“สัมมาทิฐิ” สิ่งสำคัญแรกที่ต้องมี




ในบทความก่อนๆ ได้อธิบายเรื่องมรรคแปดไปบ้างข้อแล้ว เช่น สัมมากัมมันตะ, สัมมาวายามะ เพราะมีคนเข้าใจผิดกันเยอะมาก ไปเอา “ความคิดทางโลก” เข้ามาปนกับทางธรรมเช่น คิดว่าทำอาชีพสุจริตคือมีมรรคแปดแล้ว ไม่ใช่ครับ ยังปฏิบัติไม่ได้มรรคผล อยู่ๆ จะมีได้ไง ในบทความนี้จะขออธิบายมรรคตัวแรกต่อ ดังนี้

ไม่ใช่ทำที่สมองหรือที่ปาก
แต่ให้ทำที่ “จิตใจ” ครับ ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นประธาน ต่อให้เราคิดธรรมะได้เก่งมาก ปากดี เถียงเก่งชนะพุทธะทุกองค์ได้ แต่หาก “จิตใจเราไม่ตรง” มันก็ไม่หลุดพ้น ไม่ตรงทางหลุดพ้นได้ หลายคนนะ ไม่เข้าใจในจุดนี้ มัวแต่ไปทำที่ปากกลายเป็นพวก “ปากดี” ปากอสรพิษ มัวไปทำที่สมองกลายเป็นพวกคิดเอง อุปทานเก่ง นี่ไม่ใช่เลย คนที่มีจิตตรงทาง, เป็นกลาง เรียกว่าสัมมาทิฐินั้น เขาอาจไม่รู้ธรรมะเลยก็ได้ หรือพูดธรรมะแข่งกับใครไม่ได้เลย หรือพูดไม่ออก พูดไม่เป็นเลยก็มี นี่บอกหลายครั้งนะเรื่องนี้ แต่ก็ยังเห็นพวกปากดี คิดเก่งอยู่เรื่อยๆ ฉลาดเหลือเกิน รู้เยอะเหลือเกิน คิดธรรมะออกมาเอาชนะเขาได้เรื่อยๆ เหลือเกิน แต่จิตไม่ตรง

๒ การแสดงธรรมตามควร?
พระพุทธเจ้านั้นท่านไม่ได้แสดงธรรมอวดหรือเอาชนะใคร แต่ท่านแสดงเพื่อให้เราเห็นว่าท่านมีธรรมจริง ถ้าไม่แสดงออกมา คนก็ไม่รู้ว่าท่านมีธรรมจริง ท่านจำต้องแสดงออกมา เพื่อให้เรามีจิตตรงมาทางท่าน ไม่ใช่ให้เราไปคิดหาธรรมะที่เหนือกว่าเอามาเถียง เอาชนะท่าน เพราะ “ความคิดมันมีได้ไม่สิ้นสุด” พระพุทธเจ้าท่านบอกร้อย เราก็คิดไปห้าร้อยได้ นี่ ความคิดมันไม่สิ้นสุดหรอก คิดได้เรื่อยๆ ไม่มีจบ ต่อให้พระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมมากเท่าใด ก็เอาชนะพวกนี้ไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อยากเอาชนะใคร ท่านแสดงธรรม “ตามควร” เพื่อให้สัตว์ได้เห็นบ้างก็เท่านั้น ไม่ใช่จะแสดงเพื่อเอาชนะใคร ถ้าไร้ประโยชน์ท่านก็เลิกทำ

๓ สัมมาทิฐิเป็นเรื่องจิตไม่ใช่ความรู้
หลายคนเน้นผิดจุดนะ ไม่ได้เน้นที่จิตใจแต่ไปเน้นที่ “ความรู้” กูรู้ รู้ธรรมะอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แต่จิตใจไม่ตรงทาง แต่ “ลืมดูจิต” ขาดสติพิจารณาจิตว่าจิตตรงไปทางไหน? พอเห็นภาพไหมครับ รู้ธรรมะมากมายไปหมด แต่จิตไม่ตรงทางแถมขาดสติ ไม่รู้ว่าจิตตรงไปทางไหนแล้ว จิตตรงไปทางตรงข้ามกับพุทธะแล้วก็มี เพราะมัวแต่จะเถียงเอาชนะพุทธะ เลยมีธรรมะเยอะแยะเหลือเกินเต็มไปหมด นี่ไม่ใช่สัมมาทิฐินะ เพราะว่าสัมมาทิฐินั้น คือ “ความเห็นชอบ อันมาจากจิตที่เป็นกลางตรงทางตรงธรรม” จิตคนเราบางครั้งมันไม่ตรงที่สัจธรรมความจริง เพราะมันจดจ่อตรงไปที่ “การเอาชนะ” ก็มี เมื่อเบี่ยงทิศ เป๋ไปแล้ว จิตนั้นก็ไม่ตรงทางอีก

๔ ไปเกิดที่ไหนก็อยู่ที่จิตพาไป
“จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป” จิตนี่แหละ พาเราไปเกิด จิตมันไปทางไหนก็เกิดทางนั้น ถ้าเราเก่งธรรมะมากคิดธรรมะเอาชนะพระพุทธเจ้าได้หมด รับรองจิตเราตกอบายภูมิแน่นอน เพราะอะไร? เพราะจิตของเราต่อต้านพระพุทธเจ้า คิดแต่จะเอาชนะพระพุทธเจ้า จิตที่ต่อต้านพระพุทธเจ้ารุนแรงนี้เอง ที่พาเราไปทางตรงข้ามกับท่าน เราไม่ได้ไปเกิดเพราะ “ความคิด” ต่อให้คิดว่าเราคือพุทธะ คิดไปเถอะคิดให้ตายก็เป็นได้แค่ “อุปทาน” สุดท้าย เราก็ไปเกิดด้วยจิตๆ พาไปเท่านั้น ไม่มีสัญญาขันธ์มาพาไป จิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป ขันธ์ห้าไม่มาด้วย ดังนั้น ไอ้ความคิด, ความรู้, สัญญาขันธ์ทั้งหลาย มันช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก มีแต่จิตอย่างเดียวล้วนๆ

๕ ทำอย่างไรให้จิตตรงทางสัมมา?
หากมีคนมา “ปรับ” ให้เรา เหมือนมาตบ มาตี มาตะล่อม เหมือนช่างปั้นหม้อที่เขาต้องทุบๆ ทุบขวาบ้าง ทุบซ้ายบ้าง ฯลฯ เพื่อให้มันตรงทาง เข้าทาง เข้ารูปเข้ารอย นี่แหละคนที่เขามาช่วยให้เราได้สัมมาทิฐิ เขาจะทำแบบนี้ เราจะรู้สึกเหมือน “ถูกตบหัวซ้ายทีขวาที” แต่จงยอมเถอะครับ ถ้ารักตัวเอง และอยากให้ตัวเองมีจิตที่ตรงทาง หลุดพ้นได้ มันไม่ได้ทรมานอะไรมากมายเลย แต่เขาจะตะล่อมจิตของเราให้ตรง จิตของเราที่เป๋ไปนั้น ทำอย่างไรให้กลับมาตรงได้ มันก็ต้องตบซ้ายตบขวาบ้าง คนเราหลับไม่ยอมตื่น พูดเบาๆ ก็ไม่ตื่น มันก็ต้องกระทืบแรงๆ กันบ้าง อันนี้เรื่องจริง เพราะทำเบาๆ มันไม่ตื่นจริงๆ เขาเรียกว่าวัชระ คือกระแทกแรงๆ

การมีสัมมาทิฐินั้นมีค่ามากกว่าครองสมบัติทั้งโลกอีกครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?