ลักษณะของร่างหุ่น




ในบทความก่อนๆ ได้อธิบายเรื่องการสูญเสียจิตวิญญาณของมนุษย์จนกลายเป็น “ร่างหุ่น” ให้จิตวิญญาณอื่นมาอาศัยอยู่มาบ้างแล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วจะดูได้อย่างไรว่าใครเป็นร่างหุ่นบ้าง? ในบทความนี้จะขออธิบายถึงคนที่เป็นร่างหุ่นว่ามีลักษณะอย่างไร สามารถสังเกตุได้ด้วยตาเปล่าได้ยังไง ดังต่อไปนี้ครับ
  
๑ จะดูดีมากกว่าปกติ
แต่ไม่ใช่ผลจากการปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องครับเช่น ดูเหมือนพระโพธิสัตว์ ทว่า ไม่ใช่การสำเร็จโพธิจิตจริง คนปกติที่ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณ ยังคงจิตเดิมแท้อยู่ เขาก็จะดูเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่แตกต่างไปมากนัก แต่คนที่ “กลายเป็นหุ่นของบางสิ่ง” สิ่งๆ นั้นจะมาอยู่ในร่างแล้วทำให้ร่างดูดีกว่าปกติ กว่าเดิม เช่น ทำให้ดูสวยหล่อกว่าเดิม, ทำศัลยกรรมจนเปลี่ยนไปจากเดิม, อยู่ๆ เก่งขึ้นอย่างผิดปกติ, อยู่ๆ ร่ำรวยอย่างผิดปกติ ฯลฯ สิ่งที่ดูดีมากกว่าปกติที่เป็นนี้เอง เราจะต้องมีสติเท่าทัน และรู้จักตั้งคำถามว่า “มาจากสาเหตุใด?” ถ้ามาจากการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ละ? ก็อาจจะมาจากการตกเป็นร่างของบางสิ่งก็ได้ครับ

๒ จะปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้อง
หรือไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลย แล้วเปลี่ยนแปลงไปจากปกติที่เป็นในระดับจิตวิญญาณ ไม่ใช่ระดับความคิดหรือระดับพฤติกรรมนะครับ หลายคนปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้องเพราะไม่มีครูหรือลองผิดลองถูกกันไปเอง แล้วก็ตกเป็นร่างของปีศาจบ้าง, ร่างของฤษีบ้าง ฯลฯ ส่งผลให้เขาดูดีราวกับว่าเป็นผู้วิเศษเลย ทว่า นั่นไม่ใช่ของจริง หากมัวหลงอยู่แต่ “สิ่งที่ปีศาจให้” เช่น ลาภสักการะ, เงินทอง, ชื่อเสียง, ความเด่นดัง, สาวกบริวาร ฯลฯ จะตกเป็นร่างของมันอย่างแท้จริง สุดท้าย เกินจะเยียวยาไม่อาจช่วยอะไรได้อีก เบื้องบนก็จะ “ทำลายร่างทิ้ง” เพื่อไม่ให้ร่างนั้นถูกใช้โดยปีศาจหรือสิ่งที่ไม่ดี นี่คือ ผลจากการปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้อง (ร้ายแรงกว่าหลงโลก)
                                                                                                   
จะไม่มีแรงขับดันของตัวเองจริงๆ
เช่น ไม่มีแรงขับดันให้ทำอะไร แต่พอมี “สิ่งเร้า” มากระตุ้นก็จะมีพฤติกรรม “ไหลไปตามเงื่อนไข” ต่างๆ ทั้งที่เป็นลบและบวก ทั้งที่คล้อยตามและขัดแย้ง คนบางคนกลัวคนอื่นรู้ว่าตน ไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็พยายามที่จะไม่ไหลตามใคร ก็จะใช้วิธี “ปฏิพากย์” หรือการทำตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม เขาไปขวา เราจะไปซ้าย เขาว่าถูก เราจะว่าผิด ฯลฯ เคยเห็นคนแบบนี้ไหม? แต่พอไม่มีใครไปตอแยด้วย เป็นไงครับ ก็ไม่รู้จะทำอะไร หมดแล้ว นี่คือ ไม่มีแรงขับดันของตัวเองจริงๆ แต่ที่ทำนั่นนี่มากมาย เถียงเขา เอาชนะคะคานเขา ต่อต้านเขาอะไรนั่น ล้วนไหลไปตาม “เงื่อนไขบวกและลบ” ที่มีต่อเขานั่นเอง นี่คือ ลักษณะของคนที่ไม่เป็นตัวของตัวเองไงครับ
                                                                                                   
๔ เวลาทำอะไรเหมือนถูกโปรมแกรม
เหมือนคนโดนยาสั่งครับ ไม่ทำไม่ได้จะต้องทำให้ได้ ดื้อรั้นดันทุรังจะเอาให้ได้ ถ้าทำไม่ได้เหมือนจะตายเสียอย่างนั้น นี่เพราะอะไร? เพราะเขาถูกควบคุมอยู่โดยบางสิ่งนั่นเอง เขาอาจไม่รู้ตัวเองว่าตนถูกควบคุม ราวกับหุ่นยนต์ที่ถูกบังคับ เพราะเขามองไม่เห็น ไม่รู้ว่ามีบางสิ่งควบคุมเขาอยู่ คนปกตินั้นไม่ทำก็ได้ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย จริงไหมครับ? ไม่ทำแล้วมันจะตายอย่างนั้นเลยหรือ? โอ้ย ไม่หรอก คนปกติเขาไม่เป็นกัน แต่คนที่ตกเป็นร่างหุ่น ไม่ใช่ครับ เขาถูกควบคุมอยู่โดยบางสิ่ง ต่อให้ต้องดื้อรั้นดันทุรังแค่ไหนเขาก็จะทำต่อไป หยุดไม่ได้ สุดท้ายเขาก็จ่ายความพากเพียรให้ความดื้อรั้นแทนที่จะจ่ายความพากเพียรให้การบำเพ็ญบารมีครับ

๕ มีช่วงเวลาที่ “หมดสภาพ” ร่อแร่?
เพราะจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างไม่เที่ยง เขาอาจจรจากร่างได้ด้วยหลายเหตุ เมื่อใดที่ร่างสูญเสียจิตวิญญาณที่มีฤทธิ์มากไป ก็จะมีอาการ “หมดสภาพ” ครับ เคยเป็นไหม ทำไมวันนี้เราหมดเรี่ยวแรง ไม่มีพลัง ไม่เหลืออะไรเลย? นั่นละ จิตวิญญาณที่มีฤทธิ์มากในร่างของเรา เขาอาจจรจากร่างเราไป เมื่อเขาไม่อยู่แล้ว เราจะมีสภาพเป็นแบบนั้น เพราะเราที่แท้จริง “ไม่เหลืออะไรเลย” แม้แต่จิตวิญญาณเดิมแท้ของตัวเอง ที่เราดูดีได้อยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะมีจิตวิญญาณที่มีฤทธิ์มากมาครองร่าง แต่นั่นไม่ใช่ตัวเราจริงๆ มันหลอกให้เราหลงว่ามีดี ว่าเก่งอะไรมากมาย ทว่า ในความเป็นจริงแล้ว เราอาจเป็นแค่คนอ่อนแอที่เอาตัวเองแทบจะไม่รอดก็ได้
                             
ลักษณะทั้ง 5 ประการนี้ เป็นข้อสังเกตุว่าคุณตกเป็นร่างหุ่นครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?