เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมคืออะไร?




หลายท่านปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสไม่ได้บวชพระและทำงานตามปกติ แล้วอาจเข้าใจไปเองว่าตนเองมีธรรมแล้วก็ได้ ในบทความนี้จะขออธิบายให้ชัดเจนตรงกันว่าอย่างไรที่เรียกว่า “เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม” เพื่อให้ชัดเจนไม่หลงทาง เพราะธรรมส่วนนี้แตกต่างจากพระครับ ดังจะอธิบายในบทความต่อไปนี้

ความร่ำรวยทั้งทางโลกและทางธรรม
ดังเช่น พระ ที่ค่ำไหนนอนนั่น ธุดงค์ไปได้เรื่อยๆ แสดงว่า “ร่ำรวยที่อยู่อาศัย” ไม่มีจำกัด ไม่คับแคบแค่ในบ้านที่ตนถือครอง จริงไหมครับ เช่นกัน ความร่ำรวยทั้งทางโลกและทางธรรม มิใช่ความร่ำรวยในทางโลก ในแบบเดิมๆ ที่เราเข้าใจ หลายคนเข้าใจผิด ปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสแล้วคิดเอาเองว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ใช่แล้ว เพราะอนุมานเอาจาก “ความคิดความเข้าใจ” เหมือนนั่งเรียนในห้องแล้วเข้าใจธรรมะ ก็คิดว่าเรามาถูกทางแล้ว ยังไม่ใช่นะครับ แบบนั้นยังไม่ออกมาจากทางโลกเลยด้วยซ้ำ ยังหลงติดอยู่ในทางโลกอยู่เลย เอาใหม่ ความร่ำรวยในทางโลกและทางธรรมนั้น แม้ไม่ถือครองแต่ก็สามารถที่จะใช้สิ่งนั้นๆ ได้นั่นเองครับ

ความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม
หลายคนคิดว่าเรามีผลงานมาก ทำอะไรได้มากมายคือความสำเร็จ นั่นคือความเข้าใจทางโลกครับ ในทางธรรมนั้น ยิ่งคุณทำกรรมสำเร็จมากเท่าใด คุณยิ่งห่างไกลความสำเร็จทางธรรมมากเท่านั้น คนที่ทำกรรมไม่สำเร็จ ไม่มีผลงานทางโลก กลับใกล้ทางธรรมมากกว่า สวนทางกันเลยนะครับ เข้าใจไหมว่าทางโลกกับทางธรรม “มันสวนทางกัน” ใครหลงทางโลกก็จะห่างไกลทางธรรม ใครไม่ได้เรื่องทางโลกก็ใกล้ทางธรรมเข้ามาละ ความสำเร็จในทางโลกและทางธรรมนั้น มิใช่เราทำกรรมอะไรได้มาก แต่เป็นการกระทำน้อยได้ผลมาก หรือกระทำโดยไม่กระทำเลย เช่น การสร้างสรรค์งานศิลปะ ให้แรงบันดาลใจคนอื่นไปทำ แต่เราไม่ทำเอง

๓ ความเด่นดังทั้งทางโลกและทางธรรม
ความมีชื่อเสียง เด่นดัง กลายเป็นสิ่งที่คนปัจจุบัน “กระหายอยากได้มาก” หลายคนต้องเปิดเฟสแต่เช้าเพื่อจะลงรูปตัวเอง เพื่อให้คนมากดไลค์ตัวเองมากๆ และพฤติกรรมเหล่านี้ “กลายเป็นนิสัยที่แก้ไม่ได้” เสียแล้ว หากไม่ทำ เหมือนจะลงแดงตายก็มี บางคนแก้ผ้าโชว์เรียกคะแนนไลค์ กลายเป็นเน็ตไอดอลอะไรไป ก็ไม่รู้ นี่คือ “ชื่อเสียงในทางโลก” นะ ไม่ใช่ทางธรรม ความเด่นดังทั้งทางโลกและทางธรรมที่แท้จริงนั้นไม่ใช่แบบนี้ ในทางโลกนั้นเขาอาจไม่มีใครรู้จักเลยก็ได้ แต่ในทางธรรมนั้น เทพเทวดารู้กันหมดเลย อันนี้คือ ทางธรรมนะ ทีนี้ ทางโลกนั้น แม้เขาไม่มีชื่อเสียงไม่มีใครรู้จัก แต่การกระทำของเขาจะมีผลต่อคนมากมายอย่างอัศจรรย์

๔ ตำแหน่ง-อำนาจทั้งทางโลกและทางธรรม
ตำแหน่งและอำนาจเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากได้ใช่ไหมครับ เช่น ตำแหน่งนายกตอนนี้กำลังแย่งชิงกันใหญ่เลย ตำแหน่งและอำนาจในทางโลกนั้น ก็อย่างที่พวกท่านเข้าใจกันน่ะละ แล้วตำแหน่งและอำนาจในทางธรรมละ มีไหม? มีครับ อธิบายง่ายๆ คือ เหมือนสัตว์ในป่า ไม่มีใครแต่งตั้งมันเป็นจ่าฝูง แต่การกระทำของมันคือ สิ่งที่บริวารจะต้องทำตามเช่น นกจ่าฝูงบินไปทางไหน บริวารนกก็ต้องบินตามไปทางนั้น นี่เป็นธรรมชาติเองเลย ถามว่าแบบนี้คนเรามีไหม? มีครับ แม้ไม่มีตำแหน่งทางโลกใดๆ แต่คนที่มีตำแหน่งและอำนาจในทางธรรมก็สามารถทำได้ราวกับว่ามีตำแหน่งและอำนาจในทางโลกจริงๆ อย่างนั้นหละ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะ!

๕ บริวารทั้งทางโลกและทางธรรม
คนสมัยนี้อยากได้ “แฟนคลับ” ให้คนมาไลค์ มารัก มาชอบเยอะๆ จริงไหมครับ บางคนเร่ออกหาบริวารราวกับเป็นศาสดาเลยก็มี ในทางโลกคนที่มีบริวารมาก ทุกคนคงเข้าใจไม่ต้องอธิบาย แต่ในทางธรรมเหมือนกันไหม ตอบได้ว่า “ไม่เหมือนกันแน่นอน” บอกแล้วว่าทางโลกกับทางธรรมมักจะสวนทางกัน คนที่อยู่สูงและมีบริวารดีๆ นั้น จะเหมือนอยู่ตัวคนเดียว วิเวกสันโดษครับ เพราะอะไร? เพราะคนในโลกนั้น จิตใจไม่สูง คนที่พวกเขาเอื้อมถึงได้ก็ต้องไม่สูงเกินไปด้วย ส่วนคนที่เจริญทางธรรม เขาไปสูงแล้ว คนทางโลกจะเอื้อมก็ไม่ถึงครับ ดังนั้น เขาเลยกลายเป็นคนที่วิเวกสันโดษไป แต่เขาจะไม่เหงาเลย เหมือนมีเพื่อนที่มองไม่เห็นไงครับ

อย่ามัวแต่เจริญทางโลก จนทางธรรมเสื่อมถอยต่อไปอีกเลยครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?