วิชามารคืออะไร?



วิชามารคือวิชาที่ทำให้เราเหมือนสำเร็จธรรมจนดูไม่ออก แม้แต่พระอุปคุตก็เคยหลงไหว้พญามารมาแล้ว เพราะวิชามารนั้นทำให้ดูเหมือนสำเร็จธรรมจนดูไม่ออกนั่นเอง ทว่า วิชามารนั้นไม่ได้เจริญมรรคที่ถูกต้อง ทำให้ดูเหมือนแค่ผลหรือเปลือกนอกเท่านั้น ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายให้เข้าใจตรงกัน ดังต่อไปนี้

การบำเพ็ญธรรมในกำมือ
เช่น การบำเพ็ญจนได้วัชระเป็นเพชรในมือแต่จิตวิญญาณไม่เปลี่ยนแปลงหรือเป็นมารเลยก็มี มารหลายตนมี “ธรรมในกำมือ” เมื่อดูด้วยตาทิพย์จะเห็นเป็นอาวุธทิพย์ที่เป็นเพชร อาวุธเหล่านี้ทำให้เขามีธรรมเหมือนพระอรหันต์ครับ เมื่อใช้ออกหรือพูดคุยออกมาจะเหมือนมีธรรมเลย แต่ตัวตนเขาจริงๆ จิตใจของเขาจริงๆ นี้กลับมิใช่ผู้มีธรรม เคยเห็นคนที่พูดธรรมะเก่ง ใช้ธรรมะปราบคนนั้นคนนี้ได้ แต่จิตใจกลับไม่เหมือนผู้มีธรรมมั้ย? บางคนจิตใจเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น จิตวิญญาณมืดดำเป็นมาร แต่ถืออาวุธทิพย์ที่มีธรรมในมือก็มี เขาเหล่านี้จะหลงว่าตัวเองก็มีธรรม จริงครับ มีธรรมในกำมือจริงๆ แต่จิตใจของเขากลับไม่มีธรรมะเลย

๒ การทำบุญแล้วอธิษฐาน
วิธีนี้ไม่ใช่การเจริญมรรคที่ถูกต้องตามปกติ แต่จะใช้วิธีทำบุญแล้วอธิษฐานเอา เช่น ทำบุญมากๆ อธิษฐานให้ได้ทุกอย่างเหมือนพระพุทธเจ้า พอบุญมากพอก็ได้เหมือนจริงๆ ทั้งรูปกายภายนอก กายทิพย์ก็เหมือน ความคิด ความฉลาดก็ฉลาดเหมือนอีก แบบนี้คือ วิธีที่พญามารเคยใช้ครับ ภายนอกดูเหมือนพระพุทธเจ้าทุกประการจนพระอุปคุตก็แยกไม่ออก แต่ภายในจะซ่อนพลังดำ พลังมารไว้ เช่น ในดวงใจทิพย์อาจดำ ก็ได้ เรียกว่านอกขาวในดำ แต่คนทั่วไปดูไม่ออก แม้แต่พระอรหันต์อย่างพระอุปคุตยังดูไม่ออกเลยครับ ดังนั้น จะดูแต่กายทิพย์ก็ไม่ได้ เราจะต้องทดสอบและถามว่าเขาเจริญมรรคอย่างไรด้วย เพื่อเช็คความถูกต้องครับ

การแบ่งภาคสำเร็จธรรม
วิชานี้เป็นวิชาต้องห้ามของลัทธิเต๋าด้วย วิธีการคือ “การแบ่งภาคจิตวิญญาณ” เอาส่วนที่มีกิเลสออกไป จะทำให้ได้จิตวิญญาณสองดวง ดวงแรกจะบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์ ดวงที่สองจะเต็มไปด้วยกิเลสและมักเป็น “มาร” การแบ่งภาคแบบนี้ทำให้เกิดจิตวิญญาณที่เต็มไปด้วยกิเลส เป็นมารบ้าง ปีศาจร้ายบ้าง ดังนั้น ลัทธิเต๋าจึห้ามไม่ให้ใช้ ทว่า จิตวิญญาณอีกดวงจะบริสุทธิ์เหมือนพระอรหันต์เลย ด้วยเหตุนี้ทำให้คนผู้นั้น “หลงว่าตัวเองบรรลุธรรมแล้ว” ได้ แถมยังไม่มีใครตรวจสอบได้อีกว่าไม่ได้บรรลุจริง เมื่อตรวจสอบดูภายใน จิตวิญญาณก็เหมือนพระอรหันต์เลย ทว่า มิได้เจริญมรรคให้ถูกต้องตรงทาง จะเหมือนแค่บางส่วนเท่านั้น
                                                                                                         
๔ การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์
พระโพธิสัตว์ที่บรรลุธรรมแล้วสามารถถอดกายทิพย์ครอบขันธ์เราได้ กายทิพย์นี้คือ “วิญญาณขันธ์” นั่นเอง และเพราะท่านบรรลุธรรมแล้วพระวิญญาณหรือกายทิพย์ของท่านก็มีลักษณะเหมือนพระอรหันต์ด้วย เมื่อท่านถอดกายทิพย์บางส่วนมาครอบขันธ์เรา เราจะเหมือนพระโพธิสัตว์ที่บรรลุธรรมทันที หากเราแบ่งภาคจิตบางส่วนเข้าปฏิสนธิกับกายทิพย์หรือวิญญาณขันธ์นั้น ก็จะสำเร็จได้จิตวิญญาณเหมือนพระอรหันต์ด้วย แต่นี่ไม่ใช่มรรคในการสำเร็จธรรมแท้จริงเป็น “วิธีลัดหรือวิชามาร” ทำให้สำเร็จจิตวิญญาณเหมือนอรหันต์ที่เรียกอีกอย่างว่า “การอวตารเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์” การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จึทำด้วยเจตนาไม่ได้

๕ ทำอย่างไรให้พ้นวิชามาร?
สุดท้ายนี้มีคำถามว่าแล้วอย่างนี้ทำอย่างไรจะทำให้พ้นจากวิชามาร? คำตอบแรกเลยคือ “ต้องไม่มีเจตนาที่จะบรรลุธรรม” ครับ เพราะหากเราเริ่มต้นด้วยเจตนา ทำให้ได้ ทำเพื่อให้เป็น เมื่อนั้นจะเข้าทางมารทันที ถ้าเราทำได้ เราสำเร็จ เราจะสำเร็จวิชามาร จะได้เป็นมารครับ แต่หากเราไม่หวังสำเร็จธรรมอีกแล้วแต่มันกลับ “เป็นไปเอง สำเร็จเองตามธรรมชาติ” แบบนี้ เราจะไม่เป็นมาร จะไม่ใช่วิชามาร หรือหากท่านกลายเป็นมารไปแล้ว สำเร็จวิชามารไปแล้ว ท่านสามารถ “บำเพ็ญใหม่” เพื่อกำเนิดใหม่เพื่อทำลายวิชามารนั้นลงเสียก็ได้ ด้วยเหตุนี้ การบรรลุธรรมเองมักเป็นวิชามาร เพราะเรามีเจตนา แต่ถ้ามีคนใช้อุบายหลอกเราๆ ก็จะพ้นครับ

การใช้อุบายหลอกให้สำเร็จธรรม ทำให้ไร้เจตนาจะบรรลุครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม