การขยายพันธุ์ของปีศาจ
ในหลายๆ
บทความก่อนหน้านี้ได้อธิบายว่าคนอาจไม่ใช่มนุษย์ไปบ้างแล้ว เพราะหากคนสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปมากๆ
จนไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกเลย พวกเขาอาจตกเป็น “ร่างหุ่น”
ของสิ่งมีชีวิตอีกมิติได้ ในบทความนี้ จะขออธิบายว่า “มนุษย์ร่างหุ่น” ที่ตกเป็นร่างของปีศาจ
มีการขยายเผ่าพันธุ์อย่างไร ดังต่อไปนี้
๑ การครอบงำให้ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ
เมื่อคนเราทำกรรมชั่วอันหนักมากพอ
ก็จะเสื่อมไปเกิดเป็นปีศาจได้ ปีศาจต้องการขยายบริวารเผ่าพันธุ์ของตน
เพื่อสร้างอำนาจในการดำรงอยู่ในโลกนี้ เพราะปีศาจไม่ได้มีบุญอยู่สุขสบายเหมือนเทวดา
พวกนี้อยากมีชีวิตเหมือนเทพก็สร้างอำนาจด้วยการขยายเผ่าพันธุ์ ทำให้มนุษย์เสื่อมเป็นปีศาจเหมือนกับตน
ปีศาจจะรู้ว่ามนุษย์คิดอะไร ต้องการอะไร ก็จะอาศัยการอ่านความคิดของคนเพื่อหลอกให้ทำกรรมให้เสื่อม
เช่น การทำกรรมกับคนที่ไม่ควรกระทำ เพียงเพราะเขาอาจเป็นคนที่ดูต่ำต้อย เปลือกนอกไม่มีอะไรดี
ปีศาจก็หลอกเราว่าเล่นงานคนๆ นี้แหละ ง่ายดี ที่ไหนได้ คนๆ
นั้นอาจมีบารมีธรรมมากก็ได้ นี่คือ วิธีหลอกของพวกปีศาจ
๒ การแทนที่อยู่ในร่างของคน
เมื่อมิติที่ปีศาจถูกกักอยู่ได้แตกออกหรือเปิดออกมาแล้ว
ปีศาจมากมายจะแห่มาสู่โลกมนุษย์ พวกนี้เมื่อมาแรกๆ พลังยังอ่อน ก็จะหาร่างที่
“พอจะคุมจิตได้” เช่น คนป่วย, คนจิตตก, คนที่มีความทุกข์ ฯลฯ เพื่ออาศัยร่างมนุษย์
และจะแสวงหาร่างใหม่ๆ ที่ดีกว่าไปเรื่อยๆ เมื่อมันมีพลังมากขึ้น
จำนวนคนที่มีความเป็นมนุษย์ก็จะค่อยๆ ลดลง ในขณะที่จำนวนคนที่กลายเป็นร่างของปีศาจจะมากขึ้นเรื่อยๆ
ในกลียุคนั้นจะมากและมีความเป็นปีศาจชัดเจน เพราะไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องกลัวสายตามนุษย์คนไหนอีกแล้ว
ปีศาจจะเข้าสิงในคนทั้งหลายเต็มไปหมด แล้วก็ฆ่ากันเอง กินกันเอง อันนำไปสู่กลียุคตามคำทำนายที่มีอยู่ในศาสนาต่างๆ
๓ การสมสู่กับผู้มีพลังเทพ
ปีศาจอีกพวกหนึ่งจะใช้การสมสู่กับผู้มีพลังเทพในการขยายเผ่าพันธุ์ปีศาจ
พวกนี้จะทำตัวเหมือนคนดีทุกอย่างเพื่ออะไร?
เพื่อให้ได้สมสู่กับผู้ที่มีพลังเทพก็เท่านั้นเอง ภายนอกจะดูเหมือนเป็นคนดีมาก
เพราะไม่ได้ทำชั่วอะไรเลย พูดดี อ่อนหวาน ฯลฯ
แต่ผู้หญิงบางคนจะดูผู้หญิงด้วยกันออกว่า “นี่คือความตอแหล” เช่น มาอ่อยผู้ชายไปทั่ว,
ทำตัวง่ายกับผู้ชายไปหมด, มาทำเป็นดีกับ “ผัวคนอื่นเขา” ฯลฯ นางปีศาจกลุ่มนี้จะดูออกได้ยาก
เพราะใช้ “ความดีเป็นอาวุธ” และมักทำตัวใสซื่อ เหมือนกับคนไม่รู้เรื่องอะไร
ผลสุดท้าย มักจะลงเอยที่การ “สมสู่กัน” อย่างนี้เสมอ เพื่ออะไร? ก็เพื่อให้เกิดลูกปีศาจ
ให้มาหนุนอำนาจของตัวเองไงครับ
๔ การล่อลวงของพวกปีศาจ
ปีศาจจะล่อลวงด้วยสิ่งที่เราเชื่อ
เช่น เราเชื่อในบุญก็จะล่อลวงเราด้วยบุญ,
เราเชื่อเรื่องความดีก็จะล่อลวงเราด้วยความดี การที่จะหลอกใครสักคนให้ได้
ก็ต้องหลอกในสิ่งที่เขาเชื่อ จริงไหม?
แต่ถ้าพูดในสิ่งที่เขาไม่เชื่อหรือขัดแย้งกับความเชื่อของเขา
ก็ยากที่จะหลอกลวงเขาได้ คนหลอกลวงก็ใช้วิธีการอย่างนี้ คือ
พูดในสิ่งที่คนอยากฟัง, คนชอบ, คนเชื่อ พูดจาดี ไพเราะอ่อนหวาน ฯลฯ ทว่า
การล่อลวงนั้นจะทำให้เรา “ไม่ตื่น” ทำให้เราเคลิ้ม, หลงเพลิน เช่น
กล่าวคำที่ชวนให้หลงเพลิน ฟังเพลินจนเคลิ้ม เราก็จะไม่ทันได้ใช้สติ เราจะไม่รู้ว่าปีศาจล่อลวงเราอย่างไร?
หลอกเราให้ทำอะไร? เมื่อเราพลาดทำไปแล้ว เราจะหลงคิดว่าทำความดี
๕ การเผยแพร่แนวคิดดั่งศาสดา
การทำตัวเป็นศาสดาหรือเผยแพร่แนวคิดให้คนอื่นทำตามๆ
เรานั้น “เสี่ยงที่จะกลายเป็นปีศาจ” มนุษย์ที่แท้นั้น
อาจจะทำหรือไม่ทำอะไรก็ได้ด้วย “เจตจำนงค์เสรี” เมื่อเราไม่ใช่มนุษย์แล้ว
เราจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ ปีศาจนี้จะชอบให้สาวกของเขาทำอะไร “เหมือนๆ กัน” เช่น
แต่งชุดขาวเหมือนกัน, พูดจาแบบเดียวกัน, เชื่อในสิ่งเดียวกัน เคยเห็นคนที่แห่ไปทำอะไรแปลกๆ
แล้วเหมือนกันยกกลุ่ม แต่ทั้งกลุ่มนั้นหลงทาง ไม่หลุดพ้นมั้ยละ นั่นละ
ทั้งกลุ่มที่ไม่หลุดพ้นนั้นจะไปเกิดเป็นปีศาจเสียส่วนใหญ่ คนเรานั้นหากปฏิบัติเพื่อเอาตัวรอดเฉพาะตนเหมือนท่านเล่าจื้อ
ยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าหลงคิดว่าตรัสรู้แล้ว เผยแพร่ธรรมให้สาวก ก็มักจะเป็นปีศาจ
ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมจริงจังอะไรเลย ก็อย่าเพิ่งเผยแพร่ธรรมะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น