ลักษณะธรรมปัจจุบัน ๕ ประการ



ในหลายบทความก่อนๆ ได้กล่าวถึงธรรมปัจจุบันบ่อยๆ หลายคนอาจสงสัยว่าธรรมะมีปัจจุบันด้วยหรือ? น่าจะเหมือนอดีตไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องมีธรรมใหม่ที่สอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบันที่เรียกว่าธรรมปัจจุบัน? ในบทความนี้จะขออธิบายเพิ่มเติมในความหมายที่ไม่มีในตำราทั่วไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน ดังต่อไปนี้
  
๑ เปลือกและแก่นของธรรมปัจจุบัน
“สัจธรรมทั้งหลายมีแก่นแท้เดียวกัน” แต่มีเปลือกเป็นสมมุติ ที่ต่างกันไปเท่านั้นเอง ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึเทศนาธรรมะอยู่เรื่อยๆ ไม่ได้กล่าวแต่เรื่องนิพพานอย่างเดียวตลอดเวลา พระไตรปิฎกจึมี ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ทว่า ไม่ว่าจะเป็นธรรมหมวดใด เช่น อริยสัจสี่, อิทธิบาทสี่, ขันธ์ห้า, มรรคแปด ฯลฯ ก็ล้วนเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นทั้งสิ้น หากพระพุทธเจ้ายังไม่ละสังขาร ท่านก็จะแสดงธรรมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันและผู้ฟังไปเรื่อยๆ เราจะเห็นพระธรรมหมวดใหม่ๆ อีกเรื่อยๆ มากมาย เห็นไหมว่าพระธรรมมีใหม่ได้เรื่อยๆ ตามสถานการณ์ ตามแต่ผู้ฟัง นี่คือ เปลือกอันเป็นสมมุติ ทว่า แก่นแท้แล้วก็ไม่แตกต่างกันเลย

“สมมุติในปัจจุบัน” ก็คือ ธรรมะ?
หลายคนมักปฏิเสธสมมุติ เพื่อที่จะคว้าหาเอาแต่แก่น ไม่เอาเปลือก แท้จริงแล้วทุกสิ่งก็ล้วนอนิจจัง อนัตตา ไม่ว่าจะแก่นหรือเปลือก ดังนั้น การเลือก “ข้อที่ถูกที่สุด” แล้วตัดข้อที่คิดว่าผิดออกไป ย่อมไม่ใช่วิสัยของนักปฏิบัติธรรมเป็นแน่แท้ แบบนั้นเป็นความเคยชินของปุถุชนทางโลกที่เรียนในระบบข้อสอบปรนัยมากเท่านั้น ดังนั้น เราจึไม่อาจคว้าเอาแต่แก่นแล้วปฏิบัติสมมุติอันเป็นเปลือกนอกได้ ทุกอย่างคือธรรมะ ธรรมชาติ ไม่ต่างกัน ธรรมปัจจุบันที่กล่าวอยู่นี้ก็เช่นกัน หมายถึง ธรรมะที่มีแก่นแท้เป็นสัจธรรมเดียวกันแต่มีเปลือกนอก หรือ “สมมุติ” ที่สอดคล้องกับ “ยุคสมัยปัจจุบัน” ก็นั้นเอง (สมมุติทุกอย่างในปัจจุบันล้วนเป็นธรรมะทั้งสิ้น)

๓ การดำรงชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนยุคปัจจุบัน
คนยุคปัจจุบันมีการดำรงชีพที่แตกต่างไปจากก่อน แต่นี่ไม่ใช่ความผิดหรือถูกต้องอะไร มันเป็นเช่นนี้เองที่จะมีความเปลี่ยนแปลงไปของคนยุคต่างๆ เพราะบุญกรรมของสัตว์ที่เกิดในโลกแต่ละยุค ไม่เท่ากัน ยุคนี้มีคนมีบุญบารมีมาเกิดมาก โลกก็เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพียงไม่กี่รัชกาล เรามีเครื่องบินข้ามโลกกันได้แล้ว เราพูดคุยและมองเห็นกันได้ทันทีจากอีกซีกโลกหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ ก็คือ “ความเจริญของโลกเมื่อเข้าสู่ยุคของพระพุทธเจ้า” ไม่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ไหน ก็ล้วนทำให้โลกเจริญอย่างนี้ทั้งสิ้น ไม่ใช่มีแต่พระศรีอาร์ฯ เท่านั้นที่ทำได้ พระศากยมุนีพุทธเจ้าก็ทำได้เช่นกันด้วยบุญบารมีของท่านแต่ก่อนมานั้น ผู้คนจึมีชีวิตเปลี่ยนไป

๔ เทคโนโลยีปัจจุบันก็คือ “ปริศนาธรรม” ?
จริงครับ ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนาธรรมมี “สัจธรรมแก่นแท้” ซ่อนอยู่ภายในทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นอินเตอร์เน็ต, เกมออนไลน์ ฯลฯ ทุกอย่างที่มี ที่เกิดและดับในปัจจุบันนี้ล้วนเป็นปริศนาธรรมที่มีแก่นแท้แห่งธรรมอยู่ทั้งสิ้น  ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ใช่ธรรมะธรรมชาติ ด้วยธรรมะธรรมชาติคือ “ทุกสรรพสิ่ง” นั่นเอง เพียงแต่เราจะเข้าใจมันได้หรือเปล่า? ก็เท่านั้น เหมือนเช่นที่เจ้าชายสิทธิถัตธะได้เห็นปริศนาธรรมเป็น “เทวทูตทั้งสี่” นั่นเองนั่นก็คือ ปริศนาธรรมอย่างหนึ่งเช่นกัน ที่กระตุ้นให้เจ้าชายทรงสละบัลลังก์แล้วออกบวชเพื่อแสวงหาสัจธรรมเช่นนั้น ทว่า เราทั้งหลายอาจไม่สามารถตรัสรู้เองได้เช่นท่าน เราจึต้องอาศัยการรับธรรมะมาจากท่านอีกทีนั่นเอง

๕ ธรรมปัจจุบันแตกต่างจากอดีตอย่างไร?
หลายคนมักพูดว่าไม่ต้องบวชพระก็ได้ เป็นพระที่ใจก็ได้ จริงๆ แล้วเป็นไปได้ยากมากครับ แม้ว่าจะเป็นได้ก็จริง แต่คนพูดมักประมาทในธรรม หลงคิดว่าการปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสเป็นของง่าย แต่ถามว่าทำได้ไหม? ก็ตอบว่าได้ และนี่แหละคือ “ธรรมปัจจุบัน” ไม่ต้องบวชพระ ทุกอย่างที่มีอยู่ในชีวิตก็คือธรรมะอยู่แล้ว แต่การที่เราจะปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาสก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แถมยากยิ่งกว่าการบวชพระอีกด้วย หากว่าเราเก่งกว่าหลวงพ่อ หลวงปู่ เช่น หลวงปู่มั่น, หลวงพ่อโต ฯลฯ แล้ว การบำเพ็ญธรรมในเพศฆราวาสของเราก็จะเป็นไปได้ แต่จะมีสักกี่คนที่มีบารมีธรรมแก่กล้ากว่าหลวงปู่, หลวงพ่อ เหล่านี้ละ จริงไหมละครับ?
                             
ธรรมปัจจุบันไม่มีการหนีโลกเข้าป่า หรือไปบวชอะไรอีกแล้วครับ

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม

ปฏิบัติธรรมแล้วเพี้ยนจะแก้อย่างไร?

ผู้มีปัญญาแท้ไม่อ้างหลักธรรม

วิชามารคืออะไร?