อวตารแห่งพระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์ไม่จำเป็นต้องเกิดเป็นกษัตริย์หรือเศรษฐี
อาจเกิดเป็นยาจกก็ได้ และส่วนใหญ่พระโพธิสัตว์จะอวตารเป็นคนชั้นล่าง ถามว่าทำไม?
เพื่อเอาบุญมาช่วยคนชั้นล่างไงครับ เมื่ออวตารเป็นยาจกแล้วท่านจะไม่เหมือนยาจกธรรมดาทั่วไป
ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่อง “อวตารแห่งพระโพธิสัตว์” ดังต่อไปนี้ครับ
๑ อวตารไม่จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญ?
ดังที่กล่าวแล้วว่าพระโพธิสัตว์ไม่จำเป็นกษัตริย์หรือเศรษฐี
การอวตารนี้ก็เพื่อลงมาเรียนรู้และเข้าใจในสัตว์นั้นๆ เช่น
เมื่ออยากโปรดคนยากจนก็มาเกิดเป็นคนยากจน
บุญบารมีไม่จำเป็นต้องเบิกออกมาหมดและถ้าใครจน ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีบุญบารมีครับ
ส่วนใหญ่พระโพธิสัตว์มักนิยมเกิดมาเป็นคนจนในยุคหลังๆ ถ้าอยู่ในยุคระบอบกษัตริย์กำลังรุ่งเรือง
ท่านอาจมาเกิดในตระกูลกษัตริย์เพราะทำกิจได้สะดวกกว่าแต่ยุคหลังนี้
เป็นคนธรรมดาก็ทำกิจได้เหมือนกัน แถมได้บารมีมากกว่าด้วยครับ
เพราะทำด้วยจิตอาสาไม่ได้ทำเพราะเป็นกษัตริย์หรือเพราะมีชาติตระกูล
การเกิดมาเป็นคนไม่สำคัญ ทำให้สร้างบารมีได้มากกว่าคนสำคัญครับ
๒ แม้สำเร็จธรรมก็มีหัวโขนที่แตกต่าง
ไม่จำเป็นว่าบรรลุธรรมแล้วต้องอยู่ในรูปพระ
สวมหัวโขนเป็นพระเสมอไป พระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่มักเลือกใช้หัวโขนที่ไม่ใช่พระ
เพราะทำหน้าที่ได้มากกว่า เป็นฆราวาสทำกิจ บำเพ็ญบารมีได้มากกว่า ดังนั้น
ก็อวตารอยู่ในรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันได้เช่น อวตารเป็นคนป่วย, อวตารเป็นคนยากไร้,
อวตารเป็นคนพิการ, อวตารเป็นบัณฑิต ฯลฯ
แล้วแต่จะเลือกหัวโขนหรือตัวตนสมมุติในการสร้างบารมีครับ และแม้จะบวชเป็นพระ
ก็มีบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันได้ พระอรหันต์บางรูปเหมือนคนบ้า,
บางรูปเหมือนคนดุร้าย, บางรูปเหมือนคนเศร้าก็มี
สิ่งเหล่านี้เป็นแค่รูปลักษณ์ตัวตนสมมุติเปลือกนอก
ไม่อาจจะบอกได้ว่าใครสำเร็จธรรมอะไรครับ
๓ การอวตารเป็นคนรวยเพื่ออะไร?
พระโพธิสัตว์ที่อวตารเป็นคนรวยหรือเศรษฐีก็เพื่อ
“ใช้เงินในการสร้างบารมี” ครับ เช่น เพื่ออุปถัมภ์ศาสนา เหมือนนางวิสาขา ดังนั้น
หากคุณมีเงินมากแล้วก็จงคิดดูว่าทำไมคุณต้องเกิดมามีเงินเยอะ?
หน้าที่ของคุณคืออะไร? เหมือนนางวิสาขาไหม? และคุณควรอุปถัมภ์ใคร?
และคุณได้ทำหน้าที่ของคุณดีหรือยัง?
เพราะมีหลายคนมัวแต่หลงเพลินกับเงินและความร่ำรวย มัวแต่เพลินกับการเสพสุขและบริโภคนิยม
ดาราจีนเขาจะไม่ทำแบบนั้น
หลายคนอยู่แบบสมถะแล้วเอาเงินไปใช้สร้างโรงเรียนให้เด็กยากไร้ก็มีครับ
หลายคนเมื่อยามมีเงิน ไม่ได้ใช้เงินทำหน้าที่ของตน เมื่อหมดเงินแล้ว
จนแล้วกลับมาคิดได้ก็สายไป อุปถัมภ์ใครไม่ได้อีกแล้ว
๔ การอวตารเป็นยักษ์มาร, ปีศาจ
พระโพธิสัตว์สามารถอวตารเป็นยักษ์มารหรือปีศาจก็ได้
เพื่อเรียนรู้วิสัยของสัตว์
เพื่อให้มีบารมีมากพอที่จะโปรดเหล่ายักษ์มารหรือปีศาจนั้น
พระโพธิสัตว์จะโปรดควายก็ต้องเกิดเป็นควาย จะโปรดปีศาจก็ต้องเกิดเป็นปีศาจครับ
ดังนั้น อย่าคิดว่าพระโพธิสัตว์จะต้องเป็น “คนดี” อยู่เสมอ
บางชาติก็เกิดมาเป็นปีศาจและทำลายล้างมนุษย์ตายมากมายก็มี ทว่า
“ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลของมันเอง” เช่น ท่านอาจไม่มีบุญกรรมกับสัตว์เหล่านั้น
การทำกรรมต่อสัตว์เหล่านั้นเพื่อผูกกรรมร่วมกันไว้ก่อน เพราะจะทำบุญก็ล้น
จนสัตว์ตามไม่ทัน เหตุนี้ ในอดีตมักมีสงครามบ่อยๆ
และพระโพธิสัตว์มักเกิดมาเป็นกษัตริย์ นำคนออกไปรบตายไงครับ
๕ ทำไมผู้คนมักลุ่มหลงปีศาจชั้นต่ำ
เช่น
กราบไหว้ตอไม้, จอมปลวก ฯลฯ เพราะพวกเขา “เอื้อมไม่ถึง”
พระโพธิสัตว์ที่มีบุญบารมีสูงๆ เขาอาจมาจากภพภูมิชั้นต่ำและมีบุญเอื้อมถึงได้แค่ผีสางชั้นล่างเท่านั้นเอง
และคนส่วนใหญ่ที่มาเกิดก็อาจเป็นคนที่มาจากภพภูมิชั้นล่างๆ ดังนั้น
พวกเขาเลยลุ่มหลงปีศาจชั้นต่ำ ดังคำกล่าวว่า “คนดีบ่ดัง ดังบ่ดี” คนสมัยนี้
ยิ่งทำตัวเสื่อมต่ำกลับยิ่งดัง คนมากมายมารุมชอบ เช่น พวกโชว์อวัยวะ,
ของลับออกทางสื่อ มักมีแฟนคลับเยอะ ในขณะที่คนที่โพสธรรมะดีๆ จะไม่ค่อยมีคนสนใจ
ดังนั้น การอวตารลงมาในโลกมักต้องเวียนว่ายอยู่หลายชาติ
ไม่อาจลงมาชาติเดียวแล้วกลับได้ ต้องอวตารเป็นอะไรที่ไม่สูงก่อน
ค่อยหลุดพ้นในชาติหลังๆ
ชาตินี้ถือเป็นชาติแรกๆ ของการอวตาร
จะยังไม่ได้กลับกันครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น