ทำไมต้องให้คนอื่นช่วยแก้กรรม?
“ผงเข้าตาต้องให้คนอื่นช่วยเอาออก”
ฉันใดก็ฉันนั้น เจ้ากรรมนายเวรแค้นเรามาก
เราต้องให้คนอื่นที่เขาไม่มีความแค้นต่อกันเป็นตัวกลางช่วยเคลียร์ จริงมั้ย? เอาละ
หลายท่านอาจเห็นแย้งในประเด็นนี้มากมาย จะขออธิบายขยายความเพิ่มเติมก็แล้วกันว่าทำไมเราควรให้คนอื่นช่วยแก้กรรมให้
ดังจะอธิบายต่อไปนี้ครับ
๑ ไม่ใช่ให้ไปหลงผู้วิเศษ
อย่างแรกคุณควรเข้าใจให้ตรงว่าบทความนี้ไม่ได้ให้คุณไปหลงผู้วิเศษใดๆ
ทั้งสิ้น และคนที่ช่วยเราเขี่ยผงที่เข้าตาให้เรา เขาก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้วิเศษอะไรหรอก
จริงไหมครับ เพียงแต่เขาอยู่ในจุดที่เขี่ยผงให้เราได้ ก็แค่นั้นเอง
เหมือนราชสีห์กับหนูไงครับ หนูไม่ได้วิเศษเลอเลิศมาจากไหน
แต่ช่วยราชสีห์ที่ติดบ่วงได้ เพราะตนไม่ได้ติดบ่วงไปด้วยนี่ จริงไหมครับ? เช่นกัน
เมื่อคุณมีกรรม เจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมปล่อยคุณเสียที
นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้ากรรมนายเวรจะร้ายกับคนทุกคนนะ คนที่มาช่วยเราได้
อาจเจรจากับเจ้ากรรมฯ นั้น ให้ประนีประนอมกับเรา ก็ได้ และคนๆ
นั้นไม่ต้องวิเศษอะไร เพียงเพราะเจ้ากรรมไม่มีแค้นต่อเขาเท่านั้นเอง
๒ ไม่ใช่ให้เราเป็นปัจเจกพุทธะ
หากคุณไม่บำเพ็ญบารมีร่วมกันใครเลย
ทำเองทั้งหมด คุณก็จะสำเร็จเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ครับ ดังนั้น
เขาจะให้บริวารมากมายมาร่วมบารมีกับคุณ ไม่ว่าจะมาอยู่ในรูปพระหรือฆราวาสห่มขาวก็ตาม
คุณควรจะเปิดใจให้กว้างๆ หน่อย และเข้าใจการทำงานเป็นทีม อย่าเป็นฮีโร่คนเดียวแบบพระปัจเจกฯ
เพราะไม่ใช่ยุคสมัยของพระปัจเจกฯ จะมีได้ในโลกครับ การที่มีคนมาช่วยแก้กรรมให้คุณ
คือ เขาเอาบุญบารมีของเขามาดู มาช่วยเหลือคุณ อย่าคิดว่ากรรมเที่ยง เป็นตัวกูของกู
อย่ายึดมั่นถือมั่นแบบนั้น เพราะอะไร? เพราะว่ากรรมนี้ไม่ได้ต้องใช้ทีเดียว
ชาติเดียวหมด มันเป็นการผ่อนชำระหลายชาติครับ ดังนั้น ชาตินี้มีคนมาช่วยคุณก็ได้
๓ เรื่องกรรม
เทพพรหมช่วยไม่ได้
คุณจำไว้เลยว่าเทพพรหมท่านจะไม่ละเมิดกฏแห่งกรรม
ถ้าเรามีกรรม เจ้ากรรมนายเวรนั้นจะใหญ่สุด ดั่งพระเจ้าก็ไม่ปาน เพราะเขาเป็น
“เจ้าในกรรมนั้นๆ” เขาจะปล่อยหรือไม่ปล่อยเรา อยู่ที่เขาอย่างเดียว
แม้แต่เทพพรหมบนสวรรค์ก็ช่วยไม่ได้ ยุ่งไม่ได้ครับ “แต่มนุษย์ด้วยกันช่วยกันได้”
เพราะอะไร? เพราะมนุษย์นั้นมี “เจตจำนงเสรี” ที่จะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ในกรอบขอบเขตของปกติศีลของมนุษย์
แต่เทพพรหมนั้นมีกฏอยู่ว่า “ห้ามละเมิดกฏแห่งกรรม”
แม้ว่าจะรักและสงสารเราเท่าไรก็ช่วยเราไม่ได้ครับ ดังนั้น หากเป็นเรื่องกรรม
คุณไม่อาจขอจากเทพพรหมได้เลย คุณต้องอาศัย “เพื่อนมนุษย์ด้วยกันนี่ละ” ช่วยเอาผงในตาออกให้ครับ
๔ ผู้ช่วยแก้กรรม
ก็มนุษย์ธรรมดา
แต่หลายครั้ง
เรามักเห็นเขาทำตัวเหมือนผู้วิเศษใช่ไหมครับ? อันนี้ก็เป็น “ละครในโลก” นะ
เขาต้องแสดงไปเช่นนั้น เพราะคนในโลกนี้ คนมีปัญญามีน้อย
คนโง่เขลามืดบอดมีมากมายไงละครับ การแสดงละครแบบนี้ ก็ช่วยได้แน่นอน คนแห่กันมากราบไหว้มากมาย
ก็ไร้สาระจริงๆ น่ะละครับ แต่ในความไร้สาระมันก็มีเหตุผลซ่อนอยู่
ดังที่กล่าวไว้แล้ว ทีนี้ ผู้ที่มาช่วยเราแก้กรรมนั้น เขาก็คือ มนุษย์ธรรมดาที่ปรารถนาจะบำเพ็ญบารมีร่วมกับเรา
เขาช่วยเราได้เพราะเขาไม่มีหนี้กรรมกับเจ้ากรรมนายเวร ส่วนเราที่แก้เองไม่ได้
เพราะเจ้ากรรมฯ เขาแค้นเรามากและเป็นใหญ่ในกรรมนั้นครับ ดังที่อุปมาเรื่องผงเข้าตา
ต้องให้คนอื่นช่วยเขี่ยออกให้ไงครับ
๕ วิธีการแก้กรรมที่ดีคืออย่างไร?
ถ้ามีคนกำลังทะเลาะกันอยู่
วิธีช่วยที่ดีคืออย่างไรครับ? ก็คือ แยกเอาทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ไม่ใช่เข้าข้างใดข้างหนึ่งแล้วเล่นงานอีกข้างหนึ่ง
แบบนั้น ก็จะเกิดความแค้นต่อกันไปไม่จบสิ้น จริงไหม? เช่นกัน ในการแก้กรรมนั้น
เราไม่ได้ทำให้กรรมนั้นหายไป แต่ “ทำให้การผ่อนชำระชดใช้ในชาตินั้นจบลงก่อน”
เพื่อชำระชดใช้กันในชาติอื่นแทน
อาจเพราะชาตินั้นเรารับกรรมมากแล้วหรือมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้สำเร็จ
มิควรถูกขัดขวางรบกวน คนที่ช่วยลดกรรมให้เรา อาจเอาเจ้ากรรมนายเวรไปจากเรา
เพื่อเอาไปโปรดให้หายแค้นเรา ในขณะเดียวกันก็ให้เจ้ากรรมของเราช่วยเหลืองานเขา
เพื่อบำเพ็ญบารมีให้หลุดพ้นกันไป ดีทั้งสองฝ่าย
ปล. การแก้กรรมมิใช่เรื่องง่าย
เป็นอจิณไตย ไม่ใช่ใครก็ทำได้ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น