กระทบกระทั่งอย่างไรในวัชรยาน?
ในบทความก่อนได้อธิบายแนวคิดของธรรมะในสาย
“วัชรยาน” แล้วว่าธรรมะเปรียบเหมือนเพชร ที่จะเปล่งประกายได้ต้องผ่านกระบวนการ
“เพชรตัดเพชร” มีการกระทบกระทั่ง, การบีบคั้น และความกดดันมาก่อน ในบทความนี้ จะขอนำมาอธิบายขยายความเพื่อให้เข้าใจธรรมะในสายวัชรยานมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังต่อไปนี้
๑ พละห้าต้องพร้อมก่อนเพชรตัดเพชร
พละห้าตัวแรกที่สำคัญมากคือ
“ศรัทธา” เมื่อเราไม่มีศรัทธาต่อคนที่เราสนทนาธรรมด้วย
เราจะเอาแต่ชนะคะคานเขาเท่านั้น บางคนแทบไม่ฟังเลยด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ปิดหูปิดตาเถียง
คิดเอาชนะอย่างเดียวก็มี นี่เรียกว่าพละห้ายังไม่พร้อม ดังนั้น
จะสนทนาธรรมกับใครไม่ได้ ห้ามพูดธรรมะกับใคร พูดแล้วเป็นเรื่อง พูดแล้วผิดใจกัน
เพราะขาดความศรัทธาต่อกัน จริงไหมครับ? ทว่า หลายคนในปัจจุบันนี้ คิดว่าตนปฏิบัติธรรมด้วยการสนทนาธรรมกัน
จริงๆ มันไม่ใช่การสนทนาเลยแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการเอาชนะคะคานกันต่างหาก
ในทิเบตนั้น ก่อนที่พระลามะจะสนทนาธรรม ท่านจะทำความเคารพฝ่ายตรงข้ามก่อนด้วยครับ
๒ เน้นให้กระทบที่จิต
ที่ใจของเรา
การบรรลุธรรมนั้น
“จิตจะตื่นแจ้ง” สว่างไสวออกมาได้เมื่อ “มีธรรมะมากระทบ” ทว่า หลายคนสนทนาธรรมก็ดี
หรือปฏิบัติธรรมก็ดี มักจะ “กลัวสิ่งต่างๆ มากระทบใจตน” พวกเขาจะทำอย่างไรครับ?
พวกเขาก็จะเก็บซ่อนจิตของเขาไว้ภายในเบื้องลึกของจิตใจ ไม่ให้ใคร
เอาอะไรมากระทบจิตของตนได้ เมื่อนั้น จิตที่อุปมาดั่งเพชรก็ไม่ได้ผ่านกระบวนการเพชรตัดเพชร
พวกเขามัก “สร้างกำแพงในใจ” ขึ้นมาปกป้องจิตใจของตัวเองที่เรียกว่าการตั้งการ์ด
แล้วหยิบ “ธรรมะขึ้นมาเป็นอาวุธ”
ใช้ฟาดฟัน เล่นงาน เอาชนะคะคานคนอื่น แบบนี้สิ่งที่พัฒนาก็จะไม่ใช่จิตใจ
เพราะเขาไม่เปิดใจ ไม่รับเอาธรรมะเข้าไปกระทบใจตน มีแต่เข้าสมองอย่างเดียว
๓ แม้แต่มารก็มีธรรมวัชระได้?
มารบางตน
มีจิตวิญญาณเป็นมาร แต่มีกระบี่เพชร มีวัชระอยู่ในมือ เพราะอะไร?
เพราะเขาไม่ได้เอาจิตใจไปพัฒนา
แต่เอาธรรมะที่ถืออยู่ในกำมือเข้าฟาดฟันกับธรรมของผู้อื่นนั่นเอง
แบบนี้เรียกว่าจิตใจไม่พัฒนา แต่ธรรมะในกำมือพัฒนา เช่นนี้ก็ไม่บรรลุธรรมอะไร
เพราะจิตไม่ตื่นแจ้ง แต่ถามว่ามีธรรมะไหม? คำตอบคือ มีครับ มีธรรมในกำมือ เป็นวัชระเลย
เป็นดวงแก้วมณีเพชรเลยก็มี แสดงธรรมได้ เอาธรรมะไปฟาดฟันคนอื่นได้ด้วย
ที่อธิบายเรื่องนี้ออกมาเพื่อให้ผู้อ่านเห็นชัดๆ ว่า “การปฏิบัติธรรมผิดจุด”
ไม่ได้ปฏิบัติที่ใจนั้น มันเป็นอย่างไร? และมันมีอยู่จริง ดังนั้น
เราจะเห็นคนบางคนเหมือนมีธรรมะ แต่จิตใจไม่พัฒนาก็มีไงครับ
๔ ธรรมวัชระแบบสายฟ้าฟาด
วัชระแปลตรงๆ
ว่า “สายฟ้า” ก็ได้ เพราะอุปมาธรรมนี้เหมือนสายฟ้าฟาด แต่ถ้าเป็นที่ทิเบตจะหมายถึงสิ่งที่มีคมหลายๆ
คม คล้ายๆ ตรีของไทยเรา ซึ่งก็ใช่ทั้งหมด พระโพธิสัตว์ที่มีธรรมวัชระในกำมือนั้นท่านจะมีของทิพย์เป็นวัชระเหมือนของทิเบตนี่ละ
เวลากระแทกใส่ใคร จะมีสายฟ้าพุ่งออกมา ถ้าโดนที่จิตใจใคร กระทบที่จิตแล้ว จิตจะตื่นแจ้ง
สว่างโพล่ง โล่งแจ้งตาสว่างกันไปเลยทีเดียว นี่เป็นเอกลักษณ์ของธรรมสายวัชรยาน
ดังนั้น คำพูดของคนที่มาทางสายวัชระ ย่อมมีลักษณะ “กระแทกกระทั้น” กระทบกระทั่ง
หรือกระแทกแรงๆ เพื่อให้จิตของผู้ฟังตื่นแจ้ง หลายคนไม่ชอบแบบนี้ ชอบคำหวาน
ก็มักจะชอบธรรมของสายไภษัชฯ มากกว่า
๕ ร่างวัชระ
กายทิพย์ที่เป็นเพชร
ก่อนจะเล่าเรื่องนี้
ขอให้ท่านผู้อ่านระวังตัวเอาไว้ก่อน เพราะคนเรานี้มักมี “อุปทาน” เยอะ
มีสิ่งที่มองไม่เห็นมาครอบงำดลใจให้หลงผิดมาก หลงตัวเองมาก
พออ่านงานเขียนนี้แล้วก็จะไปหลงว่าตัวเองมี ตัวเองเป็น นี่ เยอะมากเลย ตั้งสติดีๆ
นะครับ ระวังอย่าให้สิ่งนั้นครอบงำคุณได้ เพราะธรรมนี้เป็นธรรมชั้นสูง คุณต้องไม่ประมาทในธรรม
สิ่งนั้นมักครอบงำให้คุณประมาท
หลอกได้แม้กระทั่งสร้างนิมิตรให้คุณเห็นว่าตัวคุณเองมีกายทิพย์ที่เป็นเพชร
ทั้งที่จริง ไม่ใช่ครับ สิ่งที่ผู้เขียนจะบอกต่อไปนี้คือ ผู้บรรลุธรรมสายวัชระ
สามารถมีกายที่เป็นเพชรได้ มองเห็นได้ด้วยตาที่สาม เรียกว่า “กายวัชระ”
อันแสดงว่าเขาผู้นี้สำเร็จธรรมสายนี้แล้วนั่นเอง
เพื่อไม่ให้อุปทานเอง ผู้บรรลุธรรมจึงต้องผ่านการทดสอบก่อนเสมอ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น