วิสัยที่ผู้ปฏิบัติธรรมควรมี




ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นจะมี “วิสัย” บางอย่างที่คล้ายๆ กัน และแตกต่างจากปุถุชน ตาสีตาสาทั่วไป ทำให้มีโอกาสที่จะได้หลุดพ้น สำเร็จธรรมได้อย่างแท้จริง ในบทความฉบับนี้ ขออธิบายวิสัยของนักปฏิบัติธรรมที่ผู้ปฏิบัติธรรมควรมี เพราะวิสัยเหล่านี้คือ พื้นฐานที่ดี ที่จะบอกว่าคนผู้นั้นสมควรปฏิบัติธรรมหรือไม่ ดังต่อไปนี้ครับ
  
๑ เน้นทำให้มากกว่าพูด
นักปฏิบัติไม่ใช่นักพูด ไม่ใช่ดีแต่พูดแต่จะต้องทำจริงทำได้จริง แม้ว่าเราจะพูดธรรมะไม่เป็นเลย เหมือนพระป่าหรือคนบ้านนอก ที่ใสซื่อ ไม่รู้หนังสือ ไม่รู้อะไรกับใครเขามาก พูดไม่เป็น เน้นทำอย่างเดียวเท่านั้น แบบนี้ จะมีวิสัยของนักปฏิบัติที่ดีได้ เพราะคำพูดนั้น จะสร้างสรรค์ปั้นแต่งให้ดูดีอย่างไรก็ได้ ให้น่าเชื่อถือยังไงก็ได้ เอาง่ายๆ ผมแค่ไปหาอ่านธรรมะเอาทางเน็ต ผมไม่ได้ตรัสรู้เอง แล้วก็เอามาพูดต่อ ทำตัวให้ดูดีน่านับถือ แค่นี้ก็ได้แล้ว จริงมั้ย? นี่ไม่ใช่นักปฏิบัตินะ หากเราต้องการปฏิบัติธรรมจริง เอาจริง ให้ได้ผลจริง เราจะต้องทำให้มากกว่าพูดให้ได้ หลายคนพูดไกลกว่าที่ตนเองทำได้ ตนยังทำไม่ได้แบบที่พูด แต่พูดอวดเสียก่อนแล้ว

ไม่นิยมพรรคพวก
คนที่ชอบคลุกคลีกับพรรคพวก มีพรรคพวกเยอะ ไหลตามน้ำโอนอ่อนไปตามเสียงคนส่วนใหญ่ ฯลฯ เหล่านี้ มักประสบความล้มเหลวในการปฏิบัติธรรม ตรงข้าม ผู้ที่ไม่นิยมคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ปลีกวิเวก หาหนทางหลุดพ้น คนแบบนี้แหละ “มีวิสัยที่ดีในการปฏิบัติธรรม” หากยังอาลัยอาวรณ์บริวาร ผู้คน สังคม ฯลฯ ก็อย่ามาปฏิบัติธรรมให้เสียเวลาเลย ในเมื่อไม่พร้อมออกจากทางโลก ไม่พร้อมที่จะหลุดพ้นจากเรื่องโลกๆ ยังอยู่กับเรื่องโลกๆ ของปุถุชนอยู่ ก็ไม่มีวิสัยที่เหมาะกับการปฏิบัติธรรม หวังผลได้ยาก ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานหลายชาติภพนัก ยังไม่ใช่วาระเวลาที่จะได้ธรรมอะไร เมื่อเห็นวิสัยไม่ดีเช่นนี้ ก็อย่าเสียเวลาเลยครับ

๓ คนจริงไม่กลัวความตาย
ผู้ปฏิบัติธรรมนั้นควรมีวิสัยเด็ดขาดไม่กลัวความตาย หากยังไม่พร้อม กลัวตาย กลัวนั่นนี่ ไร้ความเด็ดขาด ก็ยากที่จะผ่านด่านได้ เมื่อไม่ผ่านด่าน มาปฏิบัติธรรมก็เสียเวลาเปล่า มิสู้เอาเวลาไปทำมาหากิน หาเงินมิดีกว่าหรือ? ใช่ไหมครับ ดังนั้น ก่อนมาปฏิบัติธรรมควรมีวิสัยที่ดี เหมาะสมกับการปฏิบัติธรรมให้ได้เสียก่อน ควรมีวิสัยที่เด็ดเดี่ยว ไม่กลัวความตาย พร้อมเผชิญหน้ากับความจริง แบบนี้แหละครับ คนที่พร้อมปฏิบัติธรรมที่แท้จริง สมัยนี้ สถานที่รองรับการปฏิบัติธรรมมีเยอะเหลือเกิน แต่ผู้ที่เข้าไปปฏิบัติ กลับคุณภาพลด หลายคนเข้ามาเพราะมีบุญก็แค่มาเสวยบุญ นอนรีสอร์ท หาความสุขกัน ไม่ได้มรรคผลทางธรรมอะไรเลย

๔ ไม่กลัวความลำบาก
หากยังรักความสบายอยู่ ยังไม่มีวิสัยที่ลุยๆ พร้อมที่จะอยู่อย่างสมถะ เรียบง่ายได้ แสดงว่ายังอยู่อีกไกล ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานหลายชาติภพ คนที่เอาแต่ความสบายปฏิบัติธรรมก็เน้นความสบายนั่งในห้องแอร์ ฟังบรรยาย หลับบ้างตื่นบ้าง เวลานอนก็นอนรีสอร์ทกัน พวกนี้ ไม่ใช่พวกที่จะสำเร็จธรรมอะไรได้เลย ก็ในเมื่อคุณจะเอาความหลุดพ้นจากทางโลกแล้ว คุณต้องพร้อมที่จะละทางโลก สิ่งของทางโลก ความสบายทางโลก คุณต้องมีวิสัย “ลุยๆ” ไม่กลัวความยากลำบาก ไม่ติดความสบาย แบบนี้ให้ได้ก่อน หลายคนมักจะติดความสะดวกสบาย บางคนเลือกไปวัดหรือสถานธรรมที่สวยๆ เหมือนรีสอร์ท นี่ไม่รู้ว่าไปเที่ยวหรืออะไร?

๕ ไม่ใช่พวกงมงายไหว้มั่ว
มีคนอีกพวกหนื่งที่ดูเหมือนศรัทธาสิ่งศักดิสิทธิ์เสียเหลือหลาย ชอบไหว้ประหลกๆ ไปทั่ว มั่วไปหมด อะไรก็เอาไว้ก่อน ไหว้ตอไม้, จอมปลวก, ก้อนหิน, น้ำส้วม ฯลฯ อะไรก็เอา พวกนี้ยังอยู่อีกห่างไกลมาก ยังล้าหลังอยู่มาก ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาติภพมาก กว่าจะใกล้วาระหลุดพ้น คนที่ใกล้วาระหลุดพ้นนั้น เขาจะมีวิสัยที่พร้อมปฏิบัติธรรม คือ ไม่ใช่พวกงมงายไร้สาระ ทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนแบบผิดๆ พวกนี้ไม่ได้สำเร็จธรรมแน่นอน คนบางคนที่สำเร็จธรรมนั้น มักไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เพราะความศรัทธาของเขามีค่าดั่งทอง ดังนั้น เขาย่อมไม่ให้ใครง่ายๆ เขาย่อมพิจารณาถ้วนถี่แล้ว ก่อนที่จะเชื่อถือในสิ่งใด นี่จึเหมาะปฏิบัติธรรม
                             
คนที่มีวิสัยแบบนี้ แสดงว่ามีความพร้อม ใกล้ที่จะได้หลุดพ้นแล้วครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?