การบำเพ็ญบารมีด้วยการเล่นเกม




ปัจจุบัน ทั่วโลกและประเทศไทยมีเด็กติดเกมมากมาย จนหลายท่านเป็นห่วงกันว่าเยาวชนของชาติจะเป็นอย่างไรในอนาคต? ในบทความฉบับนี้ ขออธิบายแนวคิดว่าเราจะใช้เกมเป็นสมมุติธรรมเพื่อการสร้างบารมีได้อย่างไร? เพื่อที่จะได้โปรดเยาวชนของชาติให้มาสู่วิถีทางแห่งการบำเพ็ญเพื่อส่วนรวมให้ได้ ดังต่อไปนี้

๑ เปลือกและแก่นของเกม
ทุกสมมุติธรรมย่อมมีวิมุติธรรมดุจดั่งเช่นไม้ มีเปลือกก็ต้องมีแก่น เกมก็เช่นกัน เปลือกของเกมคือสมมุติ ให้เราเล่นเกมไปตามสมมุติ ตามกติกานั้นๆ โลกก็สมมุติ พระราชาในโลกก็สมมุติ พระราชาในเกมก็สมมุติ มันก็สมมุติหมดนั่นแหละ ทีนี้ เราไปเล่นเกมสมมุติว่าเราเป็นพระราชาบ้าง อะไรบ้าง ก็หยิบยืมใช้สมมุตินี้ เพื่อการบำเพ็ญบารมีได้เช่นกัน แก่นของมันอยู่ที่การปฏิบัติธรรม อยู่ที่การบำเพ็ญบารมี เปลือกของมันก็อยู่ตรงภาพและทุกสิ่งทุกอย่างในเกม ของในเกมล้วนสมมุติหมด แต่มันก็มีของจริงคือ มีคนเล่นจริงๆ มีเราเล่นจริง มีเพื่อนเราเล่นจริง เราและเพื่อนย่อมสร้างบุญบารมีร่วมกันได้ จริงไหมครับ โดยไม่ต้องแย่งทางโลกเขาเลย

๒ การสร้างบารมีต่อยอดอดีตชาติ
สมมุติอดีตชาติ คุณเคยสร้างบารมีด้วยการหนุนให้เพื่อนเป็นพระราชามาแล้ว ทำสงครามก็ทำมาแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำซ้ำๆ อีกครับ แต่คุณจำเป็น “ต้องทำพอเป็นพิธี” บ้าง ถ้าไม่ทำเลย ก็เหมือนคุณมีหีบสมบัติ แต่ไม่ได้เอากุญแจไขออกมาเลย แต่ถ้าคุณทำพอเป็นพิธี แล้วทำขึ้น มันก็จะได้ผลเหมือนไขหีบสมบัตินั่นละ จริงๆ ไม่ใช่แค่การเล่นเกม อะไรก็ได้ จัดแจกัน, ทำอาหาร, เล่นฟุตบอล ฯลฯ ได้หมดนะ เพราะทุกอย่างก็แค่สมมุติ เราแค่หยิบยืมสมมุติมาใช้เท่านั้นเอง การทำสิ่งใหม่นั้นมันเหมือนคุณปลูกมะม่วงต้นใหม่ ก็นานกว่าจะมีผล แต่การทำสิ่งเก่าๆ แบบ “สมุมติพอเป็นพิธี” เช่น เล่นเกมทำสงคราม จะให้ผลเหมือนไขหีบสมบัติ

๓ ข้อดีข้อเสียของบำเพ็ญบารมีด้วยเกม
ข้อดีของการเล่นเกมคือ “กรรมเบาบาง” เช่น การทำสงครามในเกม เราไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ ใช่ไหมครับ ข้อเสียคือ เราจะมีกรรมพัวพันกับคนน้อย ถ้าเราเอาคนเป็นล้านมาทำสงครามด้วยจริงๆ เราจะมีกรรมพัวพันผู้คน จำนวนมากแต่ถ้าเราเล่นเกมกับเพื่อนในทีมสิบคน เราไม่ได้เอาคนมาทำสงครามจริงๆ เราจะมีกรรมร่วมกับเพื่อนแค่สิบคนนั้น กรรมก็เบาบาง แต่มันคือ “จุดเริ่มต้นที่ดี” ดียังไง? ก็ดีที่ทำกรรมน้อยไงครับ ถ้าทำกรรมมากในยุคนี้ มีโอกาสไปเกิดกลียุค ไม่ก็ไม่เหลือบุญบารมี ไม่ได้กลับสวรรค์ ไม่มีคิวเกิดเป็นมนุษย์ ต้องเป็นจิตวิญญาณเร่ร่อนบนโลกแทน ดังนั้น เริ่มต้นจากน้อยทำกรรมเบาบาง แล้วค่อยขยายผลในชาติหน้าดีกว่า
                                                                                                   
๔ การเล่นเกมคือไม่รับผิดชอบต่อสังคม?
หลายคนอาจคิดว่าเด็กติดเกมคือคนที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคม ไม่ทำอะไร คุณครับ “ไอ้ที่เล่นเกม มันก็คนนี่ครับ คนเล่นเกมเยอะไหม? แล้วมันคือสังคมหรือเปล่า?” ในเมื่อคนเล่นเกมเยอะแยะ เขาก็คือเวไนยสัตว์ที่รอให้คนมาโปรดเช่นกัน และคือสังคมมนุษย์เช่นกัน การเล่นเกมนั้นต้องเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ และสังคมคนเล่นเกมอยู่แล้ว จะบอกว่าหนีสังคม ไม่เอาสังคม ไม่รับผิดชอบสังคม ก็คงไม่ใช่ จริงไหม? ที่ไหนมีคน ที่นั่นก็มีสังคม นี่คือ ธรรมดา ดังนั้น การเล่นเกมย่อมเป็นวิถีแห่งโพธิมรรคได้ หากคุณ “ใช้กิเลสเป็นโพธิ” ให้เป็นได้ จริงไหมครับ? ปัจจุบันมีเด็กไทย “ติดเกม” ติดมือถือ, ติดเน็ต ฯลฯ มากมาย นี่คือ สัตว์ที่รอการโปรดอยู่ครับ

๕ เทคนิคการใช้เกมสร้างบารมี
เท่าที่กล่าวมาแล้วนี้ ไม่ได้สรุปว่าคนเล่นเกมทุกคนเป็นคนดีหรือไม่ดี จะบำเพ็ญบารมีสำเร็จหรือไม่สำเร็จนะครับ เพราะเป็นธรรมดาของทุกที่ ทุกสิ่ง ทุกสังคม ที่จะมีคนที่ใช่และไม่ใช่อยู่ร่วมกัน ในกลุ่มคนเล่นเกมก็มีคนที่บำเพ็ญสำเร็จและไม่สำเร็จครับ ถามว่า “มีเทคนิคอะไรทำให้ใช้เกมสร้างบารมีได้สำเร็จบ้าง” คำตอบคือ คุณต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง “แก่นกับเปลือก” ถ้าคุณหลงสิ่งที่อยู่ในเกม สิ่งที่เกมหลอกล่อมาก เช่น คุณอยากชนะมากเกินไป คุณก็จะถลำเข้าไปสู่ “โลกสมมุติ” ที่เป็นส่วนเปลือก แต่ถ้าคุณยอมแพ้เพื่อเพื่อนจะได้ชนะแทน คุณเห็นเพื่อนสำคัญกว่าชัยชนะในเกม นั่นคือ คุณเข้าสู่ “โลกความจริง” อันเป็นแก่นแท้ครับ

ทุกอย่างในเกมล้วนสมมุติ ไม่จริงเลย แต่ทุกคนที่เล่นก็คือความจริง

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?