ไม่หลุดพ้นเพราะธรรมเป็นไฉน?




ผู้ไม่มีธรรมในตนแต่ชอบมาศึกษาธรรมของผู้อื่น จะต้องกรรมทำให้ไม่หลุดพ้นในลักษณะต่างๆ ด้วยไม่ได้ปฏิบัติธรรมเอาความหลุดพ้นแท้จริง บางคนก็เอาธรรมะไปหากิน ได้ลาภสักการะไปก็มี ผลกรรมเหล่านี้ก็ทำให้ไม่หลุดพ้น ในบทความนี้จะขออธิบายว่าผู้ไม่หลุดพ้นเพราะธรรมเป็นอย่างไรบ้าง? ดังต่อไปนี้ครับ

๑ เป็นเวตารเพราะหวงวิชา
การปฏิบัติธรรมทางพุทธนั้นท่านให้ทำลายวิชาเสียเพราะวิชาต่างๆ เป็นสังโยชน์เครื่องผูกมัดตน จนเมื่อได้บรรลุธรรมแล้วนั่นแหละ หากจะเกิดวิชาทางธรรมก็จะมีมาเอง อันนี้จะไม่ใช่สังโยชน์แต่เป็นผลของธรรมอีกที ทว่า หลายท่านไม่เข้าใจไปฝึกวิชาแบบตั้งเจตนาเอา วิชาที่ฝึกก็ผูกมัดตัวเอง ยิ่งคนที่หวงวิชาด้วยแล้ว ก็จะกลายเป็นเวตารครับ วิชาทางจิตต่างๆ นั้น หากไม่ทำให้เราหลุดพ้นแล้วก็ควรเลี่ยงเสีย เพราะผูกมัดให้ไม่หลุดพ้นได้ง่าย คนทั่วไปที่ไม่มีวิชาอาคม ทำบุญสนับสนุนพุทธศาสนาไม่ต้องมาก ยังมีโอกาสได้ไปเกิดเป็นเทวดา แต่คนที่มีวิชาติดตัวแล้วไม่หลุดพ้นได้ จะไม่อาจไปเกิดเป็นเทวดาได้ จะเป็นได้แค่เวตารเท่านั้นครับ

เป็นฤษีเพราะหลงปฏิบัติ
การลุ่มหลงเพียรจมอยู่ในการปฏิบัติธรรมแต่กลับไม่เกิดมรรคผล ทำให้ตายแล้วกลายเป็นฤษีครับ พวกฤษีจะไม่ได้เกิดในสามภพอีก อยู่นอกวัฏสงสาร แต่ไม่ได้หลุดพ้น ไม่ได้กลับสู่พรหมโลกนะครับ จะตกค้างอยู่ในโลกนี้ อยู่แบบฤษี เป็นจิตวิญญาณที่หากินเองตามป่าหิมพานต์ก็มีอยู่มากมาย พวกฤษีนี้มักทำกรรมไว้ คือ ชอบไปอ่านไปฟังธรรมะของผู้อื่น เอามาทำเหมือนว่าเป็นของตนโดยที่ตนไม่ได้ตรัสรู้จริง เอามาสอนคนอื่นบ้าง เอามาแสดงเพื่อให้ได้ลาภสักการะกลับมาบ้าง สุดท้าย กรรมนี้ทำให้ไม่หลุดพ้น ฤษีนี้ ไม่ใช่เทพเทวดา แม้จะตายเหลือแต่วิญญาณ แต่วิญญาณก็แก่ได้ ต้องทรมานในวิญญาณที่แก่หง่อมอยู่ในโลกเป็นพันปีครับ

๓ เป็นปีศาจงูเพราะหวงธรรมะ
คนอีกจำพวก ชอบทำตัวเหมือนว่าธรรมะนี้เป็นของตน ใครจะมาพูดผิดไปไม่ได้ จะต้องทะเลาะถกเถียง พ่นพิษใส่เขาไปทั่ว การก่อกรรมทางวาจานั้นทำให้กลายเป็นปีศาจงูที่พ่นพิษจากปาก ทั้งยังหวงธรรมะเหมือนงูหวงไข่ เอาตัวผูกมัดไว้เพราะความหวงธรรมะ ทั้งที่ธรรมะนั้นมิใช่ของตนเลย ตนมิได้ตรัสรู้แจ้งเห็นจริงอะไรเลย พวกปีศาจงูจะทำตัวเหมือนยามเฝ้าศาสนาจะคอยเล่นงานคนที่พูดธรรมะหรือศึกษาธรรมะ ทะเลาะกับคนเขาไปทั่วเพราะคิดว่าตนรู้ธรรมะนี้แล้ว ธรรมะนี้เป็นของตน จิตที่ผูกมัดกับธรรมะเช่นนี้ ทำให้ไม่หลุดพ้น แต่กลายเป็นปีศาจงูแทน ปีศาจงูชอบทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรม ทำเหมือนรู้ไปหมดแล้วทุกอย่างเลยละครับ

๔ เป็นยักษ์เพราะหวงวัด-สถานที่
พระจำนวนมากเมื่อตายแล้วมักไม่หลุดพ้นและกลายเป็น “ผีเสื้อวัด” โดยเฉพาะเจ้าอาวาสที่สร้างวัด คำว่าผีเสื้อแปลว่ายักษ์นั่นแหละ พวกนี้มักชอบเล่นไสยศาสตร์ รู้วิชาอาคมด้วย และมักยึดติดในวัดที่ตนสร้างว่าเป็น “วัดของตน” ใครจะมาทำอะไรไม่ได้ ต้องขออนุญาตตนก่อน มักทำตัวเป็นพระเกจิ จอมขมังเวทย์ให้คนมากราบไหว้ตนเอง และนิยมอยู่ท่ามกลางลาภสักการะ ฯลฯ ลักษณะเช่นนี้เป็นยักษ์แน่นอน ซึ่งพระในไทยจำนวนมากจะกลายเป็นเช่นนี้ ดังนั้น พระสมณโคดมจึสอนให้เราไม่ติดวัด ให้เราจรไป ธุดงค์ไปอย่างคนที่ไร้ที่อยู่อาศัย ไร้วัด แต่ไม่ใช่คนเร่ร่อนไม่มีที่จะอยู่นะ เราไปด้วยจิตที่อิสระว่า เราอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ครับ

๕ เป็นอสูรเพราะหลงในฤทธิ์-มนต์ดำ
อีกแบบที่พบได้คือ คล้ายๆ กับพวกที่กลายเป็นยักษ์ แต่พวกนี้แย่กว่ายักษ์ ต่ำกว่ายักษ์คือ พวกอสูร นั่นเอง ที่เสื่อมจนต้องเป็นอสูรเพราะเล่นฤทธิ์ วิชาอาคม แล้วไม่มีธรรมมากพอ เมื่อไม่มีธรรมพอที่จะเอาตัวรอดได้ ก็เลยต้องกลายเป็นอสูร ฆราวาสหลายคนประมาทในธรรม คิดว่าตนปฏิบัติธรรมแล้วไม่ต่างจากพระ แถมยังเล่นวิชา เวทย์มนต์คาถาอีก เมื่อตายไปก็กลายเป็นอสูร พวกนี้ล้วนเป็น “ทายาทอสูร” มาก่อนเมื่อครั้งยังมีชีวิต เช่น เล่นของ, เลี้ยงผี ฯลฯ เมื่อของเข้าตัว ตนเองก็ต้องกลายเป็นอสูรเหมือนผีที่เลี้ยงครับ เช่น เลี้ยงผีควายธนู ผีควายธนูเข้าตัวแล้วทำให้กลายสภาพเป็นเหมือนมัน ตายแล้วก็กลายเป็นอสูรควายธนูด้วยครับ

ปล. ผู้ไม่รู้ธรรมะอะไรเลย ทำบุญไว้ตายแล้วยังเป็นเทวดาได้ครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?