อภิสิทธิชนและการให้อภิสิทธิ์




ในบทความก่อนๆ ได้กล่าวถึงระบบแมททริกซ์ของโลกนี้แล้ว ในบทความนี้จะอธิบายต่อไปเรื่องอภิสิทธิชน ซึ่งหลายท่านอาจยังไม่เข้าใจทำให้เกิดความขัดแย้งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต่อต้านอภิสิทธิชน อีกฝ่ายต้องการหนุนอภิสิทธิชน ดังนั้น เราควรจะกลับมาทำความเข้าใจร่วมกันในประเด็นนี้ ดังต่อไปนี้ครับ
  
๑ ทำไมต้องให้อภิสิทธิ์แก่บางคน?
มนุษย์มีความแตกต่างหลากหลายเป็นธรรมดา และภายใต้ความแตกต่างหลากหลายนี้ มนุษย์บางคนก็มาจากเทพ บางคนก็มาจากสัตว์ชั้นต่ำ ไม่เหมือนกัน จิตใจสูงต่ำไม่เท่ากัน การให้อภิสิทธิ์นั้นมิใช่ให้จนกระทบต่อระบบหรือระบอบการปกครอง เช่น ให้ฮ่องเต้สามารถทำผิดกฏหมายอะไรก็ได้ แบบนั้นไม่ถูกต้องแน่นอน การให้อภิสิทธิ์แก่คนบางคนที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น การลุกให้คนท้องได้มีที่นั่งในรถโดยสาร เห็นไหมครับมันมี “อภิสิทธิชน” อยู่ในสังคมมนุษย์แน่นอน หรือแม้แต่การที่เราให้พระนั่งที่สูงแล้วฆราวาสนั่งต่ำกว่า นั่นก็คือ รูปแบบหนึ่งของการมีอภิสิทธิ์ ทว่า หากคุณไม่เข้าใจ คุณอาจสร้างระบบอภิสิทธิ์จนทำลายระบบปกติก็ได้

ใครที่จัดเป็นอภิสิทธิชนได้บ้าง?
“มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะได้รับ “อภิสิทธิ์” ตามความเหมาะสม” เช่น สมมุติ นาย ก. หัวใจวายกะทันหันบนรถเมล์ ถามว่าเขาควรจะได้รับอภิสิทธิ์บางอย่างต่างจากคนอื่นๆ บนรถเมล์หรือไม่? คำตอบคือ สมควรได้รับ จริงไหมครับ? และสังคมไทยหรือแม้แต่อารยชนอื่นๆ เขาก็มีกัน ดังที่ยกตัวอย่างกรณีการลุกให้คนท้องได้มีที่นั่งบนรถเมล์นั่นแหละ ทว่า การให้อภิสิทธิ์จะต้องเป็นไปอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ๆ นั้น ไม่ใช่ว่า นาย ก. เป็นอภิสิทธิชนตลอดเวลาโดยไม่ดูเวร่ำเวลาเลยก็หาได้ไม่ บางสถานการณ์ก็อาจจะไม่มีอภิสิทธิ์ก็ได้ เพราะอภิสิทธิ์นั้น “ไม่เที่ยง” มีเกิด มีดับได้ ไม่อาจจะยึดมั่นเป็นตัวกูของกูตลอดไปได้ นั่นเอง

อภิสิทธิ์กับการมีชนชั้นบน
บางคนอาจคิดว่าเฉพาะชนชั้นบนเท่านั้นที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย ดังที่ได้อธิบายมา แล้วว่าคนป่วยก็ได้รับอภิสิทธิ์ได้ รถพยาบาลเปิดไซเรนก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป ทว่า บางครั้ง เราพบว่ามีการอ้าง “ความมีอภิสิทธิ์” ในแบบที่ผิดๆ อีกด้วย เช่น ชาวนาตากข้าวบนถนน แล้วอ้างเอา “ความน่าเห็นใจ” ใครที่ไม่มีความเห็นใจชาวนาจะต้องถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนไม่ดี เลว ไร้จิตเมตตา แบบนี้ไม่ถูกต้องครับ เป็นอภิสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้อง เพราะถนนเป็นสถานที่สาธารณะที่รถยนต์จะต้องใช้วิ่งอยู่ตลอด จะมาอ้างอภิสิทธิ์เพราะอ้างว่าเป็นชาวนา น่าสงสาร หรือมีพวกมากกว่า มีเสียงข้างมากนั้นมิได้ การให้อภิสิทธิ์จะต้องให้อย่างถูกต้องครับ
                                                                                                   
๔ การได้รับอภิสิทธิ์โดยธรรมชาติ
ในธรรมะ ธรรมชาตินั้น ก็มีอภิสิทธิ์และมีผู้ที่ได้รับอภิสิทธิ์โดยธรรมชาติอยู่แล้ว เช่น เด็กทารกอาจเกิดมาก็ได้รับอภิสิทธิ์บางอย่างทันที ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หรืออยู่ชนชั้นไหน ดังนั้น อภิสิทธิ์ย่อมเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ไม่ใช่ไม่เคยมี หรือมีไม่ได้ คำถามคือ “ผู้ปกครองควรใช้หรือให้อภิสิทธิ์แก่คนอื่นๆ อย่างไรให้เหมาะสม?” มากกว่า ไม่ใช่มาเถียงประเด็นว่าควรมีหรือไม่มีอภิสิทธิ์, อภิสิทธิ์เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ฯลฯ ไม่ใช่ครับ เราต้องยอมรับความจริงข้อนี้ให้ได้ก่อนว่าอภิสิทธิ์เป็นเรื่องธรรมะ ธรรมชาติอย่างหนึ่ง แล้วก็ค่อยพิจารณาต่อไปว่าจะใช้หรือให้อภิสิทธิ์นั้นอย่างไร? แก่ใคร? ในสถานการณ์ใดได้บ้าง? จึจะเหมาะสม

๕ ธรรมะกับอภิสิทธิ์เกี่ยวกันอย่างไร?
หลายคนอาจคิดว่าเรื่องอภิสิทธิ์ไม่น่าเป็นเรื่องของธรรมะได้ เพราะไม่เกี่ยวกับการทำให้หลุดพ้นอะไร ทว่า ไม่จริงนะครับ มันคือรายละเอียดของการดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันกับคนที่พิเศษ เช่น พระอรหันต์ หากเราไม่รู้ว่าการทำกรรมกับพระอรหันต์ได้ผลกรรมหนัก แล้วเรากระทำลงไป ผลจะเป็นเช่นไร? ดังนั้น ประเทศไทยจึมีเรื่อง “อภิสิทธิ์” มาแต่โบราณกาลแล้ว ไม่ว่าจะในวรรณะกษัตริย์หรือในพระภิกษุ แม้ในปัจจุบันคนธรรมดาก็กลายเป็นอภิสิทธิชนได้ ดังที่ได้ยกตัวอย่างมาแล้ว การยึดมั่นถือมั่น “ความเท่าเทียมกัน” อย่างไร้สติ อาจทำให้เราต้องทำสิ่งที่ผิดพลาดได้ เช่น ทำให้คนท้องเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจ นี่นับว่า “ขาดสติและปัญญา” ครับ

ผู้มีสติปัญญาแท้จริงจะต้องเข้าใจในอภิสิทธิ์และอภิสิทธิชนครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?