ทำไมต้องสร้างบารมีร่วมกับคนด้วยกัน?
หลายคนคิดว่าการพึ่งตัวเองคือการไม่ต้องสร้างบารมีร่วมกับใครทั้งนั้น
เราสามารถปฏิบัติ “ไปเองได้” ไม่ใช่นะครับ ดังที่กล่าวแล้วว่า
“ใบไม้กำมือเดียวไม่พอให้คุณรอดจากป่า” คุณต้องมี “ผู้ช่วยให้รอด” ด้วยนะครับ
ดังนั้น คุณจะต้องสร้างบารมีร่วมกับผู้ที่จะฉุดช่วยคุณให้รอดให้หลุดพ้นได้ ดังจะอธิบายในบทความต่อไปนี้
๑ เทพหรือคุรุทางจิตวิญญาณช่วยได้ไหม?
“ครูเทพทำหน้าที่เป็นครูเท่านั้น
มิใช่ผู้ช่วยให้รอด” ท่านไม่มีหน้าที่มาฉุดช่วยเรา แค่ดลจิตดลใจ สอนเราแค่นั้นครับ
หากทำเช่นนั้นได้
พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็ไม่ต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์ร่วมโลกกับเราแล้ว
เป็นครูเทพสอนเราไม่ดีกว่าหรือ? ไม่ได้นะครับ
หลายคนคิดว่ามีคุรุทางจิตวิญญาณก็พอแล้ว ไม่ต้องฟังมนุษย์หน้าไหนทั้งนั้น ไม่ถูกครับ
คุณจะต้องสร้างบุญสัมพันธ์กับ “ผู้ช่วยให้รอด” ที่มีอยู่ทุกชาติ ทุกศาสนาครับ
ท่านเหล่านี้ จะลงมาเกิดเรื่อยๆ เช่น พุทธศาสนาก็มีพระพุทธเจ้า,
พราหมณ์ก็มีพระกฤษณะ, คริสต์ก็มีพระเยซู ฯลฯ
คุณต้องค้นหาท่านเหล่านี้ให้พบแล้วสร้างบุญสัมพันธ์กับท่าน อาศัยบุญบารมีนั้นดั่งเชือกผูกมัด
ดึงให้หลุดพ้น
๒ ครูไม่ใช่พระผู้ช่วยให้รอด?
บางคนมีความรู้มากสอนคนอื่นได้
แต่ครูไม่ใช่พระผู้ช่วยให้รอดนะครับ ครูก็คือครู หลายครั้งครูก็ไม่รอดครับ
ผู้เขียนได้พบเจอมาคือ ครูฤษีคือผู้ที่ติดค้างอยู่บนโลก ไม่ได้กลับพรหมโลกครับ
ผู้ที่จะนำพากลับได้ ในสายพราหมณ์คือ “พระกฤษณะ”
ที่จะให้โมกษะแก่เหล่าพราหมณ์ฮินดูได้ครับ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นพรหม แล้วจะรอดได้
ไม่ใช่นะครับ หากทำได้จริง
พราหมณ์ฮินดูจะต้องให้พระนารายณ์อวตารมาเป็นพระกฤษณะไปทำไม?
เพราะว่าพวกเขาไม่รอดกัน ทำให้ต้องมีพระกฤษณะไงละครับ หลายท่านตั้งตัวเองเป็นครู
สอนธรรมคนอื่น “คุณใช่พระกฤษณะอวตารไหม?” ถ้าใช่
คุณจะได้โมกษะและพาคนอื่นให้รอดได้แต่ถ้าไม่ใช่ละครับ?
๓ พระผู้ช่วยให้รอดเป็นอย่างไร?
พระผู้ช่วยให้รอดคือผู้ที่มีบารมีธรรมพอที่จะนำทางเราได้
ทำให้เราหลุดพ้นจากโลกนี้ได้ จริงอยู่ว่าเราต้องปฏิบัติด้วยตนเอง
ตรงนี้ไม่มีใครช่วยเราได้ เหมือนการเรียนเราต้องทำเองใช่ไหม?
แต่เมื่อคุณเรียนจบแล้ว คุณต้องไปสมัครเข้างานในบริษัท เพื่อให้เจ้าของเขารับคุณ แล้วคุณจะได้รอดตัว
มีเงินใช้ เหมือนกันครับ เมื่อเราปฏิบัติด้วยตัวเองได้ระดับหนึ่งแล้ว
เราจะต้องเข้าสู่ “พุทธบริษัท” ของพระพุทธเจ้า หรือของใครสักคนที่ช่วยให้เรารอดได้
มีทุกศาสนานะครับ เพราะอะไร?
เพราะทุกศาสนาก็ต้องรับผิดชอบงานและบริวารของตนเองทั้งนั้น เขาจะต้องส่ง
“ผู้ช่วยให้รอด” มารับเรากลับ เราจะต้องหาคนๆ นั้นให้เจอแล้วไปกับเขา
๔ ผู้ช่วยให้รอดต้องฉลาดมากไหม?
ไม่จำเป็นครับ
หลายคนชอบแข่งกัน เอาชนะคะคานกันว่าฉันรู้มากกว่าเธอ มีปัญญามากกว่าเธอ ฯลฯ ทว่า
ต่อให้มีความรู้ท่วมหัว แต่ถ้ายังมีหนี้กรรมอยู่ ปลดตัวเองออกไม่ได้
มันก็ไม่หลุดพ้นนะครับ ผู้ช่วยให้รอดนั้น ไม่จำเป็นต้องฉลาดหรือมีความรู้มากก็ได้
ท่านอาจจะโง่กว่าคุณก็ได้แต่ท่านเอาตัวรอดได้จริง ปลดหนี้กรรมได้หมดจริง ดังนั้น
อย่าเอาความรู้มาเทียบกันหรือเทียบใคร หลายคนชอบมาถามธรรมะ
มาทดสอบกันว่ามีธรรมเหนือฉันไหม? พอเขาเหนือกว่าคุณๆ ก็รับไม่ได้ พอเขาต่ำกว่าคุณๆ
ก็เมินเขาไป นี่ละ นิสัยเสีย ทำให้คุณไม่มีวาสนาจะได้พระผู้ช่วยให้รอด เอาง่ายๆ
หลวงพ่อคูณแบบนี้ ท่านก็ไม่ได้รู้อะไรมากอย่างคุณครับ
๕ ทำไมท่านต้องเกิดมาเป็นมนุษย์เช่นเรา?
เทพที่อยู่บนสวรรค์ท่านทำกิจเสร็จแล้ว
มีบริวารครบแล้ว ท่านก็ได้อยู่บนสวรรค์ไม่ต้องมายุ่งกับโลกมนุษย์ ถ้ามีกิจเกี่ยวข้องท่านค่อยมาทำ
คนที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับเราได้นั้น “จะต้องยอมลงมาเกิดเป็นมนุษย์” ครับ
หลายคนคิดว่าท่องพระนามพระอามิตภะก็ได้สุขาวดีแล้วง่ายๆ คิดง่ายไปครับ
สวรรค์นั้นหากตำแหน่งเต็ม วิมานเต็ม ต่อให้เราทำบุญ
ทำความดีมากเท่าใดก็เข้าไปไม่ได้ ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้มีองค์เดียวจบได้
จะต้องลงมาเกิดเป็นมนุษย์เรื่อยๆ ตามลำดับกันไป คุณพอเข้าใจตรงนี้ไหม?
และคุณหนีไม่ได้ที่จะต้องสร้างบุญสัมพันธ์กับท่าน เช่น ถ้าคุณไม่ยอมทำบุญให้ท่าน
คุณอาจถูกเรียกเก็บภาษีแพงมากเป็นทางอ้อมแทน
ยิ่งดื้อยิ่งเหนื่อยยากกว่าเดิมครับ
“คุณหนีไม่พ้นหรอก” ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น