โลกแห่งความบริบูรณ์ด้วยความไม่สมบูรณ์




ในบทความก่อนๆ ได้อธิบายเรื่องราวของโลกนี้ไปมากแล้ว ในบทความฉบับนี้ จะขออธิบายโลกที่เราอยู่นี้ ในมุมมองที่แตกต่างไปบ้าง แต่แก่นแท้ยังคงเหมือนเดิมดุจเดียวกันคือ “ความไม่เที่ยง, ไม่ใช่ตัวตนของตน” เพื่อที่จะทำความเข้าใจโลกของเรา มองโลกในมุมที่แตกต่างออกไป เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ดังต่อไปนี้ครับ

ขาดความไม่สมบูรณ์ โลกก็ไม่บริบูรณ์
หากโลกนี้ขาดความไม่สมบูรณ์ ทุกอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก เพราะหากมันเปลี่ยนแปลงไปจากความสมบูรณ์ มันก็จะไม่สมบูรณ์อีก ดังนั้น หากโลกมีแต่ความสมบูรณ์ทุกอย่างก็จะนิ่งไปหมด เหมือนถูกสาปให้เป็นหินหรือภาพวาดฉะนั้น ซึ่ง “มันเป็นไปไม่ได้” และเพื่อให้โลกเป็นไปได้อย่างที่มันควรจะเป็น โลกจึต้องมี “ความไม่สมบูรณ์” อยู่เสมอ เพื่อให้เกิด “ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่ไม่สิ้นสุด” นั้น และเพราะเหตุนั้น โลกจึเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ไม่นิ่งสนิทอยู่กับความสมบูรณ์แบบนั่นเอง สิ่งเหล่านี้เรียกว่า “ความบริบูรณ์พร้อมของโลก” คือ ความบริบูรณ์ไปด้วยความไม่สมบูรณ์ อันก่อให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ

หน้าที่ของมนุษย์กับความไม่สมบูรณ์
เมื่อเราได้ตระหนักรู้แล้วว่า “โลกนี้บริบูรณ์ เต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ” ดังนั้น เราจะต้องยอมรับให้ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงได้ และมันไม่สมบูรณ์แบบ เมื่อมันไม่สมบูรณ์แบบ มนุษย์จะยอมรับใน “แบบที่ไม่สมบูรณ์” ไม่ได้ แต่เรายอมรับ “ความไม่สมบูรณ์” ได้ เข้าใจไหม คือ เรายอมรับว่าโลกนี้มันไม่สมบูรณ์ เรายอมรับในความไม่สมบูรณ์ แต่เราจะไปยอมรับแบบที่ไม่สมบูรณ์ไม่ได้ หากมนุษย์เรายอมรับใน “แบบที่ไม่สมบูรณ์” เท่ากับเรายอมรับว่าแบบนั้นๆ มันสมบูรณ์แล้วเมื่อเรายอมรับว่าแบบนั้นๆ สมบูรณ์แล้ว เท่ากับเราไม่ยอมรับใน “ความไม่สมบูรณ์ของโลก” ดังนั้น เราจะต้องไม่ยอมรับแบบที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้น

๓ ทำอย่างไรกับแบบที่ไม่สมบูรณ์?
หน้าที่ของมนุษย์คือ “สร้างสรรค์งานศิลปะ” ในเมื่อทุกสิ่งอย่างที่มาจากธรรมชาติเป็น “แบบที่ไม่สมบูรณ์” และ “เราไม่ยอมรับมัน” เราก็จะต้อง “ออกแบบมัน” เอง นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์งานศิลปะโดยมนุษย์ จริงไหม? ถ้าเรายอมรับทุกอย่างในฐานะที่มันเป็นแบบที่ไม่สมบูรณ์เสียแล้ว เท่ากับเราไม่ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของมัน ดังนั้น เราจะต้องออกแบบมันเสียใหม่ ทำมันเสียใหม่ด้วยมือของเราเอง “นี่คือ ศิลปะ” มนุษย์มีหน้าที่สร้างสรรค์งานศิลปะกับทุกๆ สิ่งในโลก “รวมทั้งโลกด้วย” เราสามารถสร้างโลกได้แต่มิใช่ในฐานะเดียวกับพระเจ้ากระทำ เรากระทำในฐานะมนุษย์ และโลกที่เราสร้างก็เป็นแค่ “งานศิลปะ”

๔ ผู้มีปัญญาทำอะไรกับโลก?
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเมื่อบรรลุธรรมมีปัญญาแล้วจะกลายเป็นท่อนไม้ ท่อนซุง เหมือนพระพุทธรูปให้คนมากราบไหว้ ไม่ใช่นะครับ อย่าเอาภาพหลอนจากการเห็นคนกราบไหว้พระพุทธรูปมาตีค่าการบรรลุธรรมของมนุษย์ ผู้มีปัญญาไม่ใช่พระพุทธรูป หากแต่เป็น “มนุษย์ที่สมบูรณ์” เมื่อมีความเป็นมนุษย์ จะนั่งบื้อใบ้ให้คนกราบไหว้เหมือนท่อนไม้ท่อนซุงได้อย่างไร? ก็จะต้องมี “การกระทำชอบ” สิครับ การกระทำชอบของมนุษย์ก็คือ “การสร้างสรรค์ศิลปะ” นั่นเอง การสร้างสรรค์งานศิลปะนี้หมายรวมทั้งการสร้างโลกในแบบที่เราอยากให้เป็นด้วย มนุษย์มีอิสระที่อยากจะสร้างโลก เพราะเราล้วนมีขีดจำกัดในความเป็นมนุษย์อยู่แล้ว

๕ ศิลปะที่บริบูรณ์แห่งความไม่สมบูรณ์
เมื่อโลกนี้บริบูรณ์ด้วยความไม่สมบูรณ์ มนุษย์จึมี “ความไม่สมบูรณ์” เป็นวัสดุในการสร้างสรรค์งานศิลปะอย่างไม่มีที่สิ้นสุด, เหลือเฟือและมั่งคั่งร่ำรวย หากโลกนี้สมบูรณ์แบบแล้ว มันก็จะไม่เหลือความไม่สมบูรณ์แบบนี้อีก และงานศิลปะทั้งหลายก็ต้องสิ้นสุดลง มนุษย์จะไม่ได้ออกแบบ “ผลงานใหม่ๆ” อีกเลย หากเรามีความสมบูรณ์แล้ว ยอมรับทุกอย่างว่าสมบูรณ์แล้ว เราจะไม่ทำอะไรใหม่ๆ เลย เราจะอยู่เหมือนซังกะตายไปวันๆ เราจะเป็นคนที่ขาดความคิดสร้างสรรค์ และไม่ได้ใช้ปัญญาในการสร้างสรรค์สิ่งใดเลย นั่นมิใช่วิถีของผู้มีปัญญาแต่อย่างใด สุดท้าย ก็จะอยู่ในโลกนี้อย่างไร้ศิลปะ ชีวิตที่ไร้ศิลปะนั้น ย่อมขาดสีสันโดยแท้

ผู้มีปัญญาย่อมใช้ชีวิตอย่างมีศิลปะเพื่อสร้างสรรค์โลกในแบบที่ต้องการ!

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?