ปฏิบัติธรรมผิดควรทำอย่างไร?
การปฏิบัติธรรมนั้น “มิใช่ว่าทุกคนจะสำเร็จ”
หลายคนที่สำเร็จล้วนเคยผิดพลาดมาทั้งนั้น เช่น หลวงพ่อสด ก็ดี, หลวงปู่มั่นก็ดี
เคยผ่านความหลง ความผิดเพี้ยน เช่น สัญญาวิปลาสมาแล้ว หลายคนปฏิบัติธรรมเอง ไม่รู้ตัวว่าผิดเพี้ยนและแก้ไขก็ไม่เป็น
ในบทความนี้จะขอนำเรื่องปฏิบัติธรรมผิดควรแก้อย่างไร ดังต่อไปนี้
๑ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนความคิด
หลายคนคิดว่าแค่แก้ไขความคิดเปลี่ยนเป็นคิดใหม่ก็ได้แล้ว
มันไม่ง่ายอย่างนั้นครับ กับเรื่องอื่นอาจง่าย แต่เรื่องการปฏิบัติธรรมนั้นมีอะไรมากกว่านั้น
ธรรมะก็เหมือนวิชาอาคม เมื่อปฏิบัติผิดเพี้ยนก็เข้าตัวแล้วทำให้ “มีปัญหาจากภายใน”
ไม่ใช่แค่เรื่องสมองคิด ดังนั้น “อย่าเล่นกับไฟ”
อย่าประมาทในธรรมเพราะคนที่เพี้ยนที่บ้าเพราะปฏิบัติธรรมผิด มีมาเยอะนักต่อนักแล้ว
แรกๆ คุณอาจยังดูดี เก่งกล้า ด่าคนนั้น เถียงคนนี้ได้อยู่
นี่อาจเพราะปีศาจยังไม่ออกจากร่างคุณ เมื่อใดที่คุณหมดบุญ ปีศาจหาร่างใหม่ได้แล้ว
มันจะละทิ้งคุณให้อยู่กับวิบากกรรมมากมาย จุดนี้ละ บางรายต้องกลายเป็นบ้า
บางรายต้องป่วยนอนซม ใครก็ช่วยไม่ได้แล้ว
๒ อย่าทำเป็นเล่นๆ
“ไปเล่นที่อื่นไป”
รู้จักกาลเทศะบ้าง ถ้าอยากเล่นนักมีอะไรให้เล่นเยอะแยะ
เกมคอมพิวเตอร์อะไรต่อมิอะไรมีให้เล่นเยอะแยะ “แต่อย่ามาริอาจเล่นกับธรรมะ”
ธรรมะเป็นของสูง แต่หลายคนชอบทำเป็นเล่นๆ เพื่อจะให้คนอื่นเห็นว่าตนสูงส่ง
ก็เลยไม่เคารพในธรรม ทำให้ธรรมะดูเป็นของเล่นๆ ผู้เขียนขอเตือนไว้เลย
บางสิ่งคุณเล่นๆ กับมันได้ “แต่ไม่ใช่ทุกสิ่ง” ครูบาอาจารย์มีอยู่
ตำราบางเล่มคุณอ่านโดยไม่ผ่านวิธีของครู เป็นบ้าได้ ธรรมะนี่มีครู
มีเทพธรรมบาลดูแลอยู่ทุกบททุกตัวอักษรนะ เขาอาจไม่ได้ทำร้ายคุณ
คุณก็หลงตัวเองไม่รู้ตัวว่าภัยกำลังมา เขาอาจจะเอาคุณเป็น “ตัวตายตัวแทน”
ให้ไปเป็นผีเฝ้าตำราธรรมแทนเขาอยู่ก็ได้ครับ
๓ ไม่ใช่เรื่องเอาชนะกัน
ต่อให้คุณเถียงธรรมะชนะคนทั้งโลกก็ไม่แน่ว่าคุณอาจจะหลงอยู่ก็ได้
สัจธรรมความจริงมันไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณเถียงชนะหรือเปล่า? คนอื่นเขาอาจเบื่อหน่ายคุณไม่อยากเถียงกับคุณแล้ว
เขาก็ไป คุณก็หลงตัวเองใหญ่ว่าคุณชนะเท่านั้นละ
คนเราไม่อาจบรรลุธรรมได้ด้วยการเอาชนะใคร
มันไม่เกี่ยวกับใครด้วยซ้ำใครจะเหนือจะต่ำกว่าเรา
ไม่มีผลต่อการปฏิบัติธรรมของเราเลย อย่าไปหลงกับตำราที่เห็นพระสมณโคดมเถียงใครก็ชนะ
ในความจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น หลายคนที่ไม่ยอมแพ้
พระสมณโคดมโปรดแล้วเถียงไม่จบมี แต่เขาไม่ได้เอามาเขียนไว้ในตำราเท่านั้นเอง
ชีวิตจริงไม่เหมือนในตำราครับ อ่านตำราก็ต้องกลับมาอยู่กับความจริง
๔ ผิดไม่รู้หยุด เตลิดไกล
คนเราถ้ารู้ว่าผิด
มีสติแล้วหยุดได้ มันจะไม่เตลิดไปไกล แต่คนเราทุกวันนี้ “ไม่มีใครยั้งใครได้”
ทุกคนเหมือนม้าป่าที่บ้าอยากเอาชนะ
วิ่งตะลุยแข่งกันไปข้างหน้าว่าใครจะเหนือกว่าใคร สุดท้าย
เตลิดหลงทางหมดโดยไม่รู้ตัว ยิ่งวิ่งเก่งยิ่งหลงไกล ยิ่งไม่ยอมหยุดยิ่งเตลิดไปใหญ่
นี่คือ สิ่งที่เกิดแล้วในปัจจุบัน คนจำนวนมากไม่มีใครคอยเตือนสติให้หยุด
หลายคนดื้อรั้นดันทุรังไปตามทางของตัวเอง “โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกหรือผิด”
แล้วก็คิดไปเองว่ามันใช่ มันถูก ไม่มีครูบาอาจารย์คอยดูแล คอยเตือน คอยสอนด้วยซ้ำ
หลวงพ่อสดกล่าวไว้ว่า “หยุดคือตัวสำเร็จ” นี่ละคือ “สติ” ของแท้ เมื่อมีสติรู้ตัว
เราจะรู้ว่าเราผิดแล้ว เราก็จะหยุด แต่หลายคนไม่มี
๕ การล้างพิษธรรมะ
คนที่ปฏิบัติธรรมผิดเพี้ยนนี้จะมี
“พิษธรรมะ” สะสมในตัว
นานวันเข้าจะกลายเป็นคนดื้นรั้นมีทิฐิแรงกล้าจนใครก็ช่วยไม่ได้อีกแล้ว
ดังที่บอกแล้วว่าการปฏิบัติธรรมผิดไม่ใช่แค่เรื่องความคิดแต่มีอะไรที่ร้ายกาจกว่านั้น
คุณจะรอดได้คุณต้อง “ล้างบาง” ตัวเองให้เป็น “สุญตา” นี่แหละ
ที่เขาสอนเรื่องมหาสุญตากัน เพราะเขาจะช่วยล้างพิษธรรมะให้คนที่ปฏิบัติผิดๆ
เมื่อล้างหมดแล้วเป็นศูนย์แล้ว ก็จะกลับมาปกติได้อีกครั้ง
คำว่าปกตินี่ไม่ใช่แปลว่าบรรลุธรรมอะไรนะ
อย่าไปหลงว่าสุญตาคือการบรรลุธรรมหรือนิพพานอะไร เป็นแค่การล้างพิษธรรมะเท่านั้นเองเป็นศูนย์ยังไม่ได้เริ่มก้าวแรกเลย
เซนเลยว่า “หลังปฏิบัติธรรมเห็นภูเขาเป็นภูเขา” ครับ
สุดท้าย คนที่ล้างพิษธรรมะให้คุณได้
ก็หาได้ยากยิ่งนักครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น