สมมุติธรรมปัจจุบัน
ในบทความก่อนได้อธิบายเรื่องสมมุติธรรมที่เป็นดั่งนิ้วที่ชี้ดวงจันทร์กันไปเป็นเบื้องต้นแล้ว
เพื่อให้เห็นชัด เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ในบทความนี้จะขอนำมาอธิบายขยายความให้ดูเป็นรูปธรรมซ้ำอีกครั้ง ในระบบที่ไม่ต้องตรัสรู้เองก็ได้
แต่เราสามารถประยุกต์หลักการใช้สมมุติธรรมปัจจุบันกับชีวิตของเราได้ยังไง ดังต่อไปนี้
๑ จงเคารพสมมุติธรรม
เช่น
ถ้าเราเกิดมาเป็นผู้หญิงอยู่ในสังคมไทยที่ให้ผู้ชายเป็นนำ ผู้หญิงเป็นผู้ตาม หากเราเคารพสมมุติธรรม
เราก็จะไม่ทรยศต่อตัวเราเอง ถามว่าทำไมเรียกว่าการทรยศต่อตัวเอง? คืออย่างนี้ครับ
ตอนเราอยู่สวรรค์นี้ เราจะเห็นอนาคตของเราเองได้ก่อนเกิด
บางคนเป็นภาคอวตารของพระโพธิสัตว์ สามารถเลือกเพศเกิดได้
จะใช้รูปลักษณ์ชายหรือหญิงก็ได้ บางคนไม่เลือกมาเป็นชาย
เพราะเห็นตัวเองหากเป็นชายแล้วจะหลงทาง หลงตัวเอง ทำสิ่งที่ผิด
เลยมาเป็นหญิงเพื่อที่จะทำหน้าที่ของฝ่ายสนับสนุนแล้วให้พระโพธิสัตว์อีกองค์เป็นผู้นำ
เมื่อคุณวางแผนมาแบบนี้คุณจึงเกิดเป็นผู้หญิง
แต่เมื่อทรยศตัวเอง คุณก็ไม่ยอมเดินตามแผนตัวเอง
๒ จงเชื่อในสิ่งที่คุณเป็นอยู่
ทุกอย่างถูกวางแผนและออกแบบมา
“ดีที่สุดแล้ว” สำหรับคุณ และคนที่วางแผนเลือกทางเดินนี้ไม่ใช่ใคร ก็คือ คุณเอง
เมื่อคุณอยู่บนสวรรค์ ก่อนลงมาเกิดคุณเห็นอนาคตตัวเองได้ คุณเลยวางแผนเพื่อสร้างทางเดินให้ตัวเอง
เช่น ถ้าคุณเกิดมารวยคุณจะหลงตัวเองและทำสิ่งผิดพลาด คุณก็เลย “ใช้ความจน”
เป็นเครื่องมือในการช่วยการบำเพ็ญของคุณเท่านั้นเอง ดังนั้น
จงเชื่อในสิ่งที่คุณเป็นอยู่ว่า “มันดีที่สุดแล้ว” บางคนพอจนเข้าหน่อยก็
“สูญเสียความเชื่อมั่น” พยายามจะเป็นอย่างอื่นที่ตัวเองไม่ได้เป็น
ตัวเองจนแต่หลอกตัวเองว่ารวยเพราะไม่อยากจนก็มี อย่าทำอย่างนี้ครับ
จงเคารพสมมุติและเชื่อมั่นในธรรมปัจจุบันในสิ่งที่ตัวเองเป็น
๓ ทุกอย่างในปัจจุบันมันใช่อยู่แล้ว
นี่คืออีกข้อที่คุณควรตระหนัก
หลายคนไม่ยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตัวเองเกิดเป็นหญิงแต่อยากทำตัวเลียนแบบพระให้คนมากราบไหว้ แบบนี้ก็มี
ผู้เขียนจะยกตัวอย่างตัวละครสมมุติให้คุณเข้าใจนะครับ อึ้งย้ง มีพ่อคือ
“มารบูรพา” เป็นมาร ตนเองก็เลยต้องเป็นมารด้วย มีฉายาว่ามารบูรพาน้อย ทว่า
เพราะเขาวางแผนมาเกิดดี คือ เกิดเป็นหญิงแล้วมีความรักต่อก๊วยเจ๋ง ผลคือ
กลับร้ายกลายเป็นดี เมื่อเขาต้องทำตัวเป็นภรรยาที่ดี เป็นผู้ตาม
แม้ว่าจะเป็นจอมยุทธหญิงเก่งแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วจึงไม่กลายเป็นมารครับ
แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับความจริงที่เป็นหญิง อยากเหนือสามี อยากเหนือชาย เขาก็จะต้องกลายเป็นมารครับ
๔ สิ่งที่ดีงามตามอุดมคติ
คุณต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง
“ความเป็นจริงในปัจจุบัน” กับ “สิ่งที่ดีงามตามอุดมคติ”
สองอย่างนี้อาจไม่เหมือนกัน ก็ได้ ชีวิตจริงของเรามันอาจไม่เพอร์เฟค
ดีงามตามอุดมคติไปเสียทุกอย่าง อย่างนั้น แต่มันก็คือ “ความจริงที่เราต้องยอมรับ”
ส่วนอุดมคติที่ดีงามสมบูรณ์แบบนั้น มันไม่ใช่ความจริง
แม้มันจะดีงามและถูกไปเสียทุกอย่างก็ตาม เช่น ทำไมบางคนเกิดเป็นหญิง
ต้องเป็นช้างเท้าหลังด้วย ทำไมไม่เกิดเป็นชาย? ความเป็นจริงตรงนี้ “มันดีอยู่แล้ว”
มันถูกวางแผนมาอย่างดีแล้ว โดยตัวคุณเองน่ะละที่เหลือที่จะเกิดมาเป็นเช่นนี้
อย่าพยายามไปทำอะไรที่ดูดีงามตาม “อุปทานคิดฝัน” กันไปเองเลยครับ
ยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ดีกว่า
๕ แบบนี้เท่ากับไร้ความคิดสร้างสรรค์?
ไม่ใช่นะครับ ที่ผู้เขียนกล่าวมานี้ไม่ได้ต้องการให้คุณขาดความคิดสร้างสรรค์
ขาดพลังใจและแรงบันดาลใจอะไร ตรงข้าม ผู้เขียนกำลัง “ปูพื้นฐาน”
ที่มั่นคงรองรับความคิดสร้างสรรค์ให้คุณต่างหาก การยอมรับความจริง
การอยู่กับสิ่งที่เป็นในปัจจุบันคือรากฐานที่ดีที่มั่นคง เมื่อคุณมีฐานที่มั่นคงแล้วจะต่อยอดไปสู่ความคิดสร้างสรรค์อะไรก็ได้มากมาย
แต่หากคุณไม่มีพื้นฐานที่ยืนอยู่บนความเป็นจริงในปัจจุบัน คุณจะกลายเป็น
“คนที่มีแต่ความฝัน” หรือไม่ก็กลายเป็นคนที่ทำลายสมมมุติธรรมในปัจจุบันเพื่อให้ได้ดั่งใจฝันของคุณ
นี่คือ อันตรายอย่างยิ่งครับ คนเรามีความฝันได้
แต่ความฝันนั้นก็ไม่ควรทำลายความจริงที่คุณเป็นอยู่ในปัจจุบัน
ทุกอย่างล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ที่ทำให้เราต้องเป็นอย่างนี้ครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น