การพัฒนาจิตใจที่แท้จริง
หลายท่านคิดว่าได้ปฏิบัติธรรมแล้วมากมาย
แต่ทำไม จิตวิญญาณไม่พัฒนาเลย? ง่ายๆ ครับ
เหมือนคนที่เล่นกล้ามแล้วอยากให้กล้ามหน้าอกใหญ่ ทว่า เล่นไปแล้วไม่ใหญ่ขึ้นเลย
ได้แค่กล้ามแขนอย่างเดียว? นี่ละครับ การพัฒนาตัวเองผิดจุด
ไม่ใช่การพัฒนาจิตใจที่แท้จริง ในบทความนี้จะขออธิบายเพิ่ม ดังต่อไปนี้ครับ
๑ หลายคนไม่ได้พัฒนาจิตใจที่แท้จริง
อ้าวแล้วพัฒนาอะไร?
คำตอบคือ พัฒนา “บุคลิกภาพแฝง” หรือตัวตนแฝงอื่นๆ เรียกง่ายๆ ว่าปฏิบัติธรรมให้จิตวิญญาณอื่นที่แฝงในร่างก็ได้
แต่ตนเองจะไม่ได้อะไรเลย ยกตัวอย่างเช่น จิตวิญญาณในร่างต้องการไปช่วยเหลือคน
แต่ดลใจให้เราอยากไปเที่ยวที่นั่น
เราไปด้วยจิตใจที่อยากเที่ยวไม่ได้บำเพ็ญหรือพัฒนาสิ่งใดเลย ทว่า
จิตวิญญาณที่แฝงในร่างกายของเรา ได้ช่วยเหลือคน ได้ทำหน้าที่เต็มที่
จิตวิญญาณของเขาก็ได้บุญบารมีไป ได้พัฒนาจิตใจไป
บางครั้งเราก็อ้างว่าเราไปช่วยคนทางจิตนะ ใช้จิตช่วยคนนะ จริงๆ
แล้วนี่ไม่ใช่จิตวิญญาณของเราครับ เป็นจิตวิญญาณแฝง สุดท้าย เราจะไม่ได้อะไรเลย
เขาได้ไปฝ่ายเดียวครับ
๒ ทำไมบำเพ็ญธรรมเยอะแต่ไม่ไปไหน?
นี่คือสาเหตุที่ทำให้บางท่านบำเพ็ญธรรมมากมายแต่ไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย
เพราะไม่ได้พัฒนาจิตวิญญาณของตนเอง แต่ไปพัฒนาบุคลิกภาพแฝงหรือจิตวิญญาณแฝงแทน
อันนี้ไม่ใช่ของง่ายเพราะพลังงานเชิงซ้อนนั้นละเอียดอ่อนมากๆ อธิบายเป็นภาษาง่ายๆ
ก็เช่น เมื่อคุณจะทำอะไรบางอย่าง คุณไม่ได้ทำด้วยจิตใจอันแท้จริงของคุณ
แต่คุณทำด้วย “ตัวตนอีกตัวตน” แทน เช่น ทำในฐานะหมอที่ได้เงิน ทำงานแลกเงิน
แบบนั้น หัวโขนความเป็นหมอของคุณพัฒนาดีมาก แต่จิตใจจริงๆ ของคุณอาจไม่พัฒนาเลย
เพราะตัวตนหมอนั้นมีเงื่อนไขการทำงานเพื่อแลกมาด้วยเงินทองและตำแหน่ง
มันเลยพัฒนาแค่ “หัวโขน” ไม่ใช่จิตใจของเราจริงๆ
๓ ค้นหาจิตใจที่แท้จริงของคุณให้เจอก่อน?
อุปมาง่ายๆ
เหมือนการเล่นกล้ามถ้าคุณต้องการให้กล้ามหน้าอกใหญ่คุณต้องค้นหากล้ามหน้าอกก่อนแล้วใช้มันทำงาน
ใช่ไหม? ถ้าคุณหามันไม่เจอ แล้วมัวแต่ไปเล่นกล้ามขา แน่นอนว่ากล้ามหน้าอกไม่โตแน่นอน
จิตใจของเราก็เหมือนกัน หลายคนไม่ได้ใช้จิตใจ ไม่ได้ใช้จิตวิญญาณของตนในการทำกิจ
แต่ไปใช้อย่างอื่นแทน เช่น ใช้สมองคิดแทนจิตใจ, ใช้จิตวิญญาณแฝงแทนจิตวิญญาณตัวเอง
ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ส่งผลให้ไม่เกิดการพัฒนาของจิตวิญญาณของผู้ปฏิบัติธรรมได้เลย
เพราะหลายคน “ค้นใจตัวเองไม่เจอ” ฟังดูแปลกๆ แต่ก็เกิดจริงนะฮะ เราชินกับการ
“เก็บกดจิตใจอันแท้จริงของเรา” แล้วใช้บุคลิกภาพอื่นทำงานแทนยังไงละครับ
๔ ทำอย่างไรจึงจะใช้จิตใจของเราแท้จริงได้?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ
“การยอมรับด้านมืดของตนเอง” คนเราทุกคนมีทั้งด้านดีและไม่ดี
เมื่อใดที่เราพบว่าเรามีด้านที่ไม่ดีนั้น เรามัก “เก็บซ่อนมันไว้เสมอ”
เพราะเรากลัว เราอายที่จะให้ใครเห็นด้านที่ไม่ดีของเราไงครับ เหตุนี้
ตัวตนที่แท้จริง จิตวิญญาณที่แท้จริงของเราก็ถูกเก็บกดซ่อนไว้ด้วย
ทางเดียวที่เราจะค้นพบมันได้คือ เราต้อง “ยอมรับด้านที่ไม่ดีของเราเอง” ส่วน
“ด้านดี” นั้น อาจเป็นของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา เหมือนสาวก้านบัวไปหารากบัว
รากบัวอุปมาเหมือนจิตวิญญาณที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา
ก้านบัวอุปมาเหมือนกิเลสและความไม่ดีของเรา มันจะนำทางเราไปพบตัวตนอันแท้จริง
จิตใจที่แท้จริง จิตวิญญาณที่แท้จริงของเราได้ฮะ
๕ สุดท้าย “ไม่ยึดติดจิตใจตัวเอง”
คืออะไร?
“อย่าเพิ่งดัดจริตไม่ยึดติดอะไรเลย” คุณต้องค้นหา
“จิตเดิมแท้” ให้เจอก่อนแล้วพัฒนาจิตเดิมแท้ของตนเองให้ได้ ไม่ใช่ทำจิตว่าง
จิตวิญญาณหลุดจากร่างจนว่างหมด แล้วผีมาสิงร่าง ปีศาจมาอาศัยร่าง
จากนั้นก็ทำความดีไปเหมือนไป๋ซู่เจิน แบบนั้นไม่ใช่ครับ ความไม่ยึดติดอะไรจะเป็นผลสุดท้าย
อย่าใจร้อน แม้อนัตตาจะเป็นธรรมแท้แต่เดิม แต่ต้นก่อนอื่นใด ทว่า คุณจะไม่มีทางเข้าถึงได้ด้วยการลัดขั้น
ด้วยการทำเหมือนว่าตนเป็นเหมือนอรหันต์ ไม่ยึดติดอะไรแล้วแบบนั้น
คุณต้องเริ่มต้นจากจิตที่แท้จริงของคุณก่อนแล้วท้ายที่สุด ถึงจะไม่ยึดติดจิตวิญญาณอะไรเลยได้
(หลายคนไม่ยึดจิต แล้วกลายเป็นร่างให้ปีศาจใช้เยอะมากเลยครับ)
เพราะหากอินทรีย์ห้าคุณไม่พร้อม คุณก็ไม่อาจเข้าถึงอนัตตา!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น