“ปลาเป็น” ไม่ไหลตามกรรมคืออะไร?
“การอยู่เหนือกรรมไม่ใช่ไม่รับกรรม
แต่ไม่ไหลตามกรรม” มีความหมายอย่างไร?
หลายคนไม่เข้าใจหรือมีความเห็นผิดในเรื่องกรรมอยู่มาก บางคนไหลตามกรรมโดยไม่รู้ตัว
ไม่เป็นตัวของตัวเอง บางคนไม่ทำอะไรเลย ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจตรงกันเป็น
“สัมมาทิฐิ” เบื้องต้น ดังต่อไนี้
๑ คนที่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเองมีน้อย?
“ส่วนใหญ่ไหลตามกรรม”
อย่างไรครับ? สมมุติ นาย ก. มีกรรมต้องถูกด่าทั้งๆ
ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดในปัจจุบันเลย แต่มีกรรมมาจากอดีตชาติส่งผล นาย ก.
จะถูกด่าด้วยคนรอบข้าง คนเหล่านี้ไม่เป็นตัวของตัวเอง ด้วย “ไหลตามกรรมของนาย ก.”
พอเข้าใจไหมครับ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องด่านาย ก. ผิดอะไรตรงไหน?
พวกเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ถูกกระแสวิบากกรรมของนาย ก. พัดพาไปทำให้ต้องด่านาย
ก. หากไม่ถูกกระแสวิบากกรรมพัดพาไปเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่มีการกระทำเช่นนั้น ดังนั้น
การกระทำของพวกเขา ล้วนไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีอิสระ
และไม่ได้ทำด้วยใจของตนเองที่ตนเองอยากจะทำจริงๆ เลยใช่มั้ยครับ
๒ โมฆะบุรุษ
เกิดมาว่างเปล่าแท้?
ลองคิดดูว่าถ้า
นาย ข. ไม่มีการกระทำที่เป็นอิสระแบบสัมมากัมมันตะเลย ทุกอย่างที่ทำล้วน
“ไหลไปตามกรรม” เท่านั้นเอง นาย ข. จะเป็นอย่างไร? นาย ข. ก็จะกลายเป็น
“โมฆะบุรุษ” เหมือนหุ่นยนต์ว่างเปล่า ที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองด้วยซ้ำ
ไหลไปตามกระแสอะไรก็ไม่รู้ แล้วแต่กระแสกรรมจะพัดพาไป ใช่มั้ยละ
คนเราถ้าเกิดมาไม่เป็นตัวของตัวเอง ด่าใครก็เพราะถูกวิบากกรรมของคนๆ
นั้นพัดพาให้ทำ รักใครก็เพราะถูกวิบากกรรมของเขาพัดพาให้รัก ย่อมว่างเปล่าแท้
เป็นโมฆะบุรุษแท้ แต่หลายคนเป็นเช่นนี้ครับ หากเรายังมีจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์สมบูรณ์
ความเป็นมนุษย์จะทำให้เราเป็นตัวของตัวเอง ไม่ถูกพัดพาง่าย
๓ ทำไมจึงถูกกระแสกรรมพัดพาง่าย?
เพราะไม่เป็นตัวของตัวเอง
เพราะไม่เหลือจิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ในตัว
เพราะอยู่ในสภาพเหมือนหุ่นเชิดหุ่นกระป๋อง
ถูกพลังงานกรรมอะไรก็ได้พัดพาไปแล้วแต่จะพาไป คนเราถ้ายังมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์ ความเป็นมนุษย์นั้นจะทำให้เราไม่ถูกพัดพาง่าย
เช่น ถ้ากระแสกรรมพัดพาไปที่ นาย ก. ให้นาย ก. ต้องถูกเผาทั้งเป็น
เรายังมีความเป็นมนุษย์อยู่ เราก็จะไม่ยอมทำ เราจะกลัว เราจะไม่กล้ามอง
ไม่อยากเข้าร่วม นี่เพราะยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ แต่มันก็มีคนที่ถูกกระแสกรรมพัดพา
ไม่เหลือความเป็นมนุษย์ พวกนี้ก็จะสนุกสนาน หรือสามารถยิ้ม, หัวเราะได้
เมื่อเห็นเพื่อนมนุษย์คนนั้นถูกเผาทั้งเป็น โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
๔ ทำอย่างไรจะอยู่เหนือกรรม?
การอยู่เหนือกรรมในที่นี้
ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมรับกรรม แต่หมายความว่าไม่ยอมรับเป็น “ตัวกระทำกรรม”
เพราะถูกกระแสกรรมพัดพาไปให้ทำกับใคร ดังที่ยกตัวอย่าง หาก นาย ก.
มีกรรมต้องถูกเผาทั้งเป็น เราไม่ไปทำ นาย ก. ด้วย แสดงว่าเราอยู่เหนือกรรม
แต่ถ้าเราแห่ตามๆ เขาไปทำ นาย ก. ด้วย แสดงว่าเราไม่อยู่เหนือกรรม พอเข้าใจนะครับ
ถามว่าทำอย่างไรจะอยู่เหนือกรรม? เราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง
มีความเป็นมนุษย์ปกติสมบูรณ์ มีศีล มีความเป็นปกติไว้ เราจะไม่ถูกกระแสกรรมพัดพาไป
แต่หากเราไม่มีความปกติ ศีลบกพร่อง เราก็จะถูกกรรมพัดพาไปโดยง่าย คนที่มีศีลแก่กล้าคือไม่ยอมทำกรรม
ก็จะอยู่เหนือกรรมได้
๕ ศีลที่แก่กล้าห้ามเราไม่ให้ทำกรรมต่อใคร
ถ้า นาย ก. มีกรรมต้องถูกด่า แล้วเราไม่ยอมด่า
ไม่ยอมทำ ถามว่า นาย ก. จะพ้นจากการถูกด่าไหม? ก็ไม่ จริงไหมครับ นาย ก.
แค่ไม่ถูกเราด่า แต่ นาย ก. จะถูกคนอื่นด่าแทน ดังนั้น
คนที่รอดจากกรรมตรงนี้ได้คือ เรา เพราะเราไม่ทำกรรมใส่ นาย ก. คนมีกรรมหนัก
เมื่ออยู่ใกล้ใคร กระแสกรรมของเขาจะพัดพาให้คนที่อยู่ใกล้ๆ ทำกรรมต่อเขา
เฉพาะคนที่มีศีลแก่กล้าเท่านั้น ที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอย่างคนอื่นได้
เขาจะคิดจะทำแตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ คนที่คิดและทำต่างไปจากคนส่วนใหญ่นี่แหละ “มักจะเป็นผู้อยู่เหนือกรรม”
คือ ไม่ถูกกระแสวิบากกรรมของใครพัดพาให้ต้องทำอะไรต่อมิอะไร ไม่ต้องเกิดมาเป็นตัวประกอบของใคร
อย่าเป็นโมฆะบุรุษที่มีการกระทำแบบไม่เป็นตัวของตัวเองอีกเลยครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น