ตัวแทนในการบำเพ็ญบารมี




หลายท่านยังไม่ถึงวาระที่จะได้หลุดพ้นยังต้องบำเพ็ญบารมีต่อไปก่อน แต่ด้วยไม่รู้วาระหลุดพ้นของตน ก็สำคัญผิดคิดไปเหมือนดั่งว่าตนเป็นพระอรหันต์ ไปปฏิบัติเลียนแบบพระอรหันต์กัน ทั้งๆ ที่ตนเองก็ไม่ได้บวช ไม่มีความพร้อมจะหลุดพ้นในชาตินี้เลย ในบทความนี้จึขออธิบายเรื่องการบำเพ็ญบารมี ดังต่อไปนี้
  
๑ ตัวสำรองมีหลายลำดับเสมอ
ในการบำเพ็ญบารมีตำแหน่งที่สำคัญๆ นั้น ไม่ได้มีแค่คนๆ เดียวที่บำเพ็ญครับ เพราะหากคนๆ นั้นบำเพ็ญไม่สำเร็จ กิจที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องล่มไปด้วยจริงไหม? ดังนั้น ระบบการบำเพ็ญเขาจะจัดให้มีลำดับในการบำเพ็ญบารมีในตำแหน่งต่างๆ เช่น ตำแหน่งพระสยามเทวาธิราช ลำดับที่หนึ่ง ไปจนถึงลำดับที่หลายพันก็มี เหมือนพระพุทธเจ้าก็จะมีลำดับที่หนึ่ง ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ตรงนี้พอเข้าใจนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ครั้งที่พระกวนอิมลงมาบำเพ็ญเป็นพระธิดาเมี่ยวซ่าน แท้แล้ว พระธิดาทั้งสามองค์ล้วนแบ่งภาคมาจากพระอวโลกิเตศวรทั้งหมดครับ แต่สององค์แรกที่มีลำดับมาก่อน บำเพ็ญไม่สำเร็จ จึต้องให้องค์ที่สามบำเพ็ญต่อ

อย่าหลงตัวเองว่ามีเราคนเดียว
ดังที่กล่าวแล้วว่าทุกตำแหน่งมีตัวสำรองลำดับถัดๆ ไปเสมอ แม้แต่ตัวเราเอง องค์ต้นธาตุต้นธรรมของเรา ก็ยังแบ่งภาคอวตารมาเป็นมนุษย์หลายคน “ไม่ได้มีแต่เราคนเดียว” ดังนั้น อย่าหลงตัวเองมากไป อย่าสลัก สำคัญในตนเกินเหตุว่าใครๆ ก็ต้องยอมเรา เพราะถ้าเราไม่ดีจริง บำเพ็ญบารมีไม่ผ่านจริงๆ เขาก็จะเอาคนที่มีลำดับถัดไปแทนครับ ดังนั้น คำว่า “แข่งกับตัวเอง” นั่นแหละ คือ คำที่ชัดเจนที่สุด เพราะตำแหน่งที่เรามีอยู่ บำเพ็ญอยู่ มีคนบำเพ็ญเหมือนเราอีกหลายคนมากมายนัก ตำแหน่งทางธรรมที่สำคัญ มีองค์ลำดับรองไปเยอะมากมาย เช่น ตำแหน่งองค์อุปถัมภ์, ตำแหน่งองค์อุปัฏฐาก, ตำแหน่งอัครสาวกเบื้องขวาและซ้าย

คนที่สอบตก ผลเป็นอย่างไร?
การบำเพ็ญบารมีในตำแหน่งต่างๆ นั้น ย่อมมีทั้งผู้ที่สอบผ่านและผู้ที่สอบตก และผู้ที่สอบผ่านจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เหลือจะสอบตกหมดเลย คนที่สอบตกจะต้องไปหาทางบำเพ็ญอย่างอื่นแทนเพื่อให้ตนเองได้มีที่ยืน มีตำแหน่งอื่นใหม่ หาไม่แล้ว หากไม่มีที่ยืน ไม่มีตำแหน่งรองรับ กรรมมากมายที่เกิดจากการบำเพ็ญ จะโหมกระหน่ำมาที่ตัวเราอย่างหนักและเราจะร่วงครับ บางคนบำเพ็ญเพื่อให้สำเร็จเป็นโพธิสัตว์ แต่พลาดไม่ผ่าน แล้วถูกพวกซาตานครอบงำลากพาไปก็มี บางคนกลายเป็นร่างของปีศาจ บางคนกลายเป็นร่างของฤษี ฯลฯ เหล่านี้คือพวกที่บำเพ็ญไม่สำเร็จทั้งสิ้น เหมือนคนตกรถ แล้วต้องหาทางเดินไปเอง อย่างนั้นครับ

๔ การเข้ามาแทนที่ของคนใหม่
คำถามว่าคนใหม่จะเข้ามาแทนที่คนเก่าที่สอบไม่ผ่านได้อย่างไร? ก็ต้องมีการ “รับช่วงต่อ” จากกันครับ เช่น ถ้า นาย ก. บำเพ็ญขันติบารมีอยู่แล้วไม่ผ่าน นาย ก. ไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว นาย ข. มารับช่วงต่อ จะทำยังไง? นาย ข. ก็จะต้องถูก นาย ก. กระทำกรรมต่างๆ ใส่ แล้ว นาย ข. ก็ต้องอดทน นั่นคือ การรับความอดทนต่อจากนาย ก. ยังไงละครับ นาย ก. ก็จะเสียบารมีหมดเลย เพราะไม่บำเพ็ญแล้ว ไม่เอาแล้ว ที่ทำมาทั้งหมดก็เป็นศูนย์ไป ส่วน นาย ข. เข้ามารับแทนก็ต้องต่อยอดไปให้สำเร็จครับ หาไม่แล้ว นาย ข. ก็จะต้องถูกกระทำให้ต้องอดทนเช่นนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำเร็จ นี่คือ การส่งทอดต่อของธรรม-การบำเพ็ญธรรม

๕ จงดีใจหากคุณตกเป็นเหยื่อ ถูกกระทำ
เพราะนี่หมายความว่า “คุณกำลังเป็นตัวแทนบำเพ็ญธรรม” ของคนที่ทำร้ายคุณ คนที่เป็นเหยื่อคือคนที่ถูกเลือกให้บำเพ็ญธรรมนั้นต่อจากคนที่กระทำ รับปริศนาธรรมจากเขาไปทำต่อให้สำเร็จ การถูกกระทำนั้นจะไม่ได้รับแค่สิ่งที่ไม่ดีเท่านั้น แต่จะได้รับปริศนาธรรมและวิถีการบำเพ็ญจากเขามาอีกด้วย สมมุติ นาย ก. มีวัชระที่ยังไม่เปล่งประกาย ยังบำเพ็ญไม่สำเร็จ นาย ก. ไม่เอาแล้ว เหนื่อยแล้ว ละความเพียรแล้ว นาย ก. ก็กระแทกๆ วัชระใส่ นาย ข. ที่ยอมรับการกระทำของนาย ก. ได้ เมื่อนั้น นาย ข. ก็จะได้รับวัชระของ นาย ก. สืบทอดต่อไปเพื่อบำเพ็ญให้สำเร็จ ดังนั้น หากไม่อยากเสียธรรม อย่าได้ล่วงเกินใคร เก็บตัวบำเพ็ญซะครับ
                             
ในนิกายตันตระยานจึสอนให้ “บำเพ็ญลับ” เพื่อไม่ให้เสียธรรมดังกล่าว

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?