การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การทำดีกลบเกลื่อน?




หลายคนคิดว่าการปฏิบัติธรรมคือการทำความดีมากๆ ทำบุญเยอะๆ ให้คนยอมรับ เมื่อความดีของเราเป็นที่ประจักษ์ผู้คนยอมรับแล้วเราก็จะสำเร็จธรรม แท้จริงแล้วไม่ใช่เลยครับ การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การทำดีเอาภายนอกตัวเช่นนั้น แต่เป็นการ “พัฒนาภายใน” ของเราเองต่างหาก ในบทความนี้จะขออธิบาย ดังต่อไปนี้
  
การปฏิบัติธรรมมิใช่การทำดีกลบเกลื่อน
หลายท่าน “ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง” ว่าตัวเองมีด้านที่ไม่ดี ด้านมืดอะไรบ้าง แล้วพยายามทำความดีมากมายเพื่อ “กลบเกลื่อน” จุดที่ไม่ดีนั้น ผลคือ ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาจิตวิญญาณที่แท้จริงเลย เพราะมีแต่การทำความดีภายนอกมากลบเกลื่อนไว้เท่านั้น มิได้แก้ไขหรือพัฒนาจิตวิญญาณที่แท้จริงของตนเองเลย การทำบุญก็เช่นกันบุญเป็นผลจากการกระทำดีภายนอก หากทำบุญแต่ไม่ทำใจให้เป็นทาน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำความดีกลบเกลื่อน สิ่งสำคัญของการปฏิบัติธรรมนั้นคือการพัฒนาจิตใจของเรา แก้ไขจุดไม่ดีของเรา ไม่ใช่ว่าจิตใจเสื่อมต่ำ แต่มาทำความดีมากมายเพื่อให้คนยอมรับว่าตนสำเร็จแล้ว?

ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความจริงในตน
การปฏิบัติธรรมคือการเผชิญกับความจริง บางคนไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริงว่าตนมีด้านที่ไม่ดีด้านมืด แบบนั้นไม่ใช่การปฏิบัติธรรมอะไรเลย ตรงข้าม หากเราไม่ได้ไปวัด ไม่ได้บวชพราหมณ์ ถือศีล กินเจอะไร? แต่เราเผชิญหน้ากับความจริงได้ตลอด นั่นแสดงว่าเรากำลังปฏิบัติธรรมอยู่ เพราะสัจธรรมความจริงนั้นอยู่ทุกที่ ที่สำคัญที่สุดคือ “ที่ใจเราเอง” หากภายนอกดีหมด แต่ใจเราเสื่อมต่ำ ไม่พัฒนา จะมาอ้างว่าตนสำเร็จแล้วก็ไม่ได้ ดังนั้น ธรรมภายนอกจะดีจะร้ายก็ช่าง สำคัญที่ธรรมภายในของเรา จิตใจของเรา จิตวิญญาณของเราต่างหาก เมื่อใดที่เรากล้าเผชิญหน้ากับความจริง ด้านที่ไม่ดี ด้านมืดของตนได้ นั่นคือ ปฏิบัติธรรม

๓ อย่าเอาพระอรหันต์มาเป็น “ตัวแบบ”
หลายคนมักไปดู ไปหาผู้ที่ตนคิดว่าเป็นพระอรหันต์ จากนั้นก็จะ “ลอกแบบ” ของท่านมา เช่น ถ้าท่านพูดจาดุดัน ตรงไปตรงมา ด่าได้ด่าเลย ก็จะทำตามท่าน เลียนแบบท่าน ทว่า การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เช่นนั้น คนเรามีจิตใจไม่เหมือนกัน จุดบอด จุดมืดในใจไม่เหมือนกัน เลียนแบบกันเช่นนั้นไม่ได้ครับ แม้ว่าเราจะทำได้ดี ราวกับเป็นพระอรหันต์, พระโพธิสัตว์ ฯลฯ เลย แต่ทั้งหมดก็แค่ “เปลือกนอก” เท่านั้นเอง เราแค่พยายามสร้างเปลือกนอกที่งดงามมาอำพราง “ตัวตนที่ไม่ดี” ของเราเอาไว้ เพื่อให้สังคมยอมรับเรา ยกย่องเรา หรือแม้แต่คิดว่าเราคือพระอรหันต์, พระโพธิสัตว์ ฯลฯ การปฏิบัติธรรมไม่ใช่การไปดูแบบแล้วลอกเลียนแบบนั้นครับ

๔ การปฏิบัติธรรมไม่ใช่หาสัจธรรมนอกตัว
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการปฏิบัติธรรมคือการไป “ค้นหาสัจธรรมนอกตัว” เหมือนนักคิด นักทฤษฎีต่างๆ ที่มักคิดทฤษฎีใหม่ๆ ออกมา ไม่ใช่นะฮะ การปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนาไม่เหมือนการค้นหาทฤษฎีใหม่ๆ ในแบบนักวิทยาศาสตร์เช่นนั้น แต่เป็นการพัฒนาและแก้ไขจิตใจจิตวิญญาณของเราเอง “จากภายใน” เราแค่พิจารณาธรรมภายนอกเพื่อให้ภายในเราสงบหรือปลงตกเท่านั้นเอง เช่น เมื่อเห็นว่าสรรพสิ่งล้วนไม่เที่ยง ใจเราก็ปลงตก เห็นไหมครับ “สุดท้ายมันกลับมาที่จิตใจเราเอง” ไม่ว่าเราจะพิจารณาอะไรนอกตัวเรา สุดท้าย เราก็ต้องกลับมาที่ใจเราเอง ภายในเราเอง ทำจากใจ จากภายในของเราเอง ไม่ใช่ค้นหาสัจธรรมภายนอก

๕ เราแก้ไขจุดอ่อน จุดมืดในใจเราได้แค่ไหน?
นี่ต่างหาก คือ แนวทางในการปฏิบัติธรรม ในแต่ละวันที่หมดไป เราได้แก้ไข, ได้พัฒนาจิตใจของเรามากแค่ไหน? จิตวิญญาณของเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ยกระดับได้มากแค่ไหน? ไม่ใช่ทำตัวเหมือนโมฆะบุรุษที่หมดไปวันๆ กับเรื่องนอกตัว นอกใจของเราเอง เพราะอะไรครับ? เพราะเวลาเราตายลงจิตวิญญาณจุติไปจากร่างสู่ภพภูมิไหน ก็อยู่ที่จิตใจของเรานี้ หากยังมีจุดบอด จุดมืดดำ จุดอ่อนตรงไหนที่จิตวิญญาณของเรา ยังปลงไม่ตก มันก็จุติไปเช่นนั้น เช่น ถ้าจิตของเรายังวนอยู่กับการกิน ก็มีโอกาสไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ชอบกิน จิตเรายึดติดบ้าน เมื่อตายลงก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นผีบ้านผีเรือนได้ จิตจะจุติไปตามปมของมัน
                             
เวลามีน้อย เร่งขจัดจุดอ่อน จุดมืดในจิตใจของเรากันเถอะครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?