ศีลเหนือมนุษย์คืออะไร?

หลายท่านยังแยกแยะไม่ออกระหว่างความเป็นปกติของ “ปุถุชน” และ “ผู้บำเพ็ญธรรม” บางคนคิดว่าสูงสุดกลับสู่สามัญ เลยไปทำตัวต่ำเสียเลยก็มี ไม่ใช่นะครับ ผู้บำเพ็ญธรรมสำเร็จจะมีจิตใจสูงกว่าเดิม และมีปกติศีลที่สูงกว่าเดิม ในบทความนี้ขออธิบายเรื่อง “ศีลเหนือมนุษย์” ว่ามีปกติเหนือกว่าปุถุชนอย่างไร ดังต่อไปนี้

  

๑ ทำไมต้องมีศีลเหนือมนุษย์?

เมื่อผู้ปฏิบัติธรรมสำเร็จมรรคผลแล้ว จิตวิญญาณของเขาจะกำเนิดใหม่สูงกว่าเดิม เช่น บ้างมีจิตวิญญาณเป็นเทพสมณะไม่ใช่แค่มนุษย์ธรรมดา และหากกายสังขารนั้นไม่มีศีลหรือศีลไม่มากพอ จิตวิญญาณที่อยู่ในกายนั้น “จะจรจากร่างไปได้” เพราะอะไร? เพราะหากจิตวิญญาณนั้นยังอยู่ในร่างที่ทำผิดศีล ก็จะเสื่อมจากภาวะที่เป็นอยู่ จิตวิญญาณมักจรจากร่างไปเพื่อความหลุดพ้นไม่ต้องเสื่อมตามสังขารที่ไม่มีศีล หรือมีศีลบกพร่องนั้น เพราะเหตุนี้เอง แม้เราปฏิบัติธรรมได้มรรคผลแล้ว ก็ยังต้องมีศีลและยิ่งต้องมีศีลที่เหนือกว่าเดิมด้วย เพราะหากร่างสังขารเราบกพร่องในศีลแล้ว จิตวิญญาณที่ดีงามในกายของเราก็จะจรจากไปได้

๒ ศีลเหนือมนุษย์คืออะไร?

ศีลคือความเป็นปกติ ทว่า ความเป็นปกติของมนุษย์ก็อย่าง ความเป็นปกติของเทวดาก็อย่าง ไม่เหมือนกัน ความเป็นปกติของเทวดาย่อมสูงกว่ามนุษย์ นั่นคือ ศีลของเทวดาย่อมมากกว่ามนุษย์ ดังนั้น เมื่อมนุษย์เราคนใด “กำเนิดใหม่” จิตวิญญาณเดิมตายลง เกิดใหม่เป็นจิตวิญญาณใหม่ที่สูงกว่าเดิม เช่น เทพสมณะแล้ว ย่อมจะต้องมีศีลหรือความเป็นปกติที่ “เหนือมนุษย์” เหนือกว่าเดิม มากกว่าเดิม เป็นธรรมดา เช่น ปกติคนทั่วไปจะกินข้าวสามมื้อ แต่ทำไมพระฉันมื้อเดียว? นี่คือภาวะปกติของจิตวิญญาณระดับสูงครับ ที่จะไม่หิว มักจะอิ่มทิพย์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้น การฉันมื้อเดียวเพื่อให้ร่างกายได้อาหารบ้างก็พอ แต่ความหิวโหยไม่มี

๓ ศีลพระเยอะเกินปกติปุถุชน?

แน่นอนครับว่าศีลของพระต้องเยอะเกินกว่าปกติปุถุชน เพราะดังที่ได้อธิบายมาแล้วว่า “ปกติศีลของเทวดาย่อมสูงกว่ามนุษย์” พระนั้น หากสำเร็จจริงจิตวิญญาณข้างในจะเป็นเทพได้เช่น เทพสมณะ, เทพกุมาร ฯลฯ หากมีตาทิพย์จะมองเห็นกายทิพย์ของพระที่เป็นพระแท้ เป็นพระที่ใจนั้น สวมจีวรคล้ายๆ พระที่เราเห็นแต่มีลักษณะดีกว่า นี่คือ “กายเทพสมณะ” เป็นเทพที่อยู่สวรรค์ชั้นที่สามครับ เมื่อจิตวิญญาณของพระสูงกว่าปุถุชนทั่วไป ดังนั้น พระจึงต้องมีศีลที่เหนือกว่าปุถุชนทั่วไป จะมาบอกว่าศีลคือความเป็นปกติ แล้วทำตัวให้ปกติแบบปุถุชน คือ มีลูกเมียกันนั้น มิได้ พระท่านไม่มีลูกเมียแล้วเพราะจิตท่านสูงกว่าปกติของปุถุชนแล้ว

๔ การถูกหลอกให้เสียจิตวิญญาณ

ในโลกทิพย์นั้นมี “ผู้ล่า” อยู่ ผู้ล่าจะหลอกล่อให้เราสูญเสียจิตวิญญาณให้เขาได้ เขาจะเอาจิตวิญญาณเราไปทำอะไร? ก็ง่ายๆ ครับ เอาไปเป็นทาส ไปใช้งาน เพื่อสร้างอำนาจให้ตัวเองยิ่งใหญ่อยู่ในโลกได้ ผู้ล่านี้จะหลอกล่อให้เรา “ผิดศีล” เพื่อให้เราเสื่อมในธรรม บกพร่องในพระวินัย เมื่อเราพลาดแล้ว จิตวิญญาณที่อยู่ในร่างเราจะอยู่ไม่ได้ จะต้องจรจากร่างไป เพราะถ้าเขาอยู่ เขาจะเสื่อมในธรรม เขาจะต้องจรจากร่างไปเพื่อเอาความรอด ความหลุดพ้น เมื่อร่างเราสูญเสียจิตวิญญาณที่ดี ที่สูงส่งนั้นไปแล้ว ผู้ล่าก็จะยึดเอาร่างเราได้ หลายคนตกเป็น “ร่างหุ่น” ให้จิตวิญญาณร้ายอาศัย เชิดเหมือนหุ่น ให้คนลุ่มหลงกราบไหว้แต่ไม่ใช่ของจริง

๕ ทำไมร่างกายกับจิตใจไม่ตรงกัน?

หลายท่านอาจสงสัยว่าหากเราได้จิตวิญญาณที่ดี เราก็ต้องเป็นตัวนั้น ตัวที่ดี ไม่ใช่หรือ เรากับจิตวิญญาณคือสิ่งเดียวกัน มิใช่หรือ ไม่ใช่ครับ อย่ายึดมั่นถือมั่นเช่นนั้น แม้แต่จิตวิญญาณก็ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ หากคุณยึดมั่นถือมั่นในจิตวิญญาณเมื่อไร คุณก็เข้าสู่ลัทธิ “อาตมัน” แล้ว ลัทธิอาตมันจะตรงข้ามกับลัทธินิรัตตาคือ จะเห็นว่า “มีตัวตนแท้จริงอยู่” และตัวตนแท้นั้นคือจิตวิญญาณของเรานี่ละ ทว่า พระสมณโคดมตรัสรู้แล้วก็แสดงธรรมไว้ชัดเจนว่า “ธรรมใดๆ ล้วนไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนของตน” ที่จะยึดได้ครับ ดังนั้น แม้เราจะปฏิบัติธรรมจนได้จิตวิญญาณดีแล้ว อาจเพราะมันสุกงอมเต็มที่มาจากชาติก่อนที่ทำมา แต่ก็สูญเสียไปได้เช่นกัน

หลายคนจะต้องมา “ฟื้นฟูจิตญาณเดิมแท้” ก่อน เพราะเหตุนี้ครับ