรมเพื่อปรับให้บุญกรรมสมดุลกันเท่านั้นครับ
ใครที่บุญยังไม่ล้น ยังต้องทำให้ล้นก่อน อันนี้เรื่องจริงนะ
แต่ละท่านที่ได้สุขาวดีนี่ทำบุญล้นกันมาทั้งนั้น มิใช่บุญกระจอกแบบจ่ายเงินซื้อได้
จ่ายเงินทำบุญได้แบบนั้นคนก็ใช้เงินซื้อสวรรค์ จองวิมานกันยังกะจองบ้านเลยสิครับ
ไม่ใช่ครับ 555
๒ การยอมรับกรรม
ผู้ที่จะไปสุขาวดีได้ทุกคนจะต้อง
“กล้ารับกรรมแทนปวงสัตว์” เช่นกล้าที่จะทำสงครามแล้วรับกรรมนั้นไว้เอง
เพื่อชาติบ้านเมือง คนที่คิดแต่จะเอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่คนอื่น
ไม่มีทางได้สุขาวดีเลย เขาจะได้อย่างมากก็แค่เป็นมารบนสวรรค์ชั้นหกเท่านั้นละ
ทุกคนที่จะได้สุขาวดีนั้นมักต้องผ่าน “การอวตาร” ก่อน อวตารเพื่อทำกิจ ทำกรรม
แล้วเสื่อมกลายเป็นปีศาจบ้างอะไรบ้าง เพราะอะไร เพราะอย่างนี้ครับ
สวรรค์ในโลกของเราจะทำสิ่งที่ตรงไปตรงมาตามกรรม ถ้ามนุษย์ต้องได้รับภัยพิบัติ
สวรรค์ก็ต้องทำตามนั้นตรงไปตรงมา แต่คนที่สละตนเพื่อช่วยปวงสัตว์ได้
จนตนเองต้องรับกรรมเข้าตัวเอง คนแบบนี้แหละที่มีจิตใจสูงมากพอที่จะได้สุขาวดี
๓ การยอมสละสวรรค์
คนที่ติดสวรรค์จะไม่ได้สุขาวดี
เขาจะต้องกล้าสละสวรรค์วิมานทุกอย่าง ยอมอยู่อย่างไม่มีสวรรค์แล้วลงมาทำกิจบนโลกอย่างเต็มตัวครับ
คนที่ไม่กล้าลงจากสวรรค์ ไม่กล้าแปดเปื้อนต่อให้ได้สุขาวดี ก็จะได้ไม่นาน
เมื่อหมดบุญก็ต้องจุติจากสุขาวดีอยู่ดี ดังนั้น อาศัยแค่ผลบุญมันไม่พอ
อยู่ได้ไม่นานบุญก็หมดแล้วครับ แต่ต้องอาศัย “กำลังจิต” หรือจิตใจที่ใช่จริงๆ จิตใจของชาวสุขาวดีนั้นสูงส่งมากเกินกว่าชาวสวรรค์ทั้งหลายจะมีได้
เช่น การที่ท่านไม่สนใจสวรรค์อะไรทั้งนั้น ปฏิบัติจนได้นิพพานแล้ว
พร้อมจะนิพพานแล้ว แต่ท่านกลับยอมทำกรรมอีกเพื่อปวงสัตว์ ยอมสละนิพพานได้
แบบนี้ท่านก็มีจิตสูงได้สุขาวดี เพราะไม่ยึดติดในสวรรค์
๔ การไปต่อด้วยกรรม
หมดกรรมแล้วก็มีแต่จะนิพพาน
ท่านที่สุขาวดี ล้วนสละนิพพาน เพื่อที่จะทำกิจโปรดสัตว์ รับใช้พระพุทธเจ้า
แต่จะไปต่อได้ ไม่นิพพานได้ต้องอาศัยการทำกรรมอย่างเดียว
เพราะบุญมีมากจนล้นแล้วนั่นเอง ทำบุญอีกไม่ได้ ถ้าทำบุญมากไปอีกจะไม่มีใครเอื้อมเราได้
พ่อแม่ที่จะเป็นพ่อแม่เรา ต้องมีบุญมากพอ ถ้าเราทำบุญมากเกินไป ท่านทำตามเราไม่ไหว
ก็ไม่อาจเป็นพ่อแม่เราได้ ดังนั้น ต้องหยุดทำบุญไว้ เพื่อให้คนอื่นทำบุญตามเราทัน
แล้วเราก็มาทำกรรมอย่างเดียว ทว่า การทำกรรมของเราเป็นไปเพื่อโปรดสัตว์ บางครั้ง
ก็อวตารเป็นปีศาจร้าย มาทำลาย ฆ่าสัตว์ก่อน เมื่อฆ่าแล้วจะเกิดกรรมผูกมัดกับสัตว์
จากนั้นค่อยช่วยฉุดเขาได้ครับ
๕ อย่าคิดแค่ชาติเดียว
ใครจะเอาสุขาวดีคิดแค่ชาติเดียวไม่ได้
คิดว่าชาตินี้ได้แน่นอน ชาติเดียวเลย ไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะการทำกิจบนโลกนี้
มันชาติเดียวไม่พอ ไม่จบ มนุษย์มีอายุขัยเท่าไร? กิจบางอย่างไม่จบง่ายๆ แค่ร้อยปี
พันปีนะ บางทีทำกันเป็นหมื่นปี
เทพบางองค์ทำหน้าที่เป็นหมื่นปีกว่าจะหมดภารกิจแล้วไปเกิดใหม่ได้ ดังนี้
อย่าคิดจะกลับสุขาวดีทันทีแบบลงมาเกิดแล้วชาติเดียวกลับเลย ไม่ได้
เขาไม่ให้ทำแบบนั้น เขาจะให้เราอวตารเป็นปีศาจร้ายหรืออสูรก่อนเลย
เพื่อให้เราลงมาทำกรรม มีกรรมผูกมัดกับสัตว์ เพราะสัตว์พวกนั้นมีบุญน้อย
เรายิ่งทำบุญ เขายิ่งเอื้อมไม่ถึงเรา
พอเราหยุดทำบุญ แล้วทำกรรม ฆ่าเขาเลย นี่ละกรรมผูกมัด ก็ฉุดช่วยกันได้
หากไม่มีบุญกรรมสัมพันธ์กันเลย
แล้วจะฉุดช่วยกันได้ยังไง?
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น