ลักษณะของธรรม ๕ สาย




ในบทความก่อนๆ ได้อธิบายแล้วว่าธรรมะนั้นมีแก่นแท้เดียวกันแต่เปลือกนอกแตกต่างกันได้ ในบทความนี้จะขออธิบายเรื่องนี้ต่อจากบทความก่อนๆ ครับ ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง “สายธรรม” ต่างๆ ที่แตกต่างกันทั้งห้าสาย ซึ่งเป็นสายธรรมที่พบได้บ่อยและน่าสนใจ ทว่า หลายท่านอาจเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เข้าใจ ดังต่อไปนี้ครับ
  
๑ “สายไภษัช” ธรรมเหมือนโอสถ
ธรรมสายนี้อุปมาเหมือนโอสถรักษาโรค, ผู้ปฏิบัติธรรมอุปมาเหมือนคนไข้ พระพุทธเจ้าอุปมาเหมือนหมอ มีพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าองค์สำคัญในสายธรรมนี้ หลักการของธรรมสายนี้คือ การวิเคราะห์จิต, จริตวิสัยของสัตว์ เหมือนหมอที่วินิจฉัยโรค เมื่อชัดเจนแล้วว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไรก็จะต้องหาทางแก้ไข รักษาตามโรคที่เขาเป็น เช่น การใช้หลัก “พิษล้างพิษ” เป็นหลักการรักษาโรคที่พบได้บ่อย ธรรมะสายนี้มักมีลักษณะ “ปากหวานซ่อนพิษ” ใช้คำสละสลวย น่าฟัง ทว่า แฝงไว้ด้วยพิษเพื่อใช้พิษล้างพิษจากอวิชชาของผู้ฟัง เพราะผู้ปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีใครเริ่มต้นจากรู้แจ้ง แต่เริ่มต้นจาก “อวิชชา” คือ ความไม่รู้มาก่อนทั้งสิ้น

“สายวัชระ” กระแทกให้ตื่นแจ้ง
ธรรมสายนี้อุปมาธรรมะเหมือนวัชระ แปลได้หลายอย่างครับ เช่น เพชร, สายฟ้า ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนอุปมาเหมือนธรรมะสายวัชรยานทั้งสิ้น ถามว่าเป็นอย่างไร? ก็เป็นเหมือนเพชรตัดเพชร, กระบี่กระทบกระทั่งกัน ผู้ปฏิบัติธรรมสายนี้มักมีเรื่องกระทบกันรุนแรงราวกับเพชรตัดเพชร กระบี่กระทบกันเลย เพื่ออะไร? เพื่อทำให้ “จิตตื่นแจ้ง” ยังไงละครับ ทว่า ต้องไม่ลืมว่าผู้ที่จะกระทำได้ต้องมีธรรมเหมือนพระพุทธเจ้าก่อน มิใช่ว่าใครก็ทำได้ จะให้ตาสีตาสาที่ไหนก็ได้ มายืนด่าเรารัวๆ กระทบ กระแทกใส่ๆๆ เราไม่ยั้ง เพื่อให้จิตเราตื่นแจ้งนั้น “หาได้ไม่” เป็นไปไม่ได้เลยครับ ดังนั้น หากมิได้มีธรรมวัชระแล้ว จงอย่าริอาจใช้อย่าริอาจไปกระแทกใส่ใคร

๓ “สายซกเชน” กระจ่างจ้าดุจรุ้ง
ธรรมสายนี้อุปมาธรรมะ เช่น “สายรุ้งหรือรัศมีรุ้ง” เป็นสายอ่อนโยน แตกต่างจากสายวัชรยานสิ้นเชิง ไม่มีการกระทบกระทั่ง ไม่กระแทกกระทั้น อ้าว แล้วแบบนี้จะให้จิตตื่นแจ้งได้อย่างไร? ได้สิครับ บอกแล้วว่ามันต่างกันแค่ “เปลือกนอก” แต่แก่นแท้มีสัจธรรมเช่นกัน กล่าวคือ สายนี้จะมอง “ทุกอย่างเป็นธรรมะ” มันแค่ “ความหลากหลายเหมือนสีรุ้ง” เท่านั้นเอง มันไม่ผิดที่รุ้งจะมีเจ็ดสี และไม่ผิดเลยที่มีสีต่างกัน ความต่างกัน มิใช่ความผิด แต่เป็นเพียงธรรมะ ธรรมชาติเท่านั้น ฟังดูเหมือนง่ายนะครับ ทว่า ยากกว่าสายวัชรยานไปอีก ผู้ปฏิบัติต้องมีบารมีธรรมเก่าสูงมากพอที่จะยอมรับ สิ่งที่ไม่ดี, ชั่วร้าย (ยอมรับทุกอย่างได้ว่าคือธรรมครับ)

๔ “สายเซน” เน้นที่ “จิตเดิมแท้”
ธรรมสายนี้มักมีวลีฮิตติดปากประจำว่า “ศิษย์โง่มาเรียนเซน” เพราะอะไรต้องโง่จึจะเรียนเซนได้ครับ? คือ อย่างนี้ครับ เซนนั้นจริงๆ หมายถึง “การเข้าถึงโดยจิต” มิใช่โดยสมองมิใช่โดยความฉลาด คำว่าเซนถูกแปลผิดว่า “ฌาน” ทำให้หลายคนคิดว่านิกายเซนเน้นฌาน ต้องนั่งหลับตาฝึกสมาธิ ไม่ใช่เลยครับ แบบนั้นของสายตันตรยานเขา เซนไม่ต้องนั่งสมาธิเลย เพราะใช้การทำงานและการใช้ชีวิตปกติเรียบง่ายเป็นการปฏิบัติธรรม คุณจะเห็นพระเซนใช้ชีวิตปกติเรียบๆ ง่ายๆ และมักหาอะไรทำอยู่เสมอ ที่สำคัญ ถ้าคุณนั่งสมาธิเขาก็จะปลุกคุณด้วยซ้ำ เพราะจิตเดิมแท้ของคุณสามารถจรจากร่างได้ เซนเน้นระวังเรื่องการเสียจิตเดิมแท้ครับ

๕ “สายตันตระ” มากด้วยมรรค
ธรรมสายนี้ “ตรงข้ามกับสายเซน” เลย ในขณะที่เซนไม่เน้นการทำสมาธิ ไม่เน้นมรรควิธีทางสมาธิต่างๆ แต่ตันตรยานกลับกลายเป็น “มุ่งเน้นการทำสมาธิอย่างหลากหลายวิธี” การทำสมาธิของสายตันตระยานนั้นมีมากเกินกว่าจะนับได้ แถมยังมีลูกเล่นมากมายที่หลอกล่อให้คนเข้าหาอีก เช่น วิชากามตันตระ, วิชาฌาน, วิชากุณฑาริณี, วิชาธรรมจักรหมุน ฯลฯ ธรรมสายนี้เลยเหมาะกับคนที่มีจริตวิสัยแบบพราหมณ์ที่ชอบการ ฝึกวิชาต่างๆ เหตุที่ต้องเน้นเช่นนี้เพราะว่าไม่มีใครสามารถบรรลุธรรมได้หาก “ฐานไม่มี” หากพละห้ายังไม่พร้อม ไม่เข้มแข็งพอ ก็ไม่มีทางบรรลุธรรมได้ครับ สายตันตระยานเลยมุ่งเน้นการทำสมาธิมากเป็นพิเศษ
                             
ทั้งหมดนี้คือ ธรรมะทั้งห้าสายที่คุณสามารถพบได้ทั่วไปและทั่วโลกครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?