ชาติเดียวกลับบ้านเก่าเลยไหม?




“ทุกสิ่งย่อมมีวาระของมัน” ถามว่าหากเราจากบ้านเก่าเรามาเกิดในโลกนี้ หมดชาตินี้ชาติเดียวกลับได้เลยไหม? คำตอบคือ “ไม่จำเป็น” ถ้าเรามี “พันธสัญญา” ว่าจะอยู่ก่อนเพื่อทำกิจบางอย่าง ช่วยโลกหรือจะช่วยศาสนาใดก่อน เราก็อยู่ต่อได้ ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายให้เข้าใจว่า “วาระ” คืออะไร? ดังต่อไปนี้

พันธสัญญาคืออะไร?
พันธสัญญาเป็นสิ่งที่เราสัญญากับใครบางคนไว้ว่า “เราจะทำบางสิ่งเพื่อเขา” เช่น มาช่วยเขาสร้างศาสนา, มาช่วยเขาปกป้องชาติบ้านเมือง, มาช่วยเขาสร้างโลก ฯลฯ เป็นไปได้มากมายครับ และเพราะพันธสัญญานี้ ทำให้เราต้องทำตามสัญญาให้เสร็จสิ้นก่อนเราจึจะกลับ “บ้านเก่า” ของเราได้ จิตวิญญาณทั้งหลายนั้นมีพันธสัญญาไม่เหมือนกัน ย่อมมีวาระในการกลับบ้านไม่พร้อมกัน บางคนกลับก่อน บางคนกลับทีหลัง นี่ไม่มีใครผิดหรือถูก มันอยู่ที่เขามีพันธสัญญาต่อใคร ไว้อย่างไร? เช่น ผู้เขียนมีหลวงพ่อโตเป็นอาจารย์ และมีหน้าที่ต้องดูแลประเทศไทยตามคำทำนายของอาจารย์คือหลวงพ่อโต ไม่เสร็จกิจนี้ก็ยังกลับบ้านไม่ได้

๒ ใครกลับได้ก่อน กลับเลย
บางท่านจะสอนท่านว่า “ให้กลับบ้านเก่ากับเขาเลย” ก็ไม่ผิดอะไรครับ เพราะเขาอาจหมดภารกิจอะไรในโลกนี้แล้ว เขาก็สามารถกลับเลยได้ ทีนี้ เขาต้องไม่อุปทานไปเอง เช่น พระเจ้าติดต่อเขามา เตรียมวิมานไว้รอเขาแล้ว ให้เขาเห็นวิมานเลย อันนี้คือ เครื่องรับรองว่าเขาจะได้และถ้าเราไปกับเขาจะได้อย่างนั้น แบบนี้ ก็ไปกับเขาได้เลยครับ ถ้าใครไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ไหนตรัสรู้ก่อน ช่วยคนได้ก่อน เราไปเจอ ท่านก็ไปกับเขาได้เลยครับ ไม่ต้องรอ ถ้าไม่มีกิจแล้วไปเลยครับ ไม่ผิดอะไร แต่ไม่ใช่ความถูกต้องอะไรที่จะให้คนอื่นต้องมาทำตามนะ เพราะคนเรามี “หน้าที่ต่างกัน” บางคนหมดหน้าที่ก่อน บางคนหมดทีหลังครับ

คนเราต้องรู้วาระของตนด้วย
เพราะคนเราแต่ละคนมี “พันธสัญญา” ที่แตกต่างกันไป ก็ย่อมมีวาระในการกลับบ้านเก่าต่างกันไปด้วย ถ้าใครหมดภารกิจแล้ว ทำกิจเสร็จแล้วจะกลับก่อนก็ได้ ไปเลย ส่วนถ้าใครยังมีพันธสัญญาในการทำกิจอยู่ต่อ เขาก็จะมี “การรับรองสภาวธรรมให้อยู่ต่อในโลก” เช่น มีองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เตรียมวิมานไว้ให้เราทำกิจในโลกนี้เลย ถามว่าทำไมต้องอยู่ต่อ? ก็อยู่ที่เราเองนี่ละครับว่าเราเต็มใจที่จะอยู่ช่วยใครทำกิจอะไรไหม? เช่น ผู้เขียนตัดสินใจอยู่ช่วยโลกนี้ ดังนั้น องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ได้รับรองสภาวธรรมให้  ไม่ใช่มารับรองว่าสำเร็จธรรมอะไรนะครับ ไม่ใช่ แต่รับรองสภาวธรรมที่เราต้องอยู่ในโลกนี้ต่อให้ ด้วยการให้ตำแหน่งแก่ผู้เขียน

๔ พันธสัญญาเก่า-พันธสัญญาใหม่
เราจะต้องทราบอีกข้อคือ พันธสัญญาเก่าและพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาทำให้เราต้องลงมาทำกิจในโลก เมื่อเราทำกิจหมดแล้ว พันธสัญญาเก่าเป็นอันจบสิ้นเพราะได้ทำตามสัญญาแล้ว จากนี้เราจะมีพันธสัญญาใหม่กับใครอีกหรือไม่ก็ได้ ถามว่า พันธสัญญาใหม่นี้ ควรมีไหม? มีได้ไหม? ก็อยู่ที่เราจะพิจารณาครับว่าเราจะทำพันธสัญญาใหม่ต่อไปหรือไม่? เพื่อที่จะอยู่ในโลกนี้แล้วทำหน้าที่บางอย่างต่อ? เช่น ผู้เขียนพิจารณาว่าโลกนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติสูง, เสี่ยงที่จะมีสงครามรุนแรง ผู้เขียนเองถูกสุขาวดีลงทัณฑ์ทำให้ยังกลับพุทธเกษตรไม่ได้ ผู้เขียนทำใจปลงไม่รีบร้อนจากนั้นตัดสินใจอยู่ช่วยองค์เง็กเซียนฮ่องเต้ทำกิจก่อนครับ

๕ คุณมีพันธสัญญากับใครหรือไม่?
รู้ได้อย่างไร? ไม่ยากเลย ไม่ต้องใช้ญาณด้วย คุณรู้สึกค้างคาอะไรในใจไหม? รู้สึกค้างคาอะไรกับใครก็ไปทำเสียให้เสร็จครับ “อย่าเอาแต่นั่งตัดนั่งข่ม” มันหลอกตัวเองเปล่าๆ ที่คุณรู้สึกค้างคาใจได้นั้น “มันต้องมีเหตุ” สิครับ หากคุณไม่ยอมรับมัน กดข่มมัน หลอกตัวเองไปวันๆ หรือใช้การตัด, การละ คุณจะไม่รู้เลยว่าคุณได้มีพันธสัญญาอะไรไว้กับใครบ้าง? เมื่อนั้นคุณจะทำไม่สำเร็จ เมื่อคุณทำไม่สำเร็จ “คุณก็กลับบ้านไม่ได้” นะ นี่เรื่องจริง ท่านที่อยู่ข้างบนสวรรค์ ท่านจะรู้หมดว่าเราหมดภารกิจหรือยัง? มีพันธสัญญาใดคั่งค้างอยู่บ้าง ต่อให้เรามีบุญมาก ไปสวรรค์ได้ แต่ถ้าเราลืมหน้าที่ไม่ได้ทำตามพันธสัญญา เขาก็ให้เรากลับมาทำใหม่ครับ

ยังมีเวลา ยังไม่ตาย ก็ไปเคลียร์สิ่งที่ค้างคาในใจของคุณเสียครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?