จิตวิญญาณต่างกัน ตายต่างกันอย่างไร?



จิตวิญญาณในร่างนั้นส่งผลต่อรูปแบบการตายได้ต่างกัน สามารถทำนายและสังเกตุได้แม้ว่าจะไม่เสมอไปทั้งหมดทุกกรณี แต่สามารถพิจารณาดูความเป็นไปได้ส่วนใหญ่ได้ นอกจากนี้ ผู้มีธรรมมักตายอย่างสงบไม่ค่อยทรมาน นี่คืออานิสงค์การของการปฏิบัติธรรม ในบทความนี้ขออธิบายเรื่องรูปแบบการตาย  ดังต่อไปนี้

การตายแบบมนุษย์ธรรมดา
มนุษย์ธรรมดาจะตายอย่างมนุษย์ธรรมดา ถามว่า ตายแบบมนุษย์ธรรมดาคืออย่างไร? ก็คือ ป่วยตาย ตามธรรมชาติที่ว่า เกิด, แก่, เจ็บ, ตาย นั่นละ และจะป่วยไม่นาน คนที่ป่วยนานผิดปกติ ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดานะ บางคนอาจเป็นร่างของปอบได้ ข้อนี้หลายคนทราบดี แต่จะเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่อง คนที่ป่วยนานๆ แต่ไม่ตายนี่ผิดปกติมนุษย์แล้ว ถามว่าทำไมไม่ตาย? เพราะผีมันไม่ยอมออกจากร่าง มันก็ไม่ตายเสียที ผีมันมีฤทธิ์ ไม่ตายง่ายๆ แต่ร่างสังขารนั้นต้องตายแล้ว กลับไม่ตาย เห็นไหม มันดูได้ว่าการตายแบบผิดปกติมนุษย์นี้มีอยู่จริง เห็นได้จริง สังเกตุได้ไม่ยาก แต่ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่ามนุษย์ปกติตายอย่างไร? คือ ตายง่ายๆ ไงครับ
                                                                                                                    
๒ การตายแบบสัตว์ชั้นต่ำ
คนที่มีจิตวิญญาณเสื่อมต่ำกว่ามนุษย์ เมื่อต้องตายจะตายอย่าง “สัตว์ชั้นต่ำ” สัตว์ชั้นต่ำในอบายภูมิสี่ตายอย่างอนาถและทรมานกว่ามนุษย์ เช่น ปลาถูกงับกินทั้งตัว, กวางถูกเสือกัด กระชากใส้ออกมากิน เห็นไหม มันมีรูปแบบตามธรรมชาติอยู่ ดูได้ สังเกตุได้ นี่คือ การตายของพวกชั้นต่ำ สัตว์ในอบายภูมิสี่ คนเราเช่นกัน เมื่อจิตวิญญาณข้างในเสื่อมต่ำลง เป็นสัตว์ชั้นต่ำในอบายภูมิสี่แล้วเวลาตายจะตายทรมานกว่ามนุษย์ปกติ เช่น จิตวิญญาณเปรตจะตายอย่างหิวโหย กินอะไรไม่ได้ แม้กินได้ก็แค่สายน้ำเกลือ, จิตวิญญาณสัตว์นรกก็ตายอย่างทรมานราวกับถูกนายนิรบาลทรมานในนรก, จิตวิญญาณอสุรกายก็ตายโหงหรือตายอย่างทารุณ 

๓ การตายแบบเทพ
เทพมักตายโหงครับ เพราะอะไร? เพราะมีฤทธิ์มาก จะต้องตายแรงๆ ไม่เช่นนั้นไม่ตาย เหมือนการทุบหินให้แตกก็ต้องทุบแรงๆ เมื่อตายแรงๆ ตายโหงแล้วก็จะมีฤทธิ์มาก เช่น เป็นทหารพลีชีพเพื่อชาติ ตายโหงในการต่อสู้แล้วก็ไปเกิดเป็นเทพ เทพจะไม่ตายแบบมนุษย์ปกติและเทพจะตายในแบบของเทพเช่น เทพไฟมักตายด้วยไฟ, เทพน้ำมักตายด้วยน้ำ, เทพที่มีกระบี่มักตายด้วยคมกระบี่, เทพที่มีพลังมากตายด้วยพลังกระแทก ฯลฯ เป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าคนที่ตายโหงทุกคนเป็นเทพนะครับ ดังที่กล่าวแล้วว่าพวกอสูรก็ตายโหงเหมือนกันที่ต่างกันคือ “จิตขณะตาย” เทพจะตายด้วยจิตที่เป็นกุศล เช่น ผู้พลีชีพ แต่อสูรอาจตายเพราะรถชนข้างถนน

การตายของผู้มีฤทธิ์มาก
ผู้มีฤทธิ์มากจะตายทรมานมากกว่าคนทั่วไป เพราะกว่าจิตวิญญาณจะแตกดับตายได้นั้นฤทธิ์จะต้องสลายก่อน กว่าฤทธิ์จะสลายได้นั้นจะต้องถูกกระทำอย่างแรง เหมือนหินที่แข็งมาก ก็ต้องถูกทุบแรงมากๆ ดังเช่น การตายของพระโมคคัลลานะ ผู้มีฤทธิ์มาก ก็ถูกรุมทุบจนร่างกายแหลกเหลวตาย ผู้มีฤทธิ์มากมีหลายแบบ เช่น เทพก็มีฤทธิ์มาก, อสูรก็มีฤทธิ์มาก ตายโหงเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงการตาย เทพตายด้วยการสละตน แต่อสูรมักตายแบบไร้ค่า เช่น แว๊นซ์รถตายข้างถนน ก็กลายเป็นอสูรร้าย เป็นผีเฝ้าถนนไป คนที่มีฤทธิ์แบบไหนก็มักตายแบบนั้นครับ เช่น มีฤทธิ์เป็นไฟมักตายด้วยไฟ, มีฤทธิ์เป็นน้ำมักตายด้วยน้ำ เช่น พวกพรายน้ำ

การตายอย่างผู้มีธรรมสูง
คือการตายอย่างสงบ มักพบในผู้มีจิตวิญญาณระดับสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีฌานจะตายแบบสงบ ผู้มีจิตเป็นพระพรหมจะตายอย่างสงบเป็นส่วนใหญ่ นี่คืออานิสงค์ของการเจริญฌาน ของการทำสมาธิ การยกระดับจิตวิญญาณของตนเอง คนเรานั้นมีทุกข์มีสุข เกิดๆ ดับๆ ไม่เที่ยงเป็นธรรมดา แต่ที่สุดของชีวิตแล้วก็ไม่พ้นความตาย การตายนั้นเป็นความเจ็บปวดและทุกข์ที่สุดของชีวิตก็ว่าได้ ดังนั้น คนที่ได้ตายอย่างสงบย่อมดีกว่าคนที่ตายอย่างทรมานแน่นอน การปฏิบัติธรรมนั้นเห็นผลจริงชาติปัจจุบัน ไม่ใช่ต้องรอชาติหน้า และส่งผลให้เราตายอย่างสงบได้ ไม่ต้องทรมานมาก เหมือนพระลามะทิเบตมากมายก็นั่งสมาธิตายกันครับ

ปฏิบัติให้ได้ผลจริงก็ได้ผลเอง อย่าเอาแต่เถียงกันอยู่เลยครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?