สมบัติแท้ของโลกคือทุกข์?




“โลกนี้ไม่ใช่บ้านแท้จริง มันถูกสร้างมาเพื่อชำระล้าง” หากใครได้สิ่งดีมากๆ ก็จะถูกหลอกมาก ใครได้สิ่งไม่ดีมากๆ ก็จะใกล้พบความจริง หลุดพ้นเร็ว ดังนั้น จึกล่าวว่า “สมบัติที่แท้จริงในโลกคือความทุกข์” ในขณะที่สมบัติอื่นๆ และความสุขนั้นกลับไม่ใช่สมบัติที่แท้จริง ในบทความนี้จะขออธิบายในหัวข้อนี้ ต่อไปนี้

ภาวะ “ตรงข้าม” ของโลก
หากโลกคือบ้านที่แท้จริง ไม่ได้สร้างมาเพื่อการชำระล้าง สิ่งที่ดีทางโลกจะเป็นสิ่งที่ดีทางธรรม สิ่งที่ไม่ดีทางโลกก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ดีทางธรรมด้วย ทว่า เพราะไม่ใช่เช่นนั้น “ทุกอย่างเลยพลิกกลับตรงข้าม” สิ่งที่ดีทางโลกกลับไม่ดีทางธรรม และสิ่งที่ไม่ดีทางโลกกลับดีทางธรรม ดังนั้น “ทุกข์จึกลายเป็นของดี” และเป็นสมบัติดังเหตุผลข้างต้น คนได้รับทุกข์มากมีโอกาสได้หลุดพ้นมาก เหมือนคนมีสมบัติมาก ย่อมมีโอกาสมากกว่าคนที่ไม่มี ในขณะที่คนที่มีสุขมาก, มีสมบัติทางโลกมาก กลับกลายเป็น “ขาดโอกาสที่จะหลุดพ้น” หรือห่างไกลความหลุดพ้นไปเรื่อยๆ คนรวยทางโลกคือยากจนทางธรรม คนจนทางโลกกลับมีโอกาสร่ำรวยทางธรรม?

สมบัติ, กำไร, ความร่ำรวย
สามสิ่งนี้ท่านควรรู้จักให้แท้จริง ดังที่กล่าวแล้วว่าทุกข์คือสมบัติของโลก ต่อไปคือ “การตื่นแจ้ง” คือ กำไรที่แท้จริง เพราะบุคคลที่ตื่นแจ้งแล้วย่อมจะมีกำไร แต่คนที่ยังไม่ตื่นแจ้งจะไม่มีโอกาสได้กำไรชีวิตเลย เมื่อไม่มีกำไรชีวิต ย่อมขาดทุนหรือเกิดมาเสียชาติเกิดนั่นเอง ส่วนความร่ำรวยนั้นจะมาจาก “ส่วนเพิ่ม” ที่ได้หลังตื่นแจ้งโลกแล้ว เช่น หลังตื่นแจ้งโลกแล้วได้โปรดสัตว์มากมาย มากเท่าไรก็ร่ำรวยมากไปเท่านั้น นี่ท่านควรเข้าใจสิ่งนี้ให้ดี หาไม่แล้ว “ท่านจะถูกมายาการของโลกหลอกลวง” ทำให้ต้องเสียเวลาในชีวิตไปมากมายที่จะต้อง “ชิงดีชิงเด่น, แก่งแย่งกันในทางโลก” แล้วสุดท้าย ท่านกลับพบแต่ความว่างเปล่าและตายไปในที่สุด

๓ เปลี่ยนของปลอมให้เป็นของจริง
เมื่อท่านอยู่ในโลกควรทราบว่า “คนเราทุกคนล้วนถูกทำให้เป็นตัวปลอม” ดังเช่น หนอนที่ยังไม่ใช่ผีเสื้อ เราจะต้องผ่านการกำเนิดใหม่เพื่อเป็นตัวจริงหรือผีเสื้อนั่นเอง สมบัติต่างๆ ในโลกที่ท่านได้รับ “ล้วนเป็นมายาจอมปลอม” ท่านจะต้องเปลี่ยนให้มันกลายเป็นของจริง สมบัติที่แท้จริงให้ได้ก่อน เช่น นางวิสาขา ร่ำรวยแล้วก็เอาสมบัติมาสนับสนุนพุทธศาสนา เช่นนี้เป็นต้น กล่าวเช่นนี้เหมือนหลอกเอาเงินท่าน แท้จริงแล้วมิใช่ เพราะผู้เขียนไม่ได้รับผลประโยชน์ตรงนั้นและไม่ได้ต้องการด้วย ส่วนผู้รับเองมีบุญจะรับหรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่ผู้ใดเปลี่ยนสมบัติทางโลกเป็นสมบัติทางธรรมได้ “เขาผู้นั้นแหละ จะได้รับผลนั้นเอง” จริงไหมละครับ?
                                                                                                         
๔ เปลี่ยนตัวปลอมให้เป็นตัวจริง
นั่นคือ “การกำเนิดใหม่” เราจะต้องผ่านความตายทางจิตวิญญาณเพื่อกำเนิดใหม่ให้ได้ เมื่อนั้นเราก็จะเป็น “ตัวจริง” คือ ผีเสื้อที่ไม่ใช่หนอนอีกต่อไป โลกนี้หล่อหลอมและสั่งสอนเรามาตั้งแต่เราเกิดโดยที่คนที่สอนเราเหล่านั้น “ยังไม่ได้ตรัสรู้แจ้งจริง” สิ่งเหล่านี้สร้าง “ตัวปลอม” ให้เรา ทำให้เรามีตัวปลอมที่ดีงามตามแบบเขา ตามที่สังคมต้องการให้เราเป็น โดยที่เรายังไม่เคยค้นหาตัวตนแท้จริงของเรา ที่เป็นอนัตตา ที่ไม่ใช่อัตตาเลย ใครก็ตามที่ถูกโลก “สร้างให้เป็น” สิ่งใดอยู่ ท่านจงรู้ไว้เถิดว่านั่นคือ “ตัวตนปลอม” หรือหัวโขนให้เราแสดงไปในโลกนี้ โลกคือละคร แต่ละคนคือตัวละครที่ได้บทบาทต่างกันไป กระนั้น เราก็ต้องทำให้เราเป็นตัวจริง!

๕ ค้นหาตัวตนที่แท้จริงกันเถิด
ในมิติที่ห้าท่านจะได้พบกับ “ตัวตนหลากหลายมิติ” เพราะท่านจะเข้าสู่ภาวะอนัตตาได้ และนั่นจะพาท่านไปสู่ตัวตนที่แท้จริง ดังนั้น หลายคนในโลกมักถูกทำให้อยู่ในภาวะที่ต้องสวมหัวโขนหลายๆ ใบ นั่นก็คือการทำให้ท่านเข้าสู่ภาวะตัวตนหลากหลายมิติให้ได้นั่นเอง มนุษย์อยู่ในโลกเหมือนตัวละครที่สวมหัวโขนแสดงบทบาทต่างๆ กันไป มันไม่มีความถูกผิด, ดีชั่ว เพราะมันเป็นแค่ “ศิลปะ” เท่านั้นเอง เพียงแต่ “ใจ” ของเราทำสิ่งต่างๆ อย่างไร? หากทำด้วยใจที่คิดหลอกลวงผู้คนก็จะกลายเป็นคนลวงโลก แต่ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ไม่คิดหลอกลวงใคร มันก็จะกลายเป็นศิลปะ และหากเรามีความเป็นศิลปิน เราก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง

เมื่อนั้นเราจะไม่ถูกหัวโขนกลืนกินจนไม่เหลือตัวตนที่แท้จริง!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?