ธรรมะกับการวิวัฒนาการ
การวิวัฒนาการเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์ได้เสนอแนวคิดเรื่องการวิวัฒนาการมากมาย ทว่า
ขีดจำกัดของวิทยาศาสตร์ก็ยังมีอยู่ ดังนั้น
การใช้ความหยั่งรู้นำทางเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านนี้ต่อไป จึงจำเป็นต้องมี
ในบทความนี้จะขอกล่าวถึง “การวิวัฒนาการ” ในมุมมองของนักปฏิบัติธรรมบ้างดังต่อไปนี้
๑ การวิวัฒนาการมีระดับใดบ้าง?
วิทยาศาสตร์ในโลกนี้มีทั้งวิชาที่เรียนรู้เกี่ยวกับวัตถุสสารและพลังงาน
การวิวัฒนาการของสัตว์ก็เกิดได้สองมิติคือ
ทั้งมิติของวัตถุสสารและพลังงานด้วยเช่นกัน ทว่า
ในแง่ของนักชีววิทยาแล้วยังไม่ได้เรียนรู้ทั้งสองมิตินี้ดีนัก ในบทความนี้จะขอกล่าวนำการเรียนรู้เพื่อเปิดมุมมองเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ในอนาคต
กล่าวคือ
ในการวิวัฒนาการนั้นจะมีการวิวัฒนาการทั้งระดับพลังงานและระดับวัตถุสสารแต่ทั้งสองอย่างนี้อาจไม่พร้อมกัน
การวิวัฒนาการในระดับพลังงานจะเกิดก่อน จากนั้นก็จะนำไปสู่การวิวัฒนาการทางวัตถุสสารภายหลัง
การวิวัฒนาการในระดับพลังงานอาจเกิดได้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ตาย ซึ่งในบทความนี้จะได้กล่าวต่อไป
๒ การวิวัฒนาการระดับพลังงาน
การวิวัฒนาการในระดับพลังงานนั้นเราไม่อาจมองเห็นได้
แต่เราก็สามารถสังเกตุผลที่เกิดจากพลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น
บางคนที่เคยมีพฤติกรรมแบบหนึ่ง
แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับพลังงาน ก็จะมีความคิดหรือพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้
ราวกับเป็นคนละคน เช่น พระสมณโคดมก็ไม่ได้คิดแบบเจ้าชายสิทธัตถะ เจ้าชายสิทธัตถะไม่อยากเกิดอีก
แต่พระสมณโคดมอธิบายเรื่องนิพพานเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “จะบอกว่าเกิดอีกก็ไม่ใช่
ไม่เกิดอีกก็ไม่ใช่ หรือไม่ใช่ทั้งสองอย่างเลย ก็ไม่ใช่” หากคุณมีตาทิพย์
จะสามารถเห็น “กายพลังงาน” ของมนุษย์ได้
และสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในระดับพลังงานนี้ได้ครับ
๓ การวิวัฒนาการระดับสสาร
การวิวัฒนาการส่งผลกระทบต่อระดับมิติวัตถุสสารแน่นอน
เพราะมนุษย์นี้มีทั้งมิติที่เป็นพลังงานและสสาร
เมื่อเกิดการวิวัฒนาการในระดับพลังงานแล้ว จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย
ทำให้เห็นความผิดปกติบางอย่าง เช่น บางคนสีผมเปลี่ยนจากขาวเป็นดำ-ดำเป็นขาว ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ อย่างผิดปกติ,
บางคนมีผิวหนังหลุดลอกเหมือนขี้ไคลทำให้กลายเป็นหนุ่มหรือสาวมากขึ้นเหมือนงูลอกคราบ,
บ้างมีอาการเหมือนเจ็บป่วยหรืออาจมีโรคประจำตัวเกิดขึ้นได้
นี่คือผลกระทบที่สสารร่างกายได้รับจากการวิวัฒนาการในระดับพลังงาน
ที่เราสามารถสังเกตุ, เก็บข้อมูล, พิสูจน์เชิงประจักษ์
และนำมาเรียนรู้อย่างมีระบบแบบนักวิทยาศาสตร์ได้
๔ การวิวัฒนาการขณะยังมีชีวิต
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ
“เซลกลายพันธุ์” ที่เกิดขึ้นขณะยังมีชีวิต เช่น เซลมะเร็ง เป็นต้น
การกลายพันธุ์ก็คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีการวิวัฒนาการครับ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของกระบวนการวิวัฒนาการนั่นเอง
ดังนั้น การวิวัฒนาการไม่ได้แปลว่าต้องถ่ายผ่านรุ่นต่อรุ่น ไม่เกิดในรุ่นตัวเอง
ไม่ใช่ครับ มันสามารถเกิดได้ในรุ่นตัวเอง หรือในขณะยังมีชีวิตอยู่เลย
ยิ่งการกลายพันธุ์ในระดับพลังงานแล้ว เกิดได้มากกว่าระดับสสารมาก ทว่า
เรายังไม่มีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยมากพอที่จะตรวจสิ่งเหล่านี้ ซึ่งการวิวัฒนาการระดับพลังงานนี้เองที่สอดคล้องกับคำสอนในบางศาสนาที่เรียกว่าการกำเนิดใหม่
ที่ผู้เขียนจะได้นำมาอธิบายต่อ
๕ การวิวัฒนาการในมุมของศาสนา
ในศาสนาพุทธได้กล่าวว่า
“พระสมณโคดมกำเนิดจากเจ้าชายสิทธัตถะ” กล่าวคือ ในวันที่เจ้าชายสิทธัตถะได้ตายลง
พระสมณโคดมก็ได้เกิดขึ้น นี่คือ
หลักฐานที่ชัดเจนว่าพุทธศาสนากล่าวเรื่องการวิวัฒนาการที่ยังมีชีวิตอยู่
หรือขณะยังมีชีวิตอยู่เอาไว้ ในศาสนาคริสตร์กล่าวถึงการกำเนิดใหม่ของพระเยซูที่เรียกว่าการฟื้นมาจากความตาย
ในศาสนาเก่ากว่านั้นเช่น ชาวอียิต์ก็เชื่อเรื่องการฟื้นมาจากความตาย
ในลัทธิเต๋าก็กล่าวว่ามีการกำเนิดใหม่เป็นเซียนของท่านเซียนองค์ที่แปดที่มาจากปีศาจหรือมังกรดำ
(ต่างกันไปตามตำนานที่เขียนไว้ต่างกัน) ดังนั้น
การกำเนิดใหม่, การวิวัฒนาการ ฯลฯ เป็นเรื่องเดียวกันและเป็นวิทยาศาสตร์นั่นเอง
รายละเอียดเรื่องการกำเนิดใหม่ได้เขียนไว้ในบทความก่อนๆ
แล้วครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น