เรื่องความว่างที่หลายคนเข้าใจผิด?



มีคนจำนวนมากคิดว่า “ทุกอย่างไม่มีอยู่จริง ทุกอย่างล้วนเป็นความว่างเปล่า” ไม่ใช่นะครับ คิดแบบนั้นคือแนวคิดของลัทธินิรัตตา ไม่ใช่พุทธ พุทธเราไม่ได้สอนแบบเหมามั่วง่ายๆ แบบสรุปง่ายๆ ไปว่าอะไรก็ว่างไปหมด ว่างเปล่าหมดแบบนั้นแต่เขาให้ดูธาตุครับ ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้

ธาตุทั้ง ๘ มีอะไรบ้าง
ธาตุทั้ง ๘ ได้แก่ ธาตุดิน, ธาตุน้ำ, ธาตุลม, ธาตุไฟ, อากาสธาตุ, วิญญาณธาตุ, มโนธาตุ และนิพพานธาตุ ธาตุทั้ง ๘ ชนิดนี้ไม่เหมือนกันและอย่าเอามาบิดเบือนกันนะ เช่น อากาสธาตุก็คือความว่างเปล่า อะไรที่เป็นความว่างเปล่าคืออากาสธาตุ อะไรที่ไม่ใช่ความว่างเปล่าก็ไม่ใช่อากาสธาตุ เช่น วิญญาณธาตุ, มโนธาตุ และนิพพานธาตุ ทีนี้ คนที่เข้าใจผิด จะเหมาเอาว่าทุกอย่างเป็นอากาสธาตุหมด โดยเฉพาะพวกลัทธิ “นิรัตตา” พวกบ้าคลั่งความว่างเปล่า, ความไม่มี ในปรัชญาปารามิตสูตรบอกชัดเจนไม่ให้เราหลงความว่างว่า “ความว่างก็คือรูปน่ะละ” รูปคือความว่าง, ความว่างก็คือรูป การหลงความว่างก็คือ หลงรูปอย่างหนึ่ง

๒ ความว่างเป็นรูปได้อย่างไร?
รูปนั้นมี ๒๘ ชนิด ใน ๒๘ ชนิดนี้มีรูปที่เรียกว่า “ปริเฉทรูป” อยู่ ปริเฉทรูปก็คือ “ความว่างเปล่า” ที่มีอยู่ในทุกความมี ในความมีทั้งหลายมีความว่างแทรกอยู่ คั่นอยู่ ไม่ได้ติดเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ความว่างและความมีก็ดำรงอยู่แบบสลับกันไป ความมีเรียกว่า “รูปกลาป” ความว่างเรียกว่า “ปริเฉทรูป” สองอย่างนี้ก็ดำรงอยู่สลับกันไป ความมีไม่ใช่ความว่าง, ความว่างไม่ใช่ความมี อย่ามั่วนะ ความมีนั้นคือรูปกลาป ไม่ใช่ปริเฉทรูป และไม่ใช่ว่าทุกอย่างคือความว่างเปล่าไปหมด คิดแบบนั้นจะเกิดมิจฉาทิฐิที่รุนแรงแบบลัทธินิรัตตา เดี๋ยวนี้เป็นกันเยอะ โดยเฉพาะพวกใจร้อนอยากมีธรรมะขั้นสูงเร็วๆ จะรีบบ้าความว่าง แข่งกันว่างกว่า

ความว่างในฐานะต่างๆ
ความว่างในฐานะธาตุคือ อากาสธาตุ เป็นแค่ธาตุหนึ่งในแปดธาตุเท่านั้น ความว่างในฐานะรูปคือ ปริเฉทรูป เป็นแค่หนึ่งในยี่สิบแปดรูปเท่านั้น ความว่างในฐานะปรมัตถธรรมคือ รูป เป็นหนึ่งในสี่ของปรมัตถธรรมเท่านั้น (จิต, เจตสิก, รูป, นิพพาน) อย่าเอาไปมั่วว่าความว่างคือทุกสิ่งหรือทุกสิ่งเป็นความว่างไปหมดนะ พุทธศาสนาไม่ได้สอนแบบนั้น พระสมณโคดมจำแนกเอาไว้แล้ว “ท่านไม่ได้เหมารวม” ผู้ตรัสรู้แจ้งจริงต้องจำแนกแยกแยะธรรมได้ชัดเจน ไม่มั่ว แต่ลัทธินิรัตตานั้นไม่รู้แจ้งจริง แล้วมั่วเหมาเอาทุกอย่างว่าเป็นความว่างเปล่าไปหมด “รูปคือความว่าง, ความว่างคือรูป” นี่คือคำสอนในปรัชญาปารามิตสูตรพิจารณาให้ดีครับ
                                                                                                         
๔ ความว่างไม่ใช่อะไรบ้าง?
ดังที่จำแนกให้ดูแล้ว ในฐานะธาตุนั้นความว่างคืออากาสธาตุ ไม่ใช่มโนธาตุ ไม่ใช่วิญญาณธาตุ ดังนั้น คำกล่าวว่าจิตเป็นความว่างหรือวิญญาณเป็นความว่างนี้ “ไม่ตรงตามคำสอนของพุทธ” ในฐานะรูปนั้นความว่างคือ “ปริเฉทรูป” ความว่างจัดเป็นรูปอย่างหนึ่ง ดังคำกล่าวในปรัชญาปารามิตสูตรว่า “รูปคือความว่าง, ความว่างคือรูป” ผู้ใดหลงความว่างผู้นั้นก็หลงรูปน่ะละ ในฐานะปรมัตถธรรมสี่ ความว่างคือรูป ไม่ใช่จิต, ไม่ใช่เจตสิก, ไม่ใช่นิพพาน ดังนั้น คำกล่าวว่านิพพานคือความว่าง ก็เป็นคำกล่าวที่ผิดไปจากคำสอนพุทธ เป็นคำสอนของลัทธินิรัตตานะ คำสอนของลัทธินิรัตตานี้ หลายคนสับสนแยกไม่ออก คิดว่าเป็นของเซน

๕ เซนต่างจากลัทธินิรัตตาอย่างไร?
เพราะหลายคนเข้าใจเซนแบบผิดเพี้ยน ก็จะหลงเข้าทางลัทธินิรัตตา อันนี้ต้องเตือนบ่อยมาก เพราะหลงกันอยู่เรื่อยๆ มีให้เห็นเรื่อยๆ เดี๋ยวรายละ เดี๋ยวหลงมาอีกละ เซนนั้นมีคำกล่าวว่า “เมื่อก่อนเห็นภูเขาเป็นความว่าง เดี๋ยวนี้เป็นภูเขาเป็นภูเขา” เข้าใจไหมครับ? ตอนปฏิบัติผิด ยังไม่ตื่นแจ้งและหลงทางไปลัทธินิรัตตานั้น จะมองธรรมชาติ “ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง” จะเห็นทุกอย่างเป็นความว่างเปล่า แบบเหมารวมไปหมด ไม่อาจจำแนกแยกแยะธรรมได้จริง มีความเห็นไม่ตรงกับคำสอนของพระสมณโคดม จะบ้าคลั่งความว่าง ก็จะเห็นทุกอย่างเป็นความว่าง เห็นภูเขาผิดเพี้ยนกลายเป็นความว่างแต่พอตื่นแจ้งแล้วก็เห็นเป็นภูเขาดังเดิม 

หลายคนที่อยากบรรลุเร็วๆ มีธรรมสูง มักหลงลัทธินิรัตตาครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?