ธรรมพุทธ-ธรรมจักรวาล




หลายท่านอาจได้เรียนรู้ธรรมจักรวาลกันมาบ้างแล้ว อาจสงสัยว่าเหมือนหรือแตกต่างอย่างไรจากธรรมในสายพุทธ แท้แล้วไม่ว่าธรรมอะไรก็มีแก่นแท้ มีสัจธรรมเดียวกัน ไม่ผิดเพี้ยนจากกันไป ไม่ขัดแย้งกันเลย แต่มีหน้าที่ต่างกัน ใช้ในบริบทที่ต่างกัน ย่อมแตกต่างกันโดย “เปลือกนอก” เท่านั้น ดังจะอธิบายต่อไปนี้ครับ
  
๑ ธรรมจักรวาลคืออะไร?
ธรรมะ ธรรมชาติ หรือธรรมจักรวาลนั้น คือ สิ่งที่เป็นเช่นนั้นเอง มีความดิบเถื่อนตามธรรมชาติ เหมือนสัตว์ในป่าที่มีการกินกันเป็นทอดๆ นั้น นี่คือ ธรรมชาติ “ไม่มีผิดหรือถูกอะไรเลย” เช่น การที่โลกมีภัยพิบัตินั้นก็ด้วยเป็นกระบวนการวิวัฒนาการของสัตว์ในโลกทั้งหมดเท่านั้นเอง แม้ว่าจะมีหายนะเกิด มีผู้คนล้มตายไปมากมายก็ตาม แต่ว่านี่ก็คือ สัจธรรมความจริง ที่เราไม่อาจหนีพ้นได้ ธรรมชาติของโลกเป็นเช่นนี้ จักรวาลได้สร้างสรรค์ไว้เช่นนี้ มนุษย์เรานั้นก็ได้แต่ปรับตัวเข้ากับธรรมชาติ สัตว์ใดที่ปรับตัวไม่ทันก็สูญพันธุ์ไป สัตว์ใดปรับตัวได้ดี ก็อยู่รอด ไม่มีคำว่าเมตตาสงสารหรือคำว่าโหดร้ายทารุณอะไร ทุกอย่างล้วนเป็นเช่นนั้นเอง

ธรรมพุทธคืออะไร?
ด้วยธรรมะ ธรรมชาติมีความดิบเถื่อน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้มนุษย์บางคนที่ได้พบเห็นเกิดความคิดที่จะช่วยเหลือปวงสัตว์ มีปณิธาน และบำเพ็ญบารมีมากมายหลายชาติภพ “เพื่อทำสิ่งที่ดีกว่า” สิ่งที่ไม่ใช่ความดิบเถื่อน สิ่งที่มีอารยธรรม สิ่งที่เป็นศิลปะ เช่น “การแสดง” แสดงอะไรครับ ก็แสดงธรรม มันไม่ใช่สัจธรรมความจริงหรอก แต่เราก็ต้องแสดงมันไปอย่างนั้นแหละ แสดงทุกวัน มันก็แค่ศิลปะ การดำรงชีวิตของมนุษย์เท่านั้นเอง ทว่า สิ่งนี้จะเข้ามาเสริม ทำให้ธรรมะ ธรรมชาติ ไม่ดิบเถื่อนจนเกินไป เช่น หากสัตว์ต้องมีกรรม ฆ่ากันในสงคราม ธรรมพุทธอาจเข้ามาช่วยทำให้ไม่ต้องเป็นเช่นนั้น แต่ก็มีวิวัฒนาการเกิดขึ้นได้ครับ

๓ ธรรมพุทธกับธรรมจักรวาล
สองอย่างนี้จะเกิดพร้อมกันเสมอ เพราะอะไร? ก็เพราะธรรมะ ธรรมชาติมันต้องเป็นไปตามกลไกลของมันเพื่อที่จะส่งเสริมให้สัตว์ทั้งหลายเกิดวิวัฒนาการ, เกิดการเลื่อนระดับ ในยุคที่มีพระพุทธเจ้าลงมาปกครองธรรมกาลนั้นเอง จักรวาลจะขับเคลื่อนโลก ทำให้พลังจักรวาลส่งมาสู่โลกจำนวนมาก ทำให้โลกเกิดสภาวะแปรปรวนมากมาย เช่นภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นอยู่ หากไร้ธรรมจักรวาลเสียแล้ว มนุษย์ก็จะหลงโลกไม่ตื่น และพระพุทธเจ้าจะทำกิจได้ลำบาก เพราะคนอยู่สบายย่อมไม่สนใจคำสอนของท่านและหากโลกไม่มีธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว ธรรมะ ธรรมชาติ ก็จะดำเนินไปอย่างดิบเถื่อน ตายเป็นตาย เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง

๔ ธรรมจักรวาลไม่ใช่ธรรมพุทธ?
ครับ แน่นอน เมื่อใดที่คุณเข้าสู่วิถีธรรมจักรวาล คุณจะต้องดำเนินไปตามเส้นทางของจักรวาล แต่เมื่อใดที่คุณเข้าสู่วิถีธรรมพุทธ คุณก็จะดำเนินไปตามเส้นทางของพุทธ สองเส้นทางนี้มีจุดหมายต่างกัน ทว่า ระดับธรรมสูงไม่ต่างกัน มีแก่นแท้เดียวกัน ต่างกันแค่ “หน้าที่” เท่านั้นเอง ธรรมจักรวาลมีหน้าที่ทำให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ธรรมพุทธมีหน้าที่มาโปรดสัตว์ ทำให้สัตว์ที่ต้องเจอกับความดิบเถื่อน ได้มีทางที่ดีกว่า สร้างสรรค์กว่า เป็นศิลปะมากกว่า สองอย่างนี้ต้องไปด้วยกัน เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ท่านจะต้องมีทวยเทพคอยช่วยเหลือ ท่านไม่ใช่พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านย่อมไม่ทำงานคนเดียว แต่ทำเป็นทีม

๕ ลักษณะที่แตกต่างของธรรมทั้งสอง
เมื่อเราเข้าสู่ธรรมพุทธนั้น เราจะถูกบีฑาธรรมให้ตื่นแจ้ง ไม่หลงโลกอีกต่อไป ทำให้เราอาจต้องเจอกับกรรมมากมาย แต่เมื่อเราเข้าสู่ธรรมจักรวาลนั้น เราอาจไม่ต้องรับกรรมมากขนาดนั้นก็ได้ เพราะเราไม่ได้รีบจบทุกอย่างนั่นเอง ดังนั้น คนที่เข้าสู่ธรรมพุทธ จะมีชีวิตที่ดูแย่ลงได้แต่ทั้งหมดก็เป็นไปเพื่อบีบให้เราไม่หลงโลก ตื่นแจ้งโลกนั่นเอง ส่วนคนที่เข้าสู่ธรรมจักรวาล มักจะมีชีวิตที่ดูดีกว่า แต่จะยังไม่ได้หลุดพ้น ยังไม่ถึงวาระที่จะหลุดพ้นครับ กล่าวคือ แค่ทำหน้าที่ช่วยเหลือพระพุทธเจ้าไปก่อน แล้วเราค่อยตามไปทีหลัง ฆราวาสทรงธรรมหลายท่านคิดว่าตนปฏิบัติธรรมพุทธแท้แล้วอยู่ในวิถีธรรมจักรวาลก็มี ธรรมพุทธต้องต่อสายให้ถูกครับ
                             
พระอรหันต์ทั้งหลายจึสืบทอดธรรมต่อกันมาไม่ขาดสายด้วยเหตุนี้

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?