ธรรมะเกินอินทรีย์เป็นไฉน?



“อินทรีย์ห้า” กับระดับของธรรมะต้องพอดีกัน หากใจร้อนเอาธรรมะสูงเกินไป จะเกิดปัญหาตามมาได้มาก เช่น เข้าใจผิด, ปฏิบัติผิดจนเกิดพิษภัย หลายท่านไม่รู้ตัวเองว่ากำลังอยู่ในภาวะ “ธรรมะเกินอินทรีย์” อยู่ มันคืออะไร? ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องสภาวะของธรรมะเกินอินทรีย์ให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้

พยายามมีธรรมะสูงเกินไป
เกินกว่าอินทรีย์ห้าของตนเองจะรับได้ ผลคือ บางท่านสูญเสียจิตวิญญาณ, บางท่านปฏิบัติผิดเพี้ยน ฯลฯ ผลร้ายแรงตามมามากมายครับ ทว่า หลายท่านปฏิบัติไม่ถึงขั้นนี้จะไม่เข้าใจว่าเมื่อพยายามมีธรรมะเกินอินทรีย์แล้วผลจะเป็นอย่างไร? ภายนอกจะดูคนๆ นั้นเหมือนมีธรรมะสูงมาก แต่ชีวิตกลับแย่ลงก็มี บ้างก็มีผลกระทบต่อร่างกายหรือจิตใจได้ เช่น อารมณ์ผิดไปจากปกติ, ร่างกายมีโรคภัยผิดปกติ ฯลฯ บางคนผมขาวโพลนไปเลยก็มี (พอบอกแบบนี้บางคนรีบไปย้อมผมทันทีเลยก็มีนะ ฮ่าๆๆ) เหมือนเราเล่นกีฬาเกินกว่ากำลังที่เรามีน่ะละ เราอาจไม่รู้ตัว แต่เมื่อตรวจเช็คร่างกายแล้วกลับพบว่ามีผลเสียหายมากมายต่อตัวเอง

๒ รับธรรมะมากหรือสูงเกินไ
การรับธรรมะมากหรือสูงเกินไปกว่าอินทรีย์จะรองรับได้ แม้จะไม่ได้พยายามจะมีธรรมะสูงอย่างนั้น ก็ส่งผลกระทบด้านลบได้เช่นกัน เช่น ทำให้เกิดอารมณ์ผิดปกติ, เกิดอคติ, เกิดการต่อต้านรุนแรงต่อแหล่งธรรมนั้น ฯลฯ ไม่เข้าใจใช่ไหมครับ? ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. มีศรัทธาอินทรีย์อ่อนด้อยแล้วไปได้ยินพระอรหันต์เล่าว่าท่านถอดกายทิพย์ไปเฝ้าพระอินทร์มานะ ผลคือนาย ก. จะต่อต้านหรือทำตัวเป็นปรปักษ์ทันทีแต่จะทำแบบเนียนๆ สมัยนี้คนเราชอบทำอะไรกันเนียนๆ นะ ทำผิดแบบเนียนๆ พอเห็นภาพไหมครับ? ดังนั้น หากเราเกิดความคิดต่อต้าน, เป็นปรปักษ์ ต่อแหล่งธรรมใดแล้ว ให้มีสติไวๆ แล้วเลิกอ่าน เลิกฟังเสีย มันเกินตัวเราครับ

๓ พยายามปฏิบัติธรรมสูงเกินตัว
เช่น พยายามปฏิบัติในอศุพภกรรมฐาน อันสูงเกินอินทรีย์ของตนจะทำได้ ผลคือ อาจมีทิฐิวิปลาสเห็นของเน่าเป็นของดีไป ไม่ใช่นะครับ ของเน่าก็คือของเน่า, ของไม่เน่าก็คือของไม่เน่า ทิฐิที่ไม่วิปลาสนั้นจะเห็นตรง คำว่า “มีความเห็นตรง” ก็มาจาก “สัมมาทิฐิ” นี่ละ คือ เห็นตรงธรรม ตรงตามความเป็นจริง ไม่วิปลาสเป็นอื่นไป หลายคนเริ่มเกิด “ทิฐิวิปลาส” มีความคิดเห็นวิปลาสคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงกันเยอะมากๆ โดยเฉพาะพวกที่ “อยากเอาชนะ” คนอื่น เถียงกันไปมา อยากเหนือเขา อยากเอาชนะเขา ก็หลุดออกไปจากความเป็นปกติกลายเป็น “ความวิปลาส” ไป เคยเจอไหม? เถียงกันไปมากๆ ถามเรื่องง่ายๆ ตอบเพี้ยนได้

ทราบได้อย่างไรว่าพอดีอินทรีย์?
คนทั่วไปไม่มีทางทราบได้ นอกจากจะมีสมันตรจักษุเป็นทิพยจักษุญาณชนิดหนึ่งที่มีเฉพาะพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมากและพระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนี้ อย่าไปคาดหวังว่าเราจะทราบได้เลยว่าอินทรีย์เราแข็งอ่อนแค่ไหน? แต่แม้เราไม่ทราบ เราก็ยังพอมีทางระวังตัวของเราได้ เช่น อ่านธรรมะแต่พอดีไม่มากเกินไป อ่านแล้วปฏิบัติให้ได้ก่อน สำเร็จแล้วค่อยอ่านของใหม่ เป็นต้น หรือการมีครูสอนสมาธิเก่งๆ บางท่านก็พอจะเตือนสติเราได้บ้าง แม้ว่าจะไม่มีสมันตรจักษุ คนเราก็คนเหมือนกันแต่คนเราไม่เหมือนกันครับ ในรายละเอียดนั้นแตกต่างกันมากมาย ทั้งอินทรีย์ห้าก็แข็งอ่อนต่างกัน รับธรรมะได้ต่างกัน คนทั่วไปจึจะไปประกาศสัจธรรมมั่วไม่ได้

๕ สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?
สถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่ต่างจากทางโลกที่ “ผู้ป่วยใช้ยาพร่ำเพรื่อ” ในทางธรรมคนที่เข้ามาเรียนรู้ก็ใช้ธรรมอย่าง “เกินพอดีกับอินทรีย์” ด้วยเช่นกัน ท่านควรทราบว่า “ธรรมะไม่ใช่สัจธรรม” ธรรมะเหมือนนิ้วที่ชี้ดวงจันทร์แต่มันไม่ใช่ดวงจันทร์ ธรรมะเหมือนอุบาย เหมือนยารักษาโรค เมื่อท่านรับเข้าไปมากเกิน ท่านไม่ได้รับสัจธรรมเข้าไปหรอก ท่านรับนิ้วที่ชี้ดวงจันทร์ มันไม่ใช่ดวงจันทร์ เมื่อท่านรับมากเกิน ท่านจะเกิดปัญหาตามมามากมาย ดังนั้น “เจียมตัวไว้ก่อน” ย่อมดีแน่ อย่าไปคิดว่าเขาทำได้ เราต้องทำได้อย่างเขา คิดแบบนี้ดูเหมือนจะถูก แต่ยังไม่ใช่ ของที่มนุษย์ธรรมดาทั่วไปทำได้ เราควรทำได้ แต่ของที่เกินกว่านั้น มันไม่ใช่ครับ

หลายท่านกำลังอยู่ในสภาวะ “ธรรมะเกินอินทรีย์” กันอยู่นะครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?