สอบเอ็นทรานซ์ขึ้นสวรรค์คืออะไร?




ผู้ที่จะหลุดพ้นและมีสวรรค์รับรองให้นั้นจะต้อง “ผ่านการทดสอบ” ก่อน แต่ละที่จะมีแบบทดสอบต่างกันนะ การอ่านธรรมะเอง แล้วคิดไปเองว่าเรารู้แล้ว เข้าใจแล้วนั้น “ใช้ไม่ได้” คุณจะต้องผ่านการทดสอบก่อนครับ นั่นจึจะรับรองสภาวธรรมของคุณได้ว่า “มีที่ไปที่แน่นอนชัดเจนไม่หลง” ดังจะอธิบายในบทความต่อไปนี้

การสอบเข้าสวรรค์คืออะไร?
ก็เหมือนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยบนโลกน่ะละครับต่างกันตรงที่ “ไม่ได้วัดกันที่ความรู้” แต่วัดกันที่ “จิตใจ” ครับ ดังนั้น ผู้เขียนจะบอกเสมอว่าอย่าหลงคิดว่ารู้มากรู้เยอะแล้วจะหลุดพ้นได้ คิดแบบนั้นยังหลงอยู่ทางโลก ติดชินอยู่กับการสอบทางโลกอยู่ เพราะการสอบเข้าสวรรค์นี้ เขาไม่ได้วัดที่ความรู้แต่วัดกันที่จิตใจครับ ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวไว้เสมอว่า “นิพพานไม่ใช่ความว่างเปล่า ตายแล้วไม่สูญ” อย่าหลงคิดไปเองว่านิพพานคือหายสูญ ตายแล้วหายไปเฉยๆ คุณทำกรรมเท่าไรบ้างละแต่ละวัน? แล้วอยู่ๆ จะหายต๋อมไป ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรได้เลยหรือ? ไม่ใช่ครับ ทุกคนต้องมีที่ไป มีที่รับรองสภาวธรรมของคุณเรียกว่าสวรรค์

๒ สอนให้ยึดติดสวรรค์หรือเปล่า?
ในบทความก่อนๆ ผู้เขียนได้กล่าวแล้วว่า “ให้อยู่เหมือนน้ำกลิ้งบนใบบัว” ไม่ใช่การหลงสวรรค์ หรือปฏิเสธสวรรค์ หลายคนคิดว่าการไม่เอาอะไรเลยแม้แต่สวรรค์ แสดงว่าตนมีธรรมสูงกว่าคนอื่น ก็เอาไปโม้อวดกันว่าตนไม่เอาสวรรค์แล้ว สวรรค์อะไรก็ไม่เอา นี่คือพวก “บัวไม่มีใบ” นะ อ่านแล้วพิจารณาให้ดีๆ ดอกบัวจะบานได้ต้องมีใบก่อน คนเราจะไปสู่จุดที่ปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว “ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับสมมุติให้ได้” ก่อนครับ ดังนั้น คุณต้องเข้าใจธรรมใบบัวหรือการอยู่อย่างน้ำกลิ้งบนใบบัวให้ได้ก่อน การดำรงอยู่ในสวรรค์แบบน้ำกลิ้งบนใบบัวนั้นจะมีได้ในอรหันต์ แต่ถ้าคุณยังไม่ถึงขั้นนั้นก็ต้องไม่ต่อต้าน ยอมรับสวรรค์ก่อนครับ

๓ อย่าคิดว่าคุณไม่ต้องมีสวรรค์?
แล้วคุณละเป็นใคร? อรหันต์แล้วเหรอ? พุทธะแล้วเหรอ? คิดเอาเองกันทั้งนั้น หลงตัวเองเป็นตุเป็นตะไปเองทั้งนั้น ไม่มีครูบาอาจารย์คอยมาดุ มาสั่งสอน พวกคุณก็หลงตัวเอง เตลิดเปิดเปิงกันไปใหญ่ ตื่นได้แล้วครับ แล้วยอมรับความจริงว่า “คุณมันก็แค่ฝุ่นผงในจักรวาล” คุณทำอะไรได้บ้างละ? กะอีแค่จะเอาบ้านหลังโตก็ทำไม่ได้ จะปลดหนี้ให้หมดยังไม่ได้ จะเถียงกับลูกค้าหรือเจ้านาย คุณยังไม่กล้าทำเลย คุณทำอะไรไม่ได้อีกเยอะแยะ อย่าอีโก้ลำพองโตนักเลยครับ รักตัวเอง ยอมรับตัวเองว่าเรามันตัวจ้อย เหมือนปลาตัวน้อย แล้วรักตัวเอง “เอาตัวเองให้รอด” ดีกว่า โลกนี้มีอะไรลี้ลับซับซ้อนและน่ากลัวมากกว่าที่คุณคิดอยู่เยอะมากครับ

พระอนาคามียังมีสวรรค์รองรับเลย
พระอนาคามีนั้นท่านจะมีสวรรค์รองรับแล้วจะได้อรหันตผลบนสวรรค์นั้นเราเองไม่ต้องเอาให้ได้อรหันต์ก็ได้ ให้ได้แค่อนาคามีก็พอ แล้วไปสวรรค์จากนั้นก็ได้อรหันตผลที่นั่นได้ครับ ถามว่าทำไมไม่ต้องอรหันต์? เพราะเมื่อฆราวาสได้อรหันตผลแล้วจะ “ทรงขันธ์ได้ยาก” ใครไม่เคยได้ อย่ามาพูดครับ ใครเคยได้แล้วจะรู้เองเลย ว่าทรงขันธ์ยากมันเป็นอย่างไร? ทำไมพระพุทธเจ้าบอกว่าให้บวชพระภายในเจ็ดวัน ไม่เช่นนั้นจะละสังขาร คุณไม่เคยอย่ามาพูด พูดแล้วมีกรรมแก่ตัว ธรรมสูงเกินตัวอย่ามาพูด พูดให้มันได้อะไร? มีแต่กรรมเข้าตัวก็เท่านั้น เอาละ สำหรับฆราวาสทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมนะ ผู้เขียนแนะนำว่าอนาคามี ก็พอ ทรงขันธ์ง่ายกว่า

๕ ฆราวาสผู้ทรงธรรมกับสวรรค์
ดังที่กล่าวแล้วว่าเหตุใดเราควรเอาแค่อนาคามีในฐานะฆราวาสผู้ทรงธรรม และเมื่อได้อนาคามีคุณก็ต้องมีสวรรค์รองรับ จริงไหมครับ? เก็จนะ ดังนั้น อย่าไปใจร้อน อยากมีธรรมสูงเหนือใครเขาอยากอวดตัวว่าธรรมสูงส่งเหนือใคร ไร้สาระครับ เอาตัวเองให้รอดดีกว่า อย่าเสียเวลากับตรงนั้น คุณเป็นฆราวาส บวชพระไม่ได้ ก็ให้ได้อนาคามีก็พอแล้วจากนั้นค่อยได้อรหันต์บนสวรรค์ ดังนั้น “สวรรค์ย่อมมีความสำคัญต่อคุณแน่นอน” อย่ามาพูดอวดเบ่งแข่งกันว่า “ฉันไม่เอาสวรรค์ ไม่ยึดติดแม้แต่สวรรค์” มันเป็นแค่การโม้ครับ ใครๆ ก็โม้ได้ แต่โม้แล้วเป็นพิษภัยแก่ตัวเท่านั้นแหละ อยู่กับความเป็นจริงดีกว่า อย่าอยากมีธรรมสูงกว่าใครเขานักเลย

ได้สวรรค์ของจริง ดีกว่าได้นิพพานของปลอม จริงไหมครับ?

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?